อนุทิน วอนอย่าดึงวัคซีนโควิดขัดแย้งการเมือง จ่อฉีด ลุงตู่ คนแรก หากประเมินว่าปลอดภัย

อนุทิน วอนอย่าดึงวัคซีนโควิดขัดแย้งการเมือง จ่อฉีด ลุงตู่ คนแรก หากประเมินว่าปลอดภัย

อนุทิน วอนอย่าดึงวัคซีนโควิดขัดแย้งการเมือง จ่อฉีด ลุงตู่ คนแรก หากประเมินว่าปลอดภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อนุทิน" แนะฝ่ายการเมืองให้คิดถึงบ้านเมือง ปมวิจารณ์วัคซีนโควิด อย่าเพียงจ้องเอาชนะคะคาน แย้มอาจฉีดให้ "ลุงตู่" เป็นคนแรก หากทีมแพทย์ประเมินแล้วไม่ติดขัดเรื่องละเมิดข้อจำกัดทางการแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

วันนี้ (22 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า ทางผู้ผลิตจากประเทศจีนรับรองแล้วว่าจะส่งวัคซีนถึงไทยในวันพุธที่ 24 แน่นอน และยังแสดงความยินดีที่ได้ช่วยเหลือภารกิจด้านสุขภาพของไทย นับว่าแผนการของไทยยังไม่สะดุด จากนี้ไทยจะได้วัคซีนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะฉีดใคร พื้นที่ไหนบ้าง ให้เป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการที่รับผิดชอบ ซึ่งตนไม่แทรกแซง ทั้งตนและ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับการฉีดตอนไหน ก็เป็นไปตามดุลยพินิจของคณะกรรมการ

ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนมาถึง ทาง อย.และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องไปตรวจสอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ก่อนปักลงบนแขนของคนไทย การได้วัคซีนมาแต่ละโดสนั้นต้องแข่งขันกันสูงมาก แต่ทีมประเทศไทยทำงานหนักจนประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องน่าชื่นชม

สิ่งที่ต้องการสื่อสารคือ หลายครั้งที่ฝ่ายการเมืองทำให้เรื่องวัคซีนโควิดกลายเป็นความยากลำบากขึ้นไปอีก เพราะทางผู้ผลิตก็ไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ยิ่งไปกว่านั้นการให้ข่าวว่าวัคซีนที่ไทยนำเข้ามามีประสิทธิภาพต่ำ มีผลข้างเคียง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ การฉีดวัคซีนนั้นช่วยป้องกันอาการป่วยหนัก แทนที่จะสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้ชาติปลอดภัย กลับเอาแต่นำเสนอด้านลบ จนสังคมเกิดความไม่มั่นใจ กลายเป็นอุปสรรคในการควบคุมโรค ตนต้องการให้ฝ่ายการเมืองนำเสนอเพื่อให้ชาติเดินหน้า ดีกว่ามุ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะคะคานกัน

ในประเด็นเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิดซึ่งบางฝ่ายกล่าวว่ารัฐผูกขาด ล็อกสเป็ก ตนขอย้ำว่า ไทยพร้อมคุยกับผู้ผลิตทุกราย พร้อมขึ้นทะเบียนหากเป็นไปตามเงื่อนไข และพร้อมจัดหามาแน่นอน แต่ประเด็นคือ ผู้ผลิตหลายรายเสนอมอบวัคซีนในช่วงกลางปีถึงปลายปี ซึ่งทับซ้อนกับช่วงที่ไทยจะได้วัคซีนจากผู้ผลิตฝั่งยุโรป ในขณะที่วัคซีนมีอายุขัยไม่นานนัก การเก็บไว้หลายเดือนจึงไม่เหมาะสม ดังนั้นไทยจึงไม่ได้นำวัคซีนมาจนค้างสต็อก อีกอย่างคือไทยสามารถผลิตได้เองด้วย นับว่าไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพอย่างยิ่ง

ยันฉีดวัคซีนตามข้อจำกัดทางการแพทย์ จ่อฉีดนายกฯ คนแรก เพื่อความมั่นใจของประชาชน

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังเปิดเผยอีกว่า ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แจ้งกับตนว่า พร้อมที่จะฉีดวัคซีน เพื่อประชาชนจะได้มั่นใจ ตนจึงจำเป็นให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นให้ได้ภายใต้ความปลอดภัย ยืนยันว่าไม่มีการละเมิดข้อจำกัดทางการแพทย์ หากฉีดไม่ได้คือฉีดไม่ได้

ซึ่งวัคซีนล็อตแรกที่จะมาถึงในวันที่ 24 ก.พ.นี้ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณาว่านายกรัฐมนตรีสามารถฉีดได้ ก็จะดำเนินการตามนั้น แต่ตัวนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์ชัดเจน หากสามารถทำได้ก็ยินดีจะฉีดเป็นคนแรก เพราะหากพูดตามตรงนายกรัฐมนตรีก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงอยู่ในกลุ่มที่ได้รับพิจารณาเป็นกลุ่มแรก

ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่วัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด มีคำแนะนำว่ายังไม่มีการทดลองกับกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมากเท่าที่ควร หากมีข้อจำกัดเรื่องอายุเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีก็ฉีดไม่ได้ แต่หากมีวัคซีนยี่ห้ออื่นเข้ามาในช่วงนี้ และไม่มีข้อจำกัดดังกล่าวก็สามารถฉีดได้ รวมถึงยังไม่มีกำหนดการที่จะเริ่มฉีดให้กับประชาชน

มอบหมาย นพ.โสภณ รับผิดชอบกระจายวัคซีน เตรียมเจ้าหน้าที่สังเกตอาการหลังฉีดแล้ว

นายอนุทิน ระบุว่า วัคซีนโควิดที่จะเข้ามาวันที่ 24 ก.พ.นี้ จำนวน 2 แสนโดส ซึ่งจะฉีดให้กับประชาชน 1 แสนคน โดยรายละเอียดเกี่ยวกับการกระจายและฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลใดนั้น นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ในส่วนของตนที่ทำหน้าที่จัดหาวัคซีนและทำสัญญาซื้อขายถือว่าหมดหน้าที่ ทั้งนี้ ตนมองว่าขั้นตอนต่อจากนี้เป็นเรื่องเทคนิค ไม่อยากให้มีเรื่องการเมืองไปยุ่งเกี่ยว

ส่วนผลกระทบที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีนล็อตแรกนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยขั้นตอนจะต้องสังเกตอาการ 30 นาที อยู่ในความดูแลของแพทย์ หากเกิดผลกระทบแพทย์จะทำการรักษาได้ทันท่วงที ยืนยันว่าอยู่ในมือแพทย์ปลอดภัยแน่นอน

ส่วนมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ที่เปิดให้ดื่มแอลกฮอล์ในร้านอาหาร สถานบันเทิงได้ถึง 23.00 น. แสดงถึงความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการระบาดได้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมั่นใจในความรับผิดชอบของคนไทยที่จะร่วมมือกันเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญที่ดีที่สุด แต่ตนก็ห่วงเรื่องการดื่มกินที่จะต้องเปิดหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ นายอนุทิน ย้ำว่า การต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนถึงวันที่ 31 มี.ค. นั้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีเครื่องมือให้พร้อม หากเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้ปฏิบัติงานได้อย่างทันท่วงที และจะได้ไม่เสียใจภายหลังหากไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้

พร้อมกับย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ลิดรอนสิทธิการชุมนุม แม้ส่วนตัวจะไม่อยากเห็นการรวมกลุ่มชุมนุมก็ตาม เพราะจะเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ที่ผ่านแม้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การชุมนุมก็มีอยู่ เราก็ห้ามไม่ได้

นายกฯ เผย ศบค. เคาะผ่อนคลายมาตรการ – ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึง 31 มี.ค. เตรียมชงเข้า ครม. พิจารณาพรุ่งนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พร้อมปรับโซนสีแต่ละจังหวัดเพื่อผ่อนคลายลดระดับให้มีพื้นที่อยู่ในสีเขียวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่สีแดงเพียงจังหวัดเดียว คือ พื้นที่ จ.สมุทรสาคร

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผ่อนคลายการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีซึ่งต่างประเทศมีความไว้วางใจ หลังจากที่มีความสำเร็จในการจัดการแข่งขันแบดมินตัน แต่อย่างไรก็ตามหลายอย่างจะต้องตามมาตามลำดับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศ ซึ่งหลังจากนี้ต้องยึดมาตรการ ศบค. เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม บิ๊กตู่ ยืนยันว่า วัคซีนโควิดลอตแรกจะเดินทางเข้าไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นจะมีระยะเวลาเตรียมการ 2-3 วัน และพร้อมฉีดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น และย้ำว่าตนเองมีความพร้อมในการฉีด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ที่ประชุมมีการต่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ พร้อมย้อนถามสื่อมวลชนว่า เดือดร้อนอะไรหรือไม่กับการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้ โดยย้ำว่าการคงไว้เพื่อการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโควิด หากไม่เดือดร้อนจะถามทำไม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook