ธาริษา ชี้ต่อค่าครองชีพถาวรกระทบลงทุนรัฐ

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในปีนี้ คาดว่าจะมีโอกาสได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะทยอยขึ้นดอกเบี้ย น่าจะช่วยได้ดีกว่าขึ้นครั้งเดียวจำนวนมาก โดยการขึ้น ก็ขึ้นครั้งละ 0.25-0.50 % โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ และระยะเวลาในการดำเนินนโยบายการเงิน ส่วนการที่ รัฐบาล ต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชนออกไปถึงสิ้นปีนี้นั้น ทาง ธปท. ประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อไม่มากนัก แต่หากปรับให้เป็นมาตรการถาวร ก็จะกระทบต่อการใช้จ่ายของรัฐบาล เนื่องจาก รัฐบาล ยังมีภาระการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องมีการหารายได้ ถ้ารัฐบาล นำรายได้ไปชดเชยด้านอื่น ก็ควรจะมีการจัดการที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อการลงทุน

อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ที่จะเปิดเผยชื่อ ว่าที่ ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ จากการคัดเลือกนั้น ไม่กังวลว่าการเมืองจะเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของ ผู้ว่า ธปท. เพราะเชื่อว่า ผู้ว่า ธปท.คนใหม่ จะสามารถทำงานอย่างเป็นอิสระ และกระบวนการสรรหาที่ผ่านมา ก็เป็นไปอย่างโปร่งใส ส่วน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่มีข่าวว่า จะนั่งผู้ว่า ธปท. คนใหม่ เห็นว่า ก็มีความเหมาะสม

ทั้งนี้ นางธาริษา ยังเปิดเผยอีกว่า หากรัฐบาลมีการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใน 24 จังหวัดคงกระทบกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่จำกัด เพราะจากการติดตามดูข้อมูลผลกระทบ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค. ที่ผ่านมา ข้อมูลที่ออกมาถือว่าได้รับผลกระทบจากการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติกังวลจนไม่กล้ามาเที่ยว เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่กระทบในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ส่วนพื้นที่อื่น ๆ กระทบน้อย ถ้ามองในระยะสั้น แต่ในระยะยาวก็ยังต้องติดตามดูให้ใกล้ชิดว่า กระทบมากอย่างไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม ทิศทางการท่องเที่ยวน่าจะปรับดีขึ้นได้ เนื่องจาก สถานการณ์ในยุโรปก็ปรับดีขึ้น จากการเข้าช่วยเหลือ
เป็นแพ็คเกจของหน่วยงานต่างๆ ส่งผลให้ตลาดเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าว น่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตของ
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ให้มีโอกาสฟื้นตัว ได้มากขึ้นด้วย