"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เผยการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือหุ้น

"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เผยการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือหุ้น

"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เผยการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือหุ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มหาเศรษฐีระดับโลก "วอร์เรน บัฟเฟตต์" เผยการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือหุ้น อย่างที่หลายคนคิด

ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท Berkshire Hathaway เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มหาเศรษฐี "วอร์เรน บัฟเฟตต์" ประกาศว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอภายในสิ้นปีนี้ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารต่อไป

บัฟเฟตต์พูดต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมงในงาน และตอบคำถามทุกข้ออย่างเต็มที่ เขามีแนวคิดการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย โดยเชื่อว่า การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต ไม่ใช่เงินทองในบัญชี แต่คือการได้อยู่ร่วมกับผู้คนที่มีเป้าหมายเดียวกันและมีทัศนคติที่ดี

เลือกคบเพื่อนให้ถูกคน

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยให้คำแนะนำว่า “จงอยู่ท่ามกลางคนฉลาด และเรียนรู้ไปด้วยกัน” เพราะเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ แล้ว การลงทุนกับมิตรภาพคือสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับที่เขาได้พบกับชาร์ลี มังเกอร์ ตั้งแต่วัยหนุ่ม ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน และหุ้นส่วนทางความคิด เพราะมีมุมมองและความสนใจคล้ายกัน

พวกเขาสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้กันเสมอ จนทำให้ Berkshire Hathaway ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านการลงทุน

มีคำกล่าวว่า “ระดับของคนหนึ่งคน มักเท่ากับค่าเฉลี่ยของเพื่อนสนิท 5 คนของเขา” หากคุณคบหากับคนที่มีความรู้และมุมมองกว้างไกล ความคิดและการรับรู้ของคุณก็จะพัฒนาไปตามนั้น

การคบเพื่อนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณ แต่หากคุณคบกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย จิตใจหม่นหมอง คุณก็อาจค่อย ๆ จมลงในความคิดด้านลบเช่นเดียวกัน หากคบกับคนใจแคบและดื้อรั้น คุณก็อาจกลายเป็นคนหัวรุนแรงโดยไม่รู้ตัว

เพื่อนที่อยู่รอบตัวคุณ คือผู้กำหนดทิศทางในอนาคตของคุณ ดังนั้นออกไปพบเจอผู้คนดี ๆ เพื่อสร้างตัวตนที่ดีกว่าเดิมเถอะ

เลือกงานให้ถูกทาง

มหาเศรษฐีระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวว่า “หากคุณค้นพบสิ่งที่คุณรักตั้งแต่อายุยังน้อย และมันสอดคล้องกับความสนใจของคุณ คุณจะทำงานอย่างเต็มที่และพยายามเพื่อมัน อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินตั้งแต่แรกเริ่ม”

ในมุมมองของบัฟเฟตต์ “งาน” คือการลงทุนที่ดีที่สุดของคนหนุ่มสาว หากเลือกอาชีพผิด คุณอาจสูญเสียอนาคตไปเลยก็ได้ เพราะเกณฑ์ในการเลือกงานที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือน แต่คือ “คุณรักในสิ่งที่ทำหรือไม่”

ทุกวันนี้หลายคนทำงานไปด้วยความเครียดและไม่พอใจ ต้องคอยระวังหัวหน้า ระแวงเพื่อนร่วมงาน อาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่เจองานที่ใช่สำหรับตัวเอง

ดูอย่างบัฟเฟตต์เป็นตัวอย่าง เขาอายุเกิน 90 แล้วแต่ยังไม่เคยคิดเกษียณ เพราะเขามองว่างานคือความสุข เขาเคยบอกว่า “งานทำให้ผมมีความสุข การเกษียณจะทำให้ผมเบื่อหน่าย สำหรับผม งานคืองานอดิเรก คือชีวิต และคือคุณค่า”

เขาจึงใช้เวลาในแต่ละวันอย่างกระตือรือร้นกับงาน โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะงานเป็นแหล่งพลังใจของเขา

เมื่อคุณเข้าทำงานกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือเลือกทำงานในสายอาชีพใด นั่นคือคุณกำลัง “ลงทุนชีวิต” ซึ่งสำคัญและต้องระมัดระวังยิ่งกว่าการลงทุนด้วยเงินเสียอีก เพราะผลลัพธ์ของงานจะสะท้อนเป็นผลลัพธ์ของชีวิต

ดังนั้นจงเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก แล้วทุ่มเทให้สุดหัวใจ

เลือกคู่ชีวิตให้ถูกคน

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวไว้ว่า “การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ใช่เรื่องการลงทุนใด ๆ แต่คือการเลือกว่าคุณจะแต่งงานกับใคร” เพราะการเลือกคู่ชีวิตผิด ไม่เพียงแค่ทำให้สูญเสียเงินทอง แต่ยังอาจทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิตอีกมากมาย

การมีคู่ชีวิตที่ดีเปรียบเหมือนมีหลักยึดมั่นในชีวิต เพราะ “ครอบครัว” คือที่พักพิงสุดท้าย ที่ซึ่งเราจะกลับมาได้เสมอเมื่อเหนื่อยล้า มีเพียงคนข้างกายที่เข้าใจและอบอุ่น เราจึงจะมีความสุขใจและมีแรงไปต่อในเส้นทางอาชีพ

ในหนังสือ Logic of Life ของเฟิงหลุน นักเขียนชาวจีน ได้เล่าเรื่องราวชีวิตที่กินใจว่า เมื่อตอนเริ่มต้นทำงาน เขารู้สึกไม่พอใจภรรยา ที่มักจะบ่นเขาว่า “ขี้เกียจ” และ “หาเงินได้น้อย” แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาและภรรยากลับกลายเป็นคู่คิดที่สามารถร่วมฝ่าฟันปัญหาได้อย่างมีสติและมองโลกในแง่ดี ไม่ใช่แค่บ่นหรือท้อถอย

เขายอมรับว่า ความสำเร็จในชีวิตของเขามาจากการได้รับแรงสนับสนุนอย่างมั่นคงจากภรรยา

เช่นเดียวกับบัฟเฟตต์ที่เคยกล่าวไว้ว่า “การแต่งงานและครอบครัว คือการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ”

การได้พบคู่ชีวิตที่ดี และรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง คือความสุขและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตคนคนหนึ่ง

รักษาทัศนคติเชิงบวกไว้เสมอ

ในงานประชุม มีคนถามบัฟเฟตต์ว่าเขามองอย่างไรเมื่อต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต บัฟเฟตต์ตอบว่า “เรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ แต่จงมองไปที่สิ่งดี ๆ ให้มากกว่า”

ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา บัฟเฟตต์บอกว่าเขาไม่เคยรู้สึกว่าได้เจอกับอะไรที่เลวร้ายเกินรับมือ เขามักเลือกที่จะ “โฟกัสที่สิ่งดี ๆ” เพราะตราบใดที่คุณรักษาวิธีคิดให้ถูกต้อง คุณก็จะหาทางแก้ปัญหาได้ และสุดท้ายสิ่งดี ๆ ก็จะตามมา

แม้ในชีวิตจะมีความผิดพลาด การลงทุนล้มเหลว ตลาดหุ้นผันผวน หรือถูกผู้คนตั้งคำถาม แต่บัฟเฟตต์ยังคงมองโลกในแง่ดีเสมอ เขายังเคยพูดติดตลกว่า “ตอนนี้ฉันอายุ 94 แล้ว และยังได้ดื่มโค้กที่ชอบทุกวัน แค่นั้นก็ดีมากแล้ว”

ทัศนคติเชิงบวกแบบนี้เอง ที่ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาเลวร้ายได้เสมอ และยืนหยัดอย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้

จงรักษาความใฝ่รู้ไว้เสมอ และอ่านหนังสือให้มากขึ้น

มีคนถามบัฟเฟตต์ว่า ทำไมในวัย 94 ปี เขายังเฉียบคมและคิดอ่านได้ดีเช่นนี้? เขาตอบว่า "เพราะผมยังคงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา"

เมื่อเรายังมีความใฝ่รู้ เราจะไม่หยุดเรียนรู้ สมองจึงไม่หยุดพัฒนา และความคิดก็ไม่หยุดเติบโต ทัศนคติแบบนี้เองที่ทำให้เราไม่ตกยุคและมองเห็นโอกาสก่อนใคร

หลายคนประหลาดใจในความสามารถของบัฟเฟตต์ในการมองเทรนด์อนาคต แต่ความลับคือ เขาใช้เวลาวันละ 4–5 ชั่วโมงในการอ่านหนังสือ

เขาเคยกล่าวว่า "การอ่านหนังสือ คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก" ไม่ว่าเวลาจะยุ่งแค่ไหน เขาก็ไม่เคยละเลยการอ่าน และนั่นเองคือกุญแจสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องในชีวิตและการลงทุน

ทุกครั้งที่เปิดหนังสืออ่าน ก็เหมือนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือฟังคำแนะนำจากคนที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งอ่านมาก สมองยิ่งเฉียบคม และทักษะการแก้ปัญหายิ่งดีขึ้นตามไปด้วย

อีลอน มัสก์ เองก็เคยกล่าวที่มหาวิทยาลัยชิงหัวว่า "ผมประสบความสำเร็จ เพราะผมอ่านหนังสือเยอะมาก"

หนังสือสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคุณได้ เมื่อคุณเริ่มเปิดหน้าหนังสือ ชีวิตคุณก็เริ่มเปิดประตูสู่บทใหม่เช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล