เพลงเปลี่ยนชีวิต : นิวจิ๋ว | Sanook Music

เพลงเปลี่ยนชีวิต : นิวจิ๋ว

เพลงเปลี่ยนชีวิต : นิวจิ๋ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิบสามปีที่แล้ว เวทีประกวดร้องเพลงเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ “The Star” ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กสาวสองคน…

นิว และ จิ๋ว เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อยู่ที่เชียงใหม่ ทั้งสองคนมีฝันแบบเดียวกันและไล่ล่าความฝันด้วยกันตั้งแต่เด็ก นิว กับ จิ๋ว เจอกันตามงานประกวดร้องเพลงที่พวกเธอสมัครทุกครั้ง เจอกันบ่อยจนสนิทและเป็นเพื่อนกันในที่สุด

“เสียใจได้ยินไหม”
เพลงของ พี่ใหม่ เจริญปุระ เพลงนี้คือเพลงเก่งที่จิ๋วมักใช้ประกวด เป็นเพลงที่เธอมั่นใจและอยากร้องให้คนได้ฟัง


“กระแซะเข้ามาซิ”
เพลงของ ราชินีลูกทุ่ง ผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นเพลงที่ทำให้เธอรู้สึกรักและชอบการร้องเพลง

แม้จะเริ่มต้นด้วยแนวดนตรีที่ต่างกัน แต่เราสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า รุ่นพี่นักร้องหญิงไทยนี่แหละ ที่เป็นไอดอลให้ทั้ง นิว และ จิ๋ว อยากเดินออกมาค้นฟ้า คว้าดาวด้วยกันทั้งคู่

หลังจากไล่ตามความฝันด้วยความเชื่อของเด็กสาวในเชียงใหม่สองคนมาได้สักระยะ ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกให้พวกเธอได้ลองก้าวเข้ามา ประตูบานนั้น ชื่อว่า The Star

นิว เริ่มเป็นที่พูดถึงจากการประกวดร้องเพลงครั้งนั้น ด้วยเพลง “คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” ที่เธอร้องได้อย่างมีเสน่ห์ จนครองใจบรรดาแม่ยกพ่อยกไปได้หลายล้านเสียง ในขณะที่ จิ๋ว ทำให้เพลง “ทำไมต้องเธอ” ของ ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นที่จดจำในเวอร์ชั่นผู้หญิงได้ดี และไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความไพเราะน่าฟัง จนเพลงนี้ในเวอร์ชั่นของจิ๋วได้บรรจุอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงของเหล่าเดอะสตาร์ อัลบั้มแรก

แม้หลังจากจบการประกวด ตำแหน่งชนะเลิศไม่ใช่ของพวกเธอทั้งสองคน แต่จากความตั้งใจและเสียงร้องของพวกเธอ โอกาสก็เข้ามาหาเธอทั้งสองครั้ง เมื่อต้นสังกัดให้ทำเพลงของพวกเธอเองในฐานะดูโอ และเพลงแรกที่เปลี่ยนชีวิตจากนักร้องจากเวทีประกวด สู่การเป็นศิลปิน นั่นก็คือเพลง “คนเจ้าน้ำตา”

 


นิว : “มันเป็นความโชคดีมากๆ และรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้พี่นิ่มสีฟ้ามาเขียนเนื้อเพลงนี้ให้”

นอกจาก “คนเจ้าน้ำตา” จะได้นักแต่งเพลงฝีมือฉกาจอย่างพี่นิ่มมาเขียนเพลงให้ ในผลงานเพลงนี้ นิวจิ๋วยังได้ร่วมงานกับศิลปินจากเชียงใหม่ อย่าง ETC. ที่ขณะนั้นสังกัดเดียวกันกับนิวจิ๋ว มาช่วยโปรดิวซ์เพลงและเเต่งทำนองอีกด้วย แต่หลังจากเพลง “คนเจ้าน้ำตา” เราก็ค่อยๆได้ยินชื่อของนิวจิ๋วน้อยลง ทั้งที่เพลงได้กระแสตอบรับก็ดีพอสมควร การเดินทางบทใหม่ของพวกเธอได้เริ่มต่อจากนี้...

สำหรับ Next Step เพลงอะไรกันที่ทำให้คนกลับมารู้จักนิวจิ๋วมากขึ้น?

จิ๋ว : “จิ๋วว่าการกลับมาของเราที่ห่างจากอัลบั้มแรก แล้วเราเบรกไปประมาณ 5 ปีเลยล่ะค่ะ กับการทำอัลบั้มเต็มชุดที่สองของเราที่ชื่อ Next Step เราได้ทำงานกับค่าย Music Cream แล้วมันก็เหมือนเปลี่ยนเราเป็น ก้าวใหญ่ก้าวสำคัญเลย ที่ได้โชว์อะไรที่เต็มที่ในการเป็นนักร้อง และสิ้นสุดการรอคอยของเรา นั่นก็น่าจะเป็นเพลง อย่าเอาความเหงามาลงที่ฉัน”

นี่คือการกลับมาอีกครั้งของทั้งคู่ เธอบอกว่า มันเป็นการกลับมาอย่างแข็งแรง แล้วก็โตขึ้นด้วย

จิ๋ว : “ภาพที่คนอื่นเห็นเมื่อก่อนเราคือเด็กที่ตามความฝัน มีร้องไห้ เสียใจ แต่เรากลับมาอีกที เรามีความแข็งแรง เรามีความอดทนต่อการรอยคอยโอกาส เหมือนเรากลับมาแล้วเรามีพลังงานที่เข้มข้น แล้วก็โชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับพี่ต้น Bluedock ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นโชคชะตาที่พาเรามาเจอพี่ต้นแล้วเราได้เพลงนี้เป็นแบบ ดี แข็งแรงมาก ทำให้แฟนเพลงรู้สึกว่า คุ้มกับการรอแล้วมาเจอกันอีกรอบหนึ่ง”

นิว : “ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่หายไป เราก็ไม่ได้หายไปไหน เราก็ไปฝึกฝน ไปเรียนรู้ ได้พบปะกับแฟนๆ อยู่เรื่อยๆ แล้วก็ส่วนใหญ่ที่เหลือน่าจะเป็นเรื่องการเข้าห้องอัด ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเพราะกว่าจะหากันเจอ กว่าจะเข้าใจวิธีการทำงาน แต่ละเพลง อาจจะต้องมาแก้ หรือว่าเปลี่ยน เราคิดว่ามันคุ้มค่า และมันละเอียดมาก”

หลังจากวันนั้น เพลงของนิวจิ๋วก็ทยอยปล่อยมาไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า เป็นศิลปินที่มีเพลงฮิตอย่างต่อเนื่อง เราเลยลองถามความรู้สึกว่า ตอนเป็นนักร้องประกวดที่ยังไม่มีมีเพลงเป็นของตัวเองนั้นต่างกันยังไงกับตอนนี้?

นิว : “จริงๆโชคดีนะคะ ที่มีนักดนตรีที่เชียงใหม่ พี่ๆ เขาสอนวิธีการร้องเพลง ให้หาคาแรคเตอร์ของตัวเองให้เจอ แล้วเราได้เรียนรู้ ได้ลองร้องเพลงของศิลปินหลายๆ ท่านมาตลอดระยะเวลาหลายปี แล้วเรารู้สึกว่าเราหาคาแรคเตอร์ตัวเองเจอแล้ว มันก็เลยกลายเป็นเรื่องง่าย ในการที่วันนึงเรามีเพลงของเราเองแล้วเราก็สามารถถ่ายทอดมาเป็นแบบของเราได้”

แต่รวมๆแล้วนิวก็บอกกับเราว่า มันแตกต่างกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นเพลงของเราเอง เราเข้าใจเรื่องที่จะสื่อสารออกไป ก็จะสื่อสารได้ดีและชัด ง่ายกว่าเพลงของคนอื่น

จิ๋ว : “สำหรับจิ๋ว คิดว่าเพลงของพี่ๆ ที่เราเอามาร้อง ก็เป็นความสุขของการได้ร้องเพลง ที่มันค่อยๆ หล่อหลอมให้เรากลายเป็นใครอีกคนนึงโดยไม่รู้ตัว เป็นความสุขที่เราฟัง เรามีความสุข เราร้องได้ทุกเพลงที่เขาร้องมา แล้วพอมันเป็นกลายเป็นเพลงของเราเองเนี่ย จิ๋วว่ามันเป็นความสุขที่เราได้ให้คนฟัง แฟนเพลงของเรา แล้วเราได้รับกลับด้วย มันเป็นความรักที่ เรารักในสิ่งที่เราทำ แล้วมีคนที่เขารักเรา มันโตขึ้นไปอีกแบบหนึ่ง”

 

แล้วความรู้สึกที่เห็นรุ่นน้องนักร้องประกวด หยิบเอาเพลงของพวกเราเองไปร้องประกวด มันเป็นยังไง?

จิ๋ว : “ดีใจค่ะ ทุกครั้งที่ดูการประกวดต่างๆ แล้วเห็นน้องๆ เอาเพลงไปร้อง มันเป็นความภูมิใจ มันไม่น่าเชื่อว่าเพลงของเราจะถูกหยิบ ถูกเลือก ถูกดีไซน์ ทำอะไรกับมันแบบใหม่ๆ มันเป็นเพลงที่น่าร้องนะ ถ้าคุณเลือกมา คุณก็ได้โชว์สกิล ได้โชว์ความสามารถของคุณ เราจะยิ้มมีความสุข เวลาที่เราได้เห็น ใครเอามาร้องก็แล้วแต่ คือมันดีนะ เรากลายเป็นแรงบันดาลใจอีกแนวหนึ่งของแฟนๆ ค่ะ”

มันคงเหมือนการส่งต่อแรงบันดาลใจเป็นทอดๆ จากรุ่นพี่ที่พวกเธอชอบ จนมาถึงรุ่นน้อง ที่หยิบเพลงของพวกเธอไปร้อง

จากการแข่งขัน The Star ของพวกเธอเมื่อ 13 ปีก่อน จนปัจจุบัน ที่นิวจิ๋วมีเพลงฮิต มากมาย ทั้งยังเป็นเบอร์หนึ่งในใจหลายๆ คน กับความสำเร็จที่ได้มาขณะนี้ เราอยากรู้ว่าแล้วนิวจิ๋วยังต้องแข่งขันกับอะไรต่อไปหรือเปล่า?

นิว : “แน่นอนมันต้องแข่งขันต่อ เราไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มันต้องทำเพลงใหม่ๆ มาเพื่อแฟนๆ แล้วต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนแปลงสไตล์ของเพลงตามยุคตามสมัยตลอด มันก็ถึอว่าเป็นการแข่งขันกับตัวเอง แล้วก็กับตลาดธุรกิจเพลงด้วยค่ะ”

นิว : “ มันเหมือนกับว่า งานเรามอบความสุขให้คนอื่น แต่ก่อนจะส่งความสุขเนี่ย เราก็มีความเครียดที่อยากจะทำงานให้ออกมาดีที่สุดล่ะค่ะ จริงๆ มันคงเปลี่ยนจากการแข่งขันเพื่อได้ตำแหน่ง เปลี่ยนเป็นแข่งเพื่อทำให้ดีที่สุดอ่ะ เพราะท้ายที่สุดเราก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่าจังหวะของการทำงานแต่ละช่วงของเราจะดี ได้ทำงาน ทำอัลบั้ม ที่ถูกใจแฟนเพลงรึเปล่า”

สมมุติดูเล่นๆ ถ้าหากนิวจิ๋วไม่มีเพลงมาเปลี่ยนชีวิต พอนึกภาพออกมั๊ย ว่าทุกวันนี้จะทำอะไรกันอยู่?

นิว : “ตอบง่ายมากเลยค่ะ ก็คงอยู่เชียงใหม่ ทำธุรกิจ อะไรอยู่ที่นั่น เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองต้องย้ายออกมา เพราะว่าเป็นลูกสาวคนสุดท้องของทีบ้าน ไม่เคยไปไหนไกล ก็คงอยู่กับครอบครัวที่เชียงใหม่ แต่ถ้าถามว่าร้องเพลงอยู่ไหม ก็คงร้องค่ะ แล้วก็คงเป็นนิวจิ๋วที่ร้องเพลงอยู่ที่เชียงใหม่เหมือนเดิม”

จิ่ว : “จิ๋วว่าเราถูกหล่อหลอมด้วยเพลง ด้วยดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ก็นึกไม่ออกเหมือนกัน เคยมีคนถามเยอะว่าถ้าไม่เป็นนักร้องแล้วจะเป็นอะไร คือจิ๋วโตมา จิ๋วก็เป็นนักร้องเลย ตั้งแต่เก้าขวบเราเริ่มเลือกที่จะร้องเพลงแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ร้องเพลงจริงๆ ก็คงต้องหาอาชีพซักอาชีพหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ฮ่าๆๆ”

นิว : “ตอนเราอยู่ที่เชียงใหม่ เราก็เป็นนักร้องดูโออยู่ที่ร้านที่โน่น ก็มีแฟนคลับอยู่จำนวนหนึ่งที่เขาตามมาฟัง มาดู ก็คงจะยังเป็นภาพนิวจิ๋วที่ร้องเพลง เป็นเพื่อนกันอยู่ที่เชียงใหม่”

สุดท้ายเราอยากให้ช่วยแชร์เพลงที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อชีวิตของนิวจิ๋วให้ได้ทราบหน่อย?

จิ๋ว : “จิ๋วชอบเพลงของ The Voice Within ของ Christina Aguilera จิ๋วว่าเนื้อหามันเป็นมุมในชีวิตที่มันดาวน์ แต่ถ้าเราได้ฟังเพลงนี้แล้วเราจะฮึดขึ้นมาได้ทุกครั้ง จิ๋วว่าบางคนที่มีอะไรแย่ๆ แล้วทำให้เรามองโลกในแง่ลบ อันนี้เราจะทำให้เราฮึดขึ้นมาได้ทุกครั้ง เราจะกลับมามองใหม่ว่า ไม่เป็นไร”

นิว : “นิวนึกถึงเพลงพี่ชายที่แสนดีค่ะ การที่ทำให้นิวเติบโตขึ้นมาเป็นแบบทุกวันนี้ได้ ก็เพราะแรงผลักดันจากพี่ชาย พี่ชายนิวจะเป็นคนคอยไปส่ง ไปรับ เวลาประกวดร้องเพลงแต่ละที่ ทำกิจกรรมทุกๆอย่าง เราก็มีกันสองคนพี่น้อง แล้วเขาก็อยู่กับเราตั้งแต่วันแรกที่เราประกวดแล้วตกรอบไม่ได้รางวัลเลย จนถึงวันนี้ที่เราสำเร็จเขาก็ยังอยู่กับเราเสมอ นิวเคยร้องเพลงนี้ให้เขาตอนนิวเด็กๆ ด้วย”

 

และนั่นคือ เรื่องราว ทีละสเต็ป ของเพื่อนรักสองคนที่ฝ่าฝัน ค้นฟ้า หาความสำเร็จร่วมกันมา แม้มันจะไม่ใช่เส้นทางที่สวยงามไปทั้งหมด แต่นี่ก็คือส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ที่ทุกวันนี้พวกเธอก็ยังคงตั้งใจทำสิ่งที่เธอรักให้ดีที่สุดเสมอ

สำหรับผลงานใหม่ พวกเธอบอกเราว่ากำลังจะมีซิงเกิ้ลใหม่ให้ได้ฟังในเร็ววันนี้แน่นอน ติดตามเพลงใหม่ของเธอได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Joox ของเราได้ และนี่อาจจะเป็นเพลงเปลี่ยนชีวิตครั้งใหม่ ของเธอทั้งคู่ หรือแม้กระทั่งคุณเอง ใครจะไปรู้

 

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook