เปิดชื่อประเทศรวม "มิจฉาชีพ-สแกมเมอร์" ระดับโลก มี "เพื่อนบ้านใกล้ฉัน" รวมอยู่ด้วย

เปิดชื่อประเทศรวม "มิจฉาชีพ-สแกมเมอร์" ระดับโลก มี "เพื่อนบ้านใกล้ฉัน" รวมอยู่ด้วย

เปิดชื่อประเทศรวม "มิจฉาชีพ-สแกมเมอร์" ระดับโลก มี "เพื่อนบ้านใกล้ฉัน" รวมอยู่ด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

UNODC เปิดรายชื่อประเทศที่เป็นรวมแหล่ง "มิจฉาชีพ-สแกมเมอร์" ระดับโลก มีประเทศที่คุณก็รู้ว่าใคร รวมอยู่ด้วย

สหประชาชาติ (UN) รายงานว่า สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime - UNODC) เปิดเผยว่า กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังขยายตัวไปทั่วโลก เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากการปราบปรามที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความตระหนักและการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น กลุ่มอาชญากรในเอเชียกำลังขยายปฏิบัติการลึกเข้าไปในพื้นที่ห่างไกล เปราะบาง และไม่พร้อมที่สุดในภูมิภาค — และกว้างไกลออกไป

นายเบเนดิกต์ โฮฟมันน์ ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกของ UNODC กล่าวว่า "เรากำลังเห็นการขยายตัวทั่วโลกของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" "สิ่งนี้สะท้อนทั้งการขยายตัวตามธรรมชาติเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตและแสวงหาวิธีการและสถานที่ใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในอนาคต หากการหยุดชะงักในภูมิภาคยังคงดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงขึ้น"

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยรายงานที่ชื่อว่า "Inflection Point: Global Implications of Scam Centres, Underground Banking and Illicit Online Marketplaces in Southeast Asia" (จุดเปลี่ยน: ผลกระทบระดับโลกของศูนย์หลอกลวง, การธนาคารใต้ดิน และตลาดออนไลน์ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดการวิเคราะห์ภัยคุกคามระดับภูมิภาคและเอกสารนโยบายที่จัดทำโดย UNODC

การขยายตัวของศูนย์หลอกลวง-การปรับตัวของอาชญากร

เครือข่ายอาชญากร ที่อยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zones-SEZs) และพื้นที่ชายแดนอื่นๆ ทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศดังนี้

เปิดรายชื่อประเทศแหล่งรวมมิจฉาชีพ-สแกมเมอร์ ระดับโลก

  • กัมพูชา : มีความเสี่ยงสูงในการเป็นแหล่งหลอกลวงทางไซเบอร์
  • ลาว
  • เมียนมาร์ 
  • ฟิลิปปินส์

กำลังถูกย้ายถิ่นฐาน เนื่องจากแรงกดดันจากการบังคับใช้กฎหมายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของภูมิภาค แม้การปราบปรามจะก่อกวนการดำเนินงานเดิม แต่เครือข่ายเหล่านี้ก็กลับโผล่ขึ้นใหม่ในนิคมธุรกิจที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับและสนับสนุนการดำเนินอาชญากรรมออนไลน์เพิ่มเติม

นายโฮฟมันน์ กล่าวว่า "มันแพร่กระจายเหมือนมะเร็ง" "ทางการปราบปรามในพื้นที่หนึ่ง แต่รากเหง้าไม่เคยหายไป พวกมันแค่ย้ายที่อยู่เท่านั้น ผลคือ ทั้งภูมิภาคกลายเป็นระบบนิเวศเชื่อมโยงถึงกัน โดยอาชญากรข้ามชาติที่เชี่ยวชาญใช้ประโยชนืจากช่องโหว่ต่างๆ ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของรัฐ บิดเบือนกระบวนการนโยบาย และทำให้ระบบราชการ และสถาบันต่างๆ ต้องเสื่อมเสีย

ผลกระทบทางการเงินและการฟอกเงินระดับโลก

การขยายตัวของเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อนเหล่านี้ในพื้นที่ที่การกำกับดูแลอ่อนแอที่สุด ได้ดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่ เอื้อประโยชน์และซ้ำเติมปัญหาการทุจริต และทำให้ธุรกิจผิดกฎหมายสามารถขยายตัวและรวมกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การเกิดขึ้นของศูนย์ฉ้อโกงขนาดอุตสาหกรรมหลายร้อยแห่ง ซึ่งสร้างรายได้สูงเกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (หรือราว 1,310,079,852,000 บาท) ตามการประมาณการล่าสุดของ UNODC

ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกลุ่มอาชญากร ได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลและระบบธนาคารใต้ดิน ก่อให้เกิดการสะสมผลประโยชน์ทางอาญาจำนวนมหาศาลที่แทรกซึมเข้าสู่ระบบการเงินทั่วโลก ในขณะที่ผู้กระทำผิดจากภูมิภาคนี้และอื่นๆ กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการฉ้อโกงทางไซเบอร์ การฟอกเงิน และระบบธนาคารใต้ดินในตลาดโลก ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงส่งสะท้อนไปทั่วทุกมุมโลก

อาชญากรรมไซเบอร์ขยายตัวไปทั่วโลก

แนวโน้มของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่จะขยายฐานปฏิบัติการ (hedge beyond the region) ออกนอกภูมิภาคเอเชียนั้นสอดคล้องกับรายงานที่พบอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปราบปราม ศูนย์หลอกลวง (scam centres) ที่นำโดยกลุ่มชาวเอเชีย โดยศูนย์เหล่านี้ถูกพบว่าดำเนินการอยู่ในแอฟริกา เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และหมู่เกาะแปซิฟิกบางแห่ง นอกจากนี้ยังมีการฟอกเงินที่เกี่ยวข้อง การค้ามนุษย์ และบริการจัดหางานที่ถูกค้นพบว่าขยายวงกว้างไปไกลถึงยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้

การเติบโตแบบอุตสาหกรรมและการใช้ประโยชน์จากเหยื่อ

กลุ่มอาชญากรเหล่านี้จำนวนมากสามารถขยายตัวจนมีขนาดเทียบเท่า ระดับอุตสาหกรรม ได้ด้วยการนำผลกำไรไป ลงทุนซ้ำ และใช้ประโยชน์จาก แรงงานขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายทางภาษา ซึ่งประกอบด้วยเหยื่อจากการค้ามนุษย์หลายแสนคนและบุคคลที่สมรู้ร่วมคิด ผลลัพธ์ของเรื่องนี้สามารถเห็นได้ในช่วงไม่กี่เดือนแรกของปีนี้ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งมีผู้คนหลายพันคนต้องติดค้างหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์หลอกลวงที่ดำเนินการอยู่ตามพื้นที่ชายแดนของประเทศ

การร่วมมือกับกลุ่มอาชญากรอื่นและการขยายบริการ

จากรายงานยังแสดงให้เห็นว่า การมีส่วนร่วมของกลุ่มอาชญากรจากส่วนอื่นๆ ของโลกกำลังเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงการขยายตัวและเร่งความเร็วของปฏิบัติการฉ้อโกงทางไซเบอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึง การก่อตัวของความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างกลุ่มอาชญากร และจำนวนผู้ให้บริการและนักนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องซึ่งเพิ่งเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอีกด้วย

การฉ้อโกงทางไซเบอร์-การธนาคารใต้ดิน และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

การขยายตัวของอาชญากรรมเหล่านี้ได้รับแรงผลักดันจาก ตลาดออนไลน์ผิดกฎหมายใหม่ๆ และ บริการอาชญากรรมแบบสำเร็จรูป (crime-as-a-service) กลุ่มอาชญากรได้พัฒนาไปสู่การเป็นผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายฟอกเงินที่เชื่อมโยงกัน โบรกเกอร์ข้อมูล และบริการเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI หลากหลายรูปแบบ เช่น มัลแวร์และ Deepfake ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัวรับมือกับการปราบปรามได้

นายโฮฟมันน์ กล่าวว่า "การบรรจบกันระหว่างความรวดเร็วและเป็นมืออาชีพของการปฏิบัติการเหล่านี้ในด้านหนึ่ง และการขยายตัวทางภูมิศาสตร์ไปยังส่วนใหม่ๆ ของภูมิภาคและที่อื่นๆ ในอีกด้านหนึ่ง แปลว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังมีความรุนแรงในรูปแบบใหม่ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือ"

เปิด 3 รูปแบบการหลอกหลวงของ มิจฉาชีพ-สแกมเมอร์

  • การลงทุนออนไลน์: ควรระมัดระวังการลงทุนในธุรกิจหรือโครงการที่ไม่มีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน
  • การหลอกลวงให้โอนเงิน : ควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลและบุคคลที่ขอให้โอนเงินให้ดีก่อนเสมอ
  • การหลอกลวงทางโทรศัพท์ : ควรระลึกไว้เสมอว่าหน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงินจะไม่โทรศัพท์มาขอข้อมูลส่วนตัวหรือขอให้โอนเงิน

อ่านเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล