UN เตือน! มาตรการล็อกดาวน์อาจทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น

UN เตือน! มาตรการล็อกดาวน์อาจทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น

UN เตือน! มาตรการล็อกดาวน์อาจทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอันโตนีโอ กูเตียเรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ชี้ว่า อัตราการเกิดความรุนแรงในครอบครัวพุ่งสูงขึ้นในช่วงการล็อกดาวน์ นายกูเตียเรสจึงเรียกร้องให้รัฐบาลของแต่ละประเทศยกปัญหาดังกล่าวให้เป็นหนึ่งมาตรการสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความดูแลในช่วงการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19

“ความรุนแรงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในสนามรบ สำหรับผู้หญิงและเด็กอีกมายมาย การคุกคามเกิดขึ้นในสถานที่ที่ควรจะปลอดภัยมากที่สุด นั่นคือบ้านของพวกเขาเอง” นายกูเตียเรส กล่าว

“เรารู้ว่าการล็อกดาวน์และการกักตัวเป็นสิ่งสำคัญในการหยุดยั้งโรค COVID-19 แต่มันก็ทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องติดอยู่ในบ้านกับคู่ครองที่ชอบรังแกพวกเธอ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความกลัวและความกดดันทางเศรษฐกิจและสังคมก่อตัวขึ้น เราจึงได้เห็นความรุนแรงในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ”

นายกูเตียเรสยังกล่าวอีกว่า ผู้หญิงในหลายประเทศทั่วโลกที่ร้องขอความช่วยเหลือมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า แต่จำนวนบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

“ผมจึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง ให้เป็นส่วนสำคัญของแผนการป้องกันประเทศจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ”

จากรายงานของ Voice of America ชี้ว่า การเกิดความรุนแรงในครอบครัวของประเทศฝรั่งเศสและแอฟริกาใต้เพิ่มสูงขึ้น โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า แอฟริกาใต้มีรายงานเรื่องความรุนแรงในครอบครัวกว่า 90,000 เคสในช่วงสัปดาห์แรกของการล็อกดาวน์

ตั้งแต่องค์การอนามัยโลกประกาศให้โรค COVID-19 เป็นการระบาดใหญ่ องค์การสหประชาชาติรายงานว่า ผู้หญิงโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในประเทศเลบานอนและประเทศมาเลเซีย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ในประเทศจีน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว

ในประเทศมาเลเซีย รัฐบาลได้ทำแคมเปญที่แนะนำให้ผู้หญิงเลิกบ่นสามี เมื่อขอให้ช่วยทำงานบ้าน ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง จนรัฐบาลต้องยกเลิกแคมเปญนี้ไป เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย ที่ Google ออกมาเผยว่ายอดค้นหาการขอความช่วยเหลือจากความรุนแรงในครอบครัว เพิ่มสูงขึ้นกว่า 75% ขณะที่ประเทศตุรกี นักกิจกรรมก็ชี้ว่าอัตราการฆ่าผู้หญิงพุ่งสูงขึ้นมาก ตั้งแต่มีคำสั่งให้อยู่บ้าน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook