ดร.โกร่งจี้รัฐเร่งลงทุนเหตุศก.ฟื้นไม่ชัด
นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถา เรื่องภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกหลังวิกฤตซับไพรม์และผลกระทบต่อประเทศไทยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ช่วงที่ผ่านมา ที่ทุกประเทศ
ทั่วโลก ต่างใช้นโยบายงบประมาณขาดดุล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคยุโรป ที่ใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงิน และธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่ให้เกิดการล้มละลาย ซึ่งทำให้ในขณะนี้ เศรษฐกิจที่เห็นว่าเริ่มฟื้นตัวนั้น มาจากภาคการเงินมากกว่า ที่จะเป็นภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทำให้ตอนนี้ภูมิภาคยุโรป เริ่มเกิดปัญหาหนี้สินขึ้น ไทยจะต้องจับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม ว่าจะเกิดวิกฤตเหมือนเช่นยุโรปหรือไม่ และ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร
นายวีรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงจะยังคงอ่อนแอต่อไป ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ นายวีรพงษ์ ยังกล่าวถึง เรื่องที่รัฐบาล เตรียมปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า รัฐบาลควรเดินหน้าทำการลงทุนต่อไป หลังมองว่า สภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยในขณะนี้ ยังเป็นการฟื้นตัวที่ไม่แท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้ ควรเร่งแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองด้วย เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตจากไทยไปสู่ประเทศจีนได้ ส่วนปัญหาการเมืองไทย ในขณะนี้ที่มีความรุนแรง ก็ถือว่า เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความน่าเป็นห่วง
นายวีรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเฝ้าระวังภาวะเงินเฟ้อ ที่หากมีการบริหารจัดการแย่ๆ อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อควบคู่ไปกับการ ที่เศรษฐกิจซบเซาได้ รวมไปถึงต้องดูแลค่าเงินบาทอย่างไม่แข็งค่ามากเกินไป โดยเทียบเคียงเงินสกุลเงินหยวนของจีนด้วย
ทั่วโลก ต่างใช้นโยบายงบประมาณขาดดุล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคยุโรป ที่ใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงิน และธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่ให้เกิดการล้มละลาย ซึ่งทำให้ในขณะนี้ เศรษฐกิจที่เห็นว่าเริ่มฟื้นตัวนั้น มาจากภาคการเงินมากกว่า ที่จะเป็นภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทำให้ตอนนี้ภูมิภาคยุโรป เริ่มเกิดปัญหาหนี้สินขึ้น ไทยจะต้องจับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม ว่าจะเกิดวิกฤตเหมือนเช่นยุโรปหรือไม่ และ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร
นายวีรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงจะยังคงอ่อนแอต่อไป ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ นายวีรพงษ์ ยังกล่าวถึง เรื่องที่รัฐบาล เตรียมปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า รัฐบาลควรเดินหน้าทำการลงทุนต่อไป หลังมองว่า สภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยในขณะนี้ ยังเป็นการฟื้นตัวที่ไม่แท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้ ควรเร่งแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองด้วย เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตจากไทยไปสู่ประเทศจีนได้ ส่วนปัญหาการเมืองไทย ในขณะนี้ที่มีความรุนแรง ก็ถือว่า เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความน่าเป็นห่วง
นายวีรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเฝ้าระวังภาวะเงินเฟ้อ ที่หากมีการบริหารจัดการแย่ๆ อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อควบคู่ไปกับการ ที่เศรษฐกิจซบเซาได้ รวมไปถึงต้องดูแลค่าเงินบาทอย่างไม่แข็งค่ามากเกินไป โดยเทียบเคียงเงินสกุลเงินหยวนของจีนด้วย