ผ่าทรัพย์สิน ฮุนเซน ตระกูลใหญ่แห่งกัมพูชา รายได้ธุรกิจรวยอร่ามฉ่าม

ผ่าทรัพย์สิน ฮุนเซน ตระกูลใหญ่แห่งกัมพูชา รายได้ธุรกิจรวยอร่ามฉ่าม

ผ่าทรัพย์สิน ฮุนเซน ตระกูลใหญ่แห่งกัมพูชา รายได้ธุรกิจรวยอร่ามฉ่าม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจาะทรัพย์สิน "ฮุนเซน" และคนในตระกูล ฮุน ชื่อดังที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาดี ลูกหลานมีรายได้ธุรกิจชนิดที่รวยอร่ามฉ่าม

ทรัพย์สินของตระกูลฮุนเซน เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย แน่นอนว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงนั้น เขาคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ เพราะเขาคงไม่อยากให้ใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่า แท้จริงแล้วเขามีทรัพย์สินเท่าไหร่ แหล่งที่มาของรายได้มาจากไหนบ้าง แล้วเหตุใดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตระกูลดังกล่าว สวนทางกับวิถีชีวิตของชาวกัมพูชากว่า 17 ล้านคน

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 เขม เล่ย์ นักวิชาการด้านการต่อสู้ความโปร่งใสในกัมพูชา ได้ออกมาเปิดโปงทรัพย์สินลับของตระกูลฮุนเซน ผ่าน Hostile Takeover ของ Global Witness องค์กรเอกชนที่มุ่งเปิดโปงเครือข่ายธุรกิจเบื้องหลังการทุจริต การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทำลายสภาพแวดล้อมทั่วโลก จากนั้นไม่นาน เขม เล่ย์ ถูกยิงเสียชีวิตในร้านกาแฟกลางกรุงพนมเปญในปี 2016 ท่ามกลางสายตาประชาชน คดีดังกล่าวไม่ใช่การฆาตกรรม แต่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อข่มขู่อีกฝ่ายที่กล้าเปิดเผยข้อมูลอีกมุมหนึ่ง จนนานาประเทศต่างพุ่งเป้าไปที่กลุ่มกองกำลัง BHQ (Bodyguards of Headquarters) ที่คาดว่าเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของเสียชีวิตคนดังกล่าว

เปิดทรัพย์สินฮุนเซน ตระกูลดังแห่งกัมพูชา

อันที่จริงเรื่อง ทรัพย์สินของตระกูลฮุนเซน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นรายงานเดิมเมื่อปี 2016 โดย Global Witness ได้เปิดเผยรายงาน "การครอบครองกิจการอย่างเป็นปรปักษ์ : อาณาจักรธุรกิจตระกูลผู้ปกครองกัมพูชา" พบว่าครอบครัวตระกูลของฮุนเซน และเครือญาติกว่า 27 ราย ถือหุ้นบริษัทในประเทศอย่างน้อย 114 แห่ง ครอบคลุมภาคธุรกิจกว่า 18 ภาค ทั้งด้านการค้า, พลังงาน, เหมืองแร่, การเกษตร, ป่าไม้, สื่อสารมวลชน, กองทัพ รวมถึงองค์กรการกุศลอย่างสภากาชาด และกว่า 103 แห่งที่เป็นบริษัทในประเทศมีสมาชิกครอบครัว ฮุนเซน ดำรงตำแหน่งประธาน, ผู้อำนวยการ หรือไม่ก็ถือหุ้นกว่า 25% รวมมูลค่าทรัพย์สินมหาศาลกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ มีทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และละเมิดกฎหมาย

เปิดทรัพย์สินฮุนเซน ตระกูลดังแห่งกัมพูชา

แม้ฮุนเซนจะเคยเปิดเผยที่มาของทรัพย์สินต่อหน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชั่น โดยระบุว่า รายได้หลักของฮุนเซนมาจากเงินเดือนประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ 1,150 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 40,000 บาท) ณ ช่วงเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งผู้นำกัมพูชาในขณะนั้น 

ตระกูลดังแห่งกัมพูชา

รายงานดังกล่าว เป็นการเปิดเผยธุรกิจตระกูลฮุนเพียงส่วนหนึ่ง หรือเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น และเชื่อว่ายังมีธุรกิจที่ยังหลบซ่อนอยู่อีกมาก อีกทั้งในรายงานดังกล่าวยังระบุว่า ในช่วงที่ฮุนเซน ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พบว่ามีเครือข่ายญาติเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของภาคธุรกิจสำคัญๆ ในกัมพูชา ทั้งในภาครัฐบาลและเอกชน เช่น บริษัทการค้า 17 แห่ง, สถาบันทางการเงิน 10 แห่ง, สถานบริการและธุรกิจบันเทิง 10 แห่ง, ธุรกิจท่องเที่ยวและค้าปลีก 8 แห่ง, ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ 7 แห่ง, บริษัทในภาคการผลิต 3 แห่ง, บริษัทกฎหมาย 3 แห่ง และธุรกิจพนัน 2 แห่ง

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังเปิดเผยอีกว่า ฮุน มานา ลูกสาวคนโตที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งอาณาจักรตระกูลฮุน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธุรกิจกว่า 22 แห่ง อาทิ สถานีโทรทัศน์บายน หนังสือพิมพ์กัมพูเชีย ทเมย เดลี่ บริษัทโฆษณา มูน มีเดีย บริษัทที่ดูแลศาสนสถานนครวัดและนครธมในจังหวัดเสียมราฐ น้ำดื่มยี่ห้อ ไวทัล บริษัทโทรคมนาคม เวียดเทล แคมโบเดีย และบริษัทพลังงาน รวมมูลค่าหุ้นกว่า 66.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,300 ล้านบาท)

ฮุน มานิต ลูกชายคนกลาง ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง และประธานบริษัทพลังงานไฟฟ้า 

แม้รายงานจะไม่ระบุความเชื่อมโยงของ ฮุน มาเนต ลูกชายที่ฮุนเซนวางตัวไว้ให้เป็นทายาททางการเมือง และฮุน มานี ลูกชายคนเล็ก กับเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ทว่าคู่สมรสของทั้งคู่กลับถือหุ้นในธุรกิจเอกชนหลายแห่ง โดยฮุน มาเนต ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย ขณะที่ ฮุน มานี เป็นนักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดกัมปงสปือ

อ่านเพิ่มเติม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล