ช้อปดีมีคืน 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุดเท่าไหร่

ช้อปดีมีคืน 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุดเท่าไหร่

ช้อปดีมีคืน 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุดเท่าไหร่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เช็กรายละเอียดโครงการ "ช้อปดีมีคืน 2566" ซื้อสินค้า-บริการอะไรได้บ้าง และจะได้สิทธิภาษีคืนกี่บาท

มาตรการช้อปดีมีคืน คือ การนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้า บริการ และการเติมน้ำมัน ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 2566 มาลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2566 ที่จะต้องยื่นภาษีในปี 2567 ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กรณีที่ซื้อสินค้า 40,000 บาท ไม่ได้แปลว่าจะหักภาษีได้ 40,000 บาท แต่จะลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่นั้นอยู่ที่ฐานภาษีของตนเอง ต้องคำนวณจากเงินได้สุทธิที่เหลืออยู่ด้วย ซึ่งแต่ละขั้นจะสามารถลดหย่อนได้สูงสุดตามตารางดังต่อไปนี้

โครงการ "ช้อปดีมีคืน" มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุดเท่าไหร่ ?

  • เงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี (ไม่ได้สิทธิคืนภาษี)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 5% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 2,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 10% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 4,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 15% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 20% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 8,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 25% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 10,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 30% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 12,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษีเงินได้ 35% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 14,000 บาท)

ตัวอย่างเช่น หากมีเงินได้สุทธิ 600,000 บาท ฐานภาษีอยู่ที่ 15% หากใช้จ่ายช้อปดีมีคืนเต็มวงเงิน 40,000 บาท จะหักลดหย่อนภาษีได้ 6,000 บาท 

โดยในปี 2566 นี้ โครงการช้อปดีมีคืน ทางกรมสรรพากรได้ขยายการซื้อสินค้า-บริการเพิ่ม โดยให้นำค่าใช้จ่ายจากน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในมาตรการช้อปดีมีคืนได้เป็นครั้งแรกด้วย

ช้อปดีมีคืนปี 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง?

  1. สินค้า-บริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  2. หนังสือ (รวมถึง e-book)
  3. สินค้า OTOP ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน
  4. ค่าใช้จ่ายจากน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ (อ่านเพิ่มเติม: ข่าวดี! ช้อปดีมีคืน 2566 ค่าน้ำมัน ใช้ลดหย่อนภาษีได้)

รายการสินค้าที่ไม่ร่วมรายการลดหย่อนภาษี

  1. ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
  2. ค่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ เรือ
  3. ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
  4. ค่าบริการอีบุ๊ก
  5. ค่าที่พักโรงแรม
  6. ค่าไกด์นำเที่ยว
  7. ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ (ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต)
  8. ค่าเบี้ยประกัน

ใครสามารถใช้สิทธิได้บ้าง?

ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องเสียภาษี ที่ต้องการนำค่าใช้จ่ายจากโครงการช้อปดีมีคืนไปลดหย่อนภาษี 2566 ที่จะต้องยื่นแบบในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 ในช่วงที่มีการให้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยสามารถใช้สิทธิได้เลยไม่ต้องลงทะเบียนสมัครช้อปดีมีคืน

ช้อปดีมีคืนปี 2566 มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?

  1. ซื้อสินค้า หรือบริการที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 2566

  2. ต้องซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปให้ได้เท่านั้น ยกเว้นการซื้อสินค้าโอทอป (OTOP) และหนังสือหรือ E-book ที่ใช้ใบเสร็จรับเงินได้ โดยระบุชื่อ-นามสกุลให้ชัดเจน

  3. สินค้าและบริการที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ต้องเป็นสินค้าและบริการที่เสียภาษี VAT หากเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี VAT จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

  4. หากจ่ายค่าสินค้าในปี 2565 แต่ไปใช้บริการในวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 66 จะไม่สามารถใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้ เพราะถือว่าไม่ได้ใช้จ่ายในช่วงเวลาที่กำหนด

มาตรการช้อปดีมีคืน 2566มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2566

กรมสรรพากรยังประเมินว่า ช้อปดีมีคืน 2566 น่าจะมีคนใช้งานถึง 1.4 ล้านคน และจะมีเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 12,000 ล้านบาท แม้ว่าจะสูญเสียภาษีไปประมาณ 6,200 ล้านบาท และยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี และสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook