Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

QE3 น่าจะพาตลาดขึ้นทดสอบ 1270-1290   แนวโน้มตลาด: เฟดประกาศมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ด้วยการประกาศว่าจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือนจนกว่าแนวโน้มในตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ส่งผลให้หุ้นสหรัฐปรับขึ้นราว1.5% แต่ไม่ส่งผลกับหุ้นยุโรปที่ปิดทำการซื้อขายไปก่อน ทั้งนี้การที่เฟดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการซื้อสินทรัพย์เป็นรอบใหม่ (QE3) ถือว่าผิดจากที่เราคาด และอาจส่งผลให้ตลาดปรับขึ้นต่อ (จากที่เราคาดว่าจะปรับลงก่อน) และอาจไปทดสอบในระดับใกล้ 1300 จุดซึ่งเป็นเป้าหมายดัชนีของเราได้เร็วกว่ากรอบเวลาเดิม เราคงมุมมองเชิงบวกระยะกลางถึงยาวในหุ้นไม่เปลี่ยน แต่ในระยะสั้นการปรับขึ้นขึ้นของตลาดรอบนี้อาจไม่ได้รุนแรงเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับ QE1 และ QE2 อีกทั้งตลาดรับข่าวดังกล่าวมาล่วงหน้าระดับหนึ่ง จึงให้น้ำหนักกับข่าวนี้ในเชิงประคองดัชนีขึ้นมากกว่าขึ้นอย่างร้อนแรง กลยุทธ์การลงทุน: ในระยะสั้น 2-3 วัน ธนาคารและพลังงานคงกลับมามีบทบาทโดดเด่น แต่การปรับขึ้นสู่ 1270-1290 SET Index ยังมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรและอ่อนตัวลง ดังนั้นการเก็งกำไรหุ้นใหญ่ยังเน้นในระยะสั้น หรือเลือกเป็นรายตัว เพื่อรอซื้อสะสมในจังหวะอ่อนตัวมากกว่าไล่หุ้น หุ้นแนะนำ SUC PTT CK LHK สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (14 ก.ย.) น้ำหนักการลงทุนปัจจุบันของเราอยู่ที่ 60% และขอเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก แต่ในระยะสั้นให้ระมัดระวังการเข้าซื้อและสะสมหุ้น ***หากตลาดปรับฐานก.ย.-ต.ค.นี้ เราจะขอเพิ่มน้ำหนัก โดยเน้นหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี***   หุ้นแนะนำวันนี้ - Best trade SUC (ปิด 37.25 เป้าระยะสั้น 40.00 ขายเมื่อหลุด 34.00)คาดผลการดำเนินงาน 2H55 จะดีกว่าปีก่อนมากเพราะ ราคาถ่านหินที่ลดลง จะส่งผลดีต่อธุรกิจไฟฟ้าที่ประเทศจีน + ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 0.70 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (53.25 บาท) และคาดปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1.50 บาท/หุ้น - PTT (ปิด 328 เป้าระยะสั้น 333-336 ขายเมื่อหลุด 325) เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ได้ผลดีจาก QE3 + ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q55 - CK (ปิด 7.80 เป้าระยะสั้น 8.50 ขายเมื่อหลุด 7.50) นับจากมิ.ย.ในขณะที่ STEC ขึ้นไปถึง 50% CK ปรับขึ้นเพียง 14% +คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวในไตรมาส 3/55 จากการรับรู้รายได้เพิ่มและอัตราส่วนกำไรที่ฟื้นตัว + การสร้างเขื่อนไชยบุรียังเดินหน้าไปตามแผนงาน - LHK (ปิด 3.30 เป้าระยะสั้น 3.60 ขายเมื่อหลุด 3.20) คาด 3Q55 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี + ได้รับผลดีจากยอดใช้จ่ายด้านการบริโภคที่เพิ่มขึ้น +ยอดจำหน่ายจักรยานยนต์ที่เพิ่มส่งผลบวกโดยตรงกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอย่าง LHK + ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 11.0 และ 8.2 เท่า ปี 55 และ 56 - หุ้นแนะนำที่ยังคงน่าสนใจ HEMRAJ HMPRO PJW QH SCB KTB CPF AH GUNKUL LOXLEY DSGT ROBINS - หุ้นกลุ่มยานยนต์ STANLY AH LHK IHL TKT - หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง STEC CK ITD /โรงแรม MINT ERW CENTEL - ทยอยสะสม Commodity: PTTGC IVL TOP SCC/ LANNA KSL KBS   Today’s Best Trades   ประเด็นการลงทุนหุ้น Today’s Best Trades Buy SUC คาดผลการดำเนินงาน 2H55 จะดีกว่าปีก่อนมากเพราะ ราคาถ่านหินที่ลดลง จะส่งผลดีต่อธุรกิจไฟฟ้าที่ประเทศจีน + ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 0.70 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (53.25 บาท) และคาดปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1.50 บาท/หุ้น HOLD KSL เข้าสู่ช่วง high season ผลประกอบการไตรมาส 2 (ก.พ.-เม.ย.55) + ก.ค.เป็นเดือนที่ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-8% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา + แม้ราคาส่งออกน้ำตาลลดลง 5% QoQ แต่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 25% QoQ และ30% YoY กำไรจึงมีแนวโน้มดีขึ้น + ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 10.2 เท่า ให้ผลตอบแทนปันผล 4.1% (concensus) CENTEL ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขึ้น 15% และ 14% ในปี 2555 และ 2556 + นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5M55 เพิ่มขึ้น 7% YoY นักท่องเที่ยวจากเอเชียชดเชยจากยุโรปที่ลดลง + ไตรมาส 2/55 อัตราการเข้าพักสูงถึง 65% (+7% YoY) รายได้ต่อห้องเฉลี่ยเพิ่มถึง 13% YoY + คาดกำไรไตรมาส 2/55 ที่ 102 ล้านบาท +30% QoQ และ 139% YoY + ซื้อขายที่ PER 18.7x ปี 2555 และเหลือเพียง 14.9x ในปี 2556 QH กระแสกังวลคอนโดชะลอทำให้มีแรง switching มายัง QH ที่มีสัดส่วนโครงการแนวราบสูง + คาดกำไรปี 2555 เพิ่มขึ้น 67% YoY + ราคายังถูก PER เพียง 6.1x และมี yield ถึง 8.4% + เตรียมขาย 3 อสังหาริมทรัพย์เข้ากองทนอสังหาฯ ไตรมาส 3 AAV ผลประกอบการผ่าน soft season ไตรมาส 2 อย่างแข็งแกร่ง คาด low season ไตรมาส 3 ดีกว่าปกติ และเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ (4Q55-1Q56) + การย้ายฐานมายังดอนเมืองช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไร + แผนเพิ่มฝูงบินจาก 24 เป็น 48 ลำใน 5 ปี คาดช่วยรักษาการเติบโตของรายได้ที่ปีละ 20-25% ได้ NMG การเปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียม “กรุงเทพธุรกิจทีวี” และ “คิดโซนส์” เพิ่มตั้งแต่ส.ค.ส่งผลดีต่อรายได้ + คาดกำไรปี 2555-56 เพิ่มขึ้น 52% และ 61% ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 14.0x และ 9.3x + ผู้บริหารเพิ่มเป้ารายได้เป็นโต 15% (จาก 10%) ทำให้มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น PTTEP ราคาสะท้อนผลประกอบการ 2Q55 ที่ย่ำแย่แล้ว + ราคาที่ Underperform หุ้นอื่นมานานเพราะกังวลเพิ่มทุน ช่วยจำกัด downside risk + โอกาสซื้อลงทุนที่ดี โดยไม่ต้องกังวลราคาน้ำมัน 3Q55 อ่อนตัว HEMRAJ ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนแข็งแกร่ง + บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่โรงงานเช่าจาก 1 เป็น 2.6 แสนตารางเมตรใน 5 ปี + การขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งผลดี TICON-T1 ได้รับมาจากการถือ TICON   ปัจจัยที่ต้องติดตาม - 10-14 ก.ย. Thailand: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ - 14 ก.ย. EU: Euro-Zone CPI - 14 ก.ย. US: Consumer Price Index - 14 ก.ย. US: Retail Sales - 14 ก.ย. US: Industrial Production - 14 ก.ย. US: Consumer Sentiment - 15 ก.ย. Thailand: กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมใหญ่ครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร - 17-19 ก.ย. Thailand: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กำหนดเผยแพร่รายงานการประชุม - 17-21 ก.ย. Thailand: กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกของไทย - 17 ก.ย. US: Empire State Mfg Survey - 18 ก.ย. US: Housing Market Index - 19 ก.ย. US: Housing Starts - 19 ก.ย. US: Existing Home Sales - 20 ก.ย. China: HSBC Flash Manufacturing PMI - 20 ก.ย. US: Jobless Claims - 20 ก.ย. US: Philadelphia Fed Survey - 24-28 ก.ย. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง/ทบทวนตัวเลข GDP ปีนี้ - 28 ก.ย. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม   ประจำเดือน - 28 ก.ย. Thailand: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน   บทวิเคราะห์วันนี้ - CPNRF (ซื้อ ปิด 16.4 พื้นฐาน 18.5 +12.8%) ราคาที่สูงกว่าจากผลตอบแทนที่สูงกว่า - คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐานปี 56 ที่ 18.50 บาท/หุ้น โดย CPNRF เป็นตัวเลือกที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มกองทุนอสังหาริม-ทรัพย์ไทย จากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงและการเติบโตของอัตราค่าเช่าที่มั่นคงประมาณ 6-8% ต่อปี - ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง ปัจจุบัน CPNRF ลงทุนใน 3 ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯประกอบด้วย เซ็นทรัล พลาซ่า พระราม2 , เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม3 และ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้าซึ่งเป็น 3 ศูน์ยการค้าที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุน แบ่งเป็น 73% leasehold และ 27% ใน freehold ขนาดพื้นที่รวม 192,000 ตร.ม. โดยพื้นที่กว่า 40% เช่าโดย เซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนสโตร์ - ผลตอบแทนที่สูงกว่าเหมาะสมกับราคาที่สูงกว่า ปัจจุบัน CPNRF เทรดบนส่วนเพิ่มจาก NAV อยู่ 57% สูงกว่า ราคาของ TLGF ที่เทรดอยู่ที่ส่วนเพิ่ม 41% จาก NAV เราเชื่อว่าการที่ CPNRF เทรดอยู่บนส่วนเพิ่มที่สุงกว่ามาจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงกว่า และการเติบโตของรายได้ที่ชัดเจน รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับต่ำกว่า เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ CPNRF ในปี 55 อยู่ที่ 7.1% สูงกว่า TLGF ที่ 3.6% - TLGF (ขาย ปิด 15.3 พื้นฐาน 13.0 -15.03%) Upside จากการเติบโตสูงแต่ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ - แนะนำ “ขาย” โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 13.0 บาท/หุ้น จากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่อยู่ในระดับต่ำ และปัจจุบันเทรด +43% NAV (มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ) โดยเราชอบ CPNRF มากกว่า จากการที่ปัจจุบันยังมีอัพไซด์อยู่ 8% จากมูลค่าพื้นฐานของเราที่ 18.0 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7.1% - สินทรัพย์คุณภาพดีในพอร์ต ประกอบด้วย 17 ศูนย์การค้าเทสโก้ โลตัส ซึ่งมีอัตราการเช่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2551-2554) อยู่ในระดับสูงถึง 97% -100% สามารถแบ่งเป็น46% leasehold (สิทธิการเช่า) และ 54% freehold (สิทธิในสินทรัพย์) และมีการกระจายตัว ของสินทรัพย์ทั่วประเทศ ซึ่งเราเขื่อว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง จาก ภัยธรรมชาติ และความเสี่ยงอื่น - มี Upside จากการซื้อสินทรัพย์เพิ่มในปลายปี 55 TLGF จะมีแผนเข้าซื้อศูนย์การค้าเทสโก้ โลตัส เพิ่ม จำนวน 5 สาขา ในปลายปี 55 ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากการเช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 607ลบ. และพื้นที่จากการเช่าเพิ่มขึ้น 79,500 ตร.ม. โดยมีพื้นที่รวม 311,500 ตร.ม. (+34%) เราคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนประมาณ 7.55 พันลบ. - ผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับต่ำ เราคาดว่าเงินปันผล ปี56E 0.53 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.6% ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 4.7% และ 6.0% ของค่าเฉลี่ยกองอสังหาริมทรัพย์ไทย - CPN (ถือ ปิด 55.5 พื้นฐาน 58.0 +4.5%) กลับสู่โหมดการเติบโตในระดับปกติ - คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐานปี 56ที่ 58.0 บาท/หุ้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 63% สำหรับปี 55 จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน และปรับเพิ่มประมาณกำไร 9% ในปี 56-57 ถึงแม้ว่าการแผนการขยายตัวของ CPN มีความแน่นอน สูง แต่เราคิดว่าระดับราคาปัจจุบันแพงเกินไป สำหรับการเติบโตในระดับปกติในอีก 2-3 ปีข้างหน้า - รับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ใน 2H55 โดยในช่วงไตรมาส 3/55 CPN ได้มีการขาย เซ็นทรัล เวิลด์ ออฟฟิศ เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพยใหม่ (CPNCG) ที่มีขนาดกองทุนที่ 4.7 พันลบ. ซึ่งจะทำให้ CPN มีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหลังหักภาษีที่ 1.4 พัน ลบ. ในครึ่งปีหลัง - กลับเข้าสู่โหมดการเติบโตในระดับปกติ เราคาดว่าหลังจากปี 55 CPN จะกลับเข้าสู่ระดับการเติบโตประมาณปีละ 8-10% ในปี 56-57 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวได้รวมปัจจัยจากการเปิดตัว 5 โครงการใหม่ในต่างจังหวัด แบ่งออกเป็น 1.สุราษฎร์ธานี (พื้นที่25,000 ตร.ม. เปิดตัว 4Q55) 2. ลำปาง (พื้นที่16,000 ตรม. เปิดตัว 4Q55) 3.อุบลราชธานี (พื้นที่ 25,000 ตร.ม. เปิดตัว 1Q56) 4.หาดใหญ่ (พื้นที่ 50,000 ตร.ม. เปิดตัว 3Q56) และ 5. เชียงใหม่๖พื้นที่ 47,000 ตร.ม. เปิดตัว 4Q56) - เน้นการขยายตัวในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เราคาดว่าจากการขยายตัวจองรายได้ของประชากรในต่างจังหวัดที่แข็งแกร่ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจำนวนผู้เล่นยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นโอกาสต่อธุรกิจของ CPN ในการขยายตัวไปในต่างจังหวัดมากขึ้นใน 2-3 ปีข้างหน้า - หมวดนิคมอุตสาหกรรมไทย: AMATA (ซื้อ ปิด 16.5 พื้นฐาน 21.0 +27.27%),HEMRAJ (ซื้อ ปิด 3.08 พื้นฐาน 3.20 +3.89%), TICON (ซื้อ ปิด 12.4 พื้นฐาน 15.0 +20.96%),คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม - คงคำแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมไทย (AMATA, HEMRAJ and TICON)โดยเราเลือก AMATA เป็นหุ้นเด่นของ เราที่มูลค่าปัจจัยพื้นฐาน 21.0บาท/หุ้น จากการจะมีการรับรู้ยอดขายที่ดิน 630 ไร่ ใน 3Q55 และมียอดขายทั้งปีจากการคาดการณ์ของเราที่ 1,800 ไร่ (ต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดการณ์ที่ 3,000 ไร่) เราคาดว่ากำไรปี55 เติบโต 47.9% ,HEMRAJ ยอดขายในครึ่งปีแรกคิดเป็น 63% ของคาดการณ์ยอดขายทั้งปีของผู้บริหาร รวมถึงรายได้โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน (HEMRAJ ถือหุ้น 35% ) เราคงคำแนะนำซื้อ ที่มูลค่าปัจจัยพื้นฐานที่3.20 บาท/หุ้น และ TICON จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนในครึ่งปีหลัง ที่เราคาดว่าจะมีมูลค่า 3.9 พันลบ. และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 8.4% เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าปัจจัยพื้นฐาน 15.0 บาท/หุ้น - บีโอไอรายงานตัวเลขขอยื่นรับการส่งเสริมการลงทุนเดือนกรกฎาคม +82.6% YoYโดยมีมูลค่าส่งเสริมการลงทุนรวมอยู่ที่ 95.7 พันลบ. +82.6% YoY แต่ -7.6% MoM ใบคำขอทั้งหมดสามารถแบ่งเป็น 39.3 พันลบ. (41% ของมูลค่ารวม) ในโครงการการบริการและ สาธารณูปโภค, 22.1 พันลบ.ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (23% ของมูลค่ารวม) และ15.6 พันลบ. (16.0% ของมูลค่ารวม) จากอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเราคาดอุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นกำลังหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจจากยอดขายรถยนต์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน กรกฎาคมที่ 131,000 คัน - การลดลง MoM เกิดจากความกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วม เราเชื่อว่าการลดลงของการยื่นขอใบอนุญาตลดลง MoM เกิดจากความกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ และเราเชื่อว่าปัญหาน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และเราเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนของ ความต้องการพื้นที่นคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก - MAJOR (ซื้อ ปิด 18.1 พื้นฐาน 21 +16%) ยังมึมุมมองเชิงบวกแม้รายได้ภาพยนตร์จะค่อนข้างเงียบเหงา - คงคำแนะนำซื้อ มีมุมมองเชิงบวกต่อการโตของกำไรจากการขยายสาขาและ gross margin ที่เพิ่ม แม้รายได้ภาพยนตร์สิ้นไตรมาส 2 ถึงปจบ.จะค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่มองว่าการโตจากรายได้โฆษณา และอัตราส่วนรายได้จากการขายของหน้าโรงหนังเมื่อเทียบรายได้การขายตั๋วทีเพิ่มจะช่วยผลักดันการเติบโตของกำไร MAJOR ในปี 55-57 และ PE ปี 56 ที่ 15 เท่าค่อนข้างน่าสนใจ และคาดจ่ายปันผลที่ 5.3% ปี 56 คงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาเหมาะสม 21 บาท - ลดประมาณการรายได้ภาพยนตร์ปีนี้ลง 4% อ้างอิงจาก Box Office Mojo รายได้ภาพยนตร์ของไทยจากปลายไตรมาส2 ถึงปจบ. ลดลง 13% YoY และ ลดลง 5% YTD ซึ่งโดยปกติไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของรายได้ภาพยนตร์ เราจึงปรับลดประมาณ การรายได้ภาพยนตร์ปีนี้ลง 4% อย่างไรก็ตามคาด 4Q55 จะโตแข็งแกร่งจากจำนวนหนังดังเข้าฉายเพิ่ม เช่น พระนเรศวร5 และจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วจากน้ำท่วม - รายได้หนังไทยตก ในขณะที่หนังต่างประเทศยังโตดี การที่รายได้ภาพยนตร์ปีนี้ตกสาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากหนังไทยที่มีรายได้ตกลงถึง 30% YTD เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้โตตลอด โดยเมื่อดูจำนวนหนังไทยที่ติด TOP100 ในปีนี้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 31 จาก 26 เรื่องในปีที่แล้ว แต่ยอดทำเงินต่อหนังกลับลดลงจาก 1.2 ล้านดอลลาร์ เป็น7 แสนดอลลาร์ต่อเรื่อง เรามองว่าเป็นลบต่อ MAJOR เนื่องจากอุตสาหกรรมดูจะหันไปเน้นที่จำนวนเรื่องมากกว่าเน้นที่คุณภาพ สำหรับรายได้หนังจากต่างประเทศยังโตดี แม้จะโตในอัตราที่ลดลงจากปีที่แล้ว โดยมีรายได้โต 2.4% YTD แม้หนังดังจะน้อยกว่าปีที่แล้วก็ตาม - รายได้จากโฆษณาและการขายของหน้าโรงหนังยังเป็นปัจจัยสำคัญ เรามองว่าการเติบโตของรายได้โฆษณา และอัตราส่วนรายได้จากการขายของหน้าโรงหนังเมื่อเทียบรายได้การขายตั๋ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดัน margin และ การโตของกำไร MAJOR โดยรายได้โฆษณา 1H55 โต 17% (เทียบประมาณการเรา 15%) และอัตราส่วนรายได้จากการขายของหน้าโรงหนังเมื่อเทียบรายได้การขายตั๋วเพิ่มเป็น 26% ใน 1H55 เทียบ 24% ใน 1H54 (ประมาณการเราคือ 25%)   สรุปภาวะตลาด - DJIA ปิด 13,539.86 จุด +206.51 จุด (+1.55%) S&P500 ปิด 1,459.99 จุด +23.43 จุด (+1.63%) Nasdaq ปิด 3,155.83 จุด +41.51 จุด (+1.33%) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก Fed ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ - NYMEX ส่งมอบ ต.ค. อยู่ที่ USD98.31/bbl +1.3(+1.3%) สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบ ธ.ค. อยู่ที่ USD1,772.1/ounce +38.4(+2.2%) สัญญาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก Fed ประกาศมาตรการ QE3 (ระยะเวลา 6 เดือน หลังประกาศ QE1 และ QE2 ราคาน้ำมัน ปรับตัวขึ้น 20% และ 38% ตามลำดับ)   สรุปข่าวประจำวัน   ต่างประเทศ - Fed ยังได้ประกาศใช้มาตรการ QE ด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทั้งนี้ Fed ระบุว่าการใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อ MBS จะช่วยให้ Fed สามารถเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวได้อีก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนจนถึงสิ้นปี 2555 ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว, สนับสนุนการทำธุรกรรมในตลาดกู้จำนอง และยังช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวด้านการเงินในวงกว้างด้วย (อินโฟเควสท์) - Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Funds Rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงปลายปี 2557 (อินโฟเควสท์) - Fed ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ในปี 2556 มาอยู่ที่ 3.0% จาก 2.8% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า GDP ในปี 2557 ของสหรัฐจะสามารถขยายตัวได้ 3.0-3.8% อย่างไรก็ตาม Fed ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2555 มาอยู่ที่ระดับ 2.0% ลดลงจากประมาณการในเดือนมิ.ย.55 ที่ 2.4% ขณะที่อัตราว่างงานในปี 2555 คาดว่าจะอยู่เหนือระดับ 8.0% (CNBC) - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 382,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ย.55 จาก 367,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า จำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 370,000 ราย (รอยเตอร์) - กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ 1.91 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.55 ขณะที่นักศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่ายอดขาดดุลงบประมาณจะอยู่ที่ 1.550 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.55 เพิ่มขึ้นจาก 6.960 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.55 (รอยเตอร์) - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปพุ่งขึ้นเกินคาด 1.7% ในเดือนส.ค.55 ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.52 และดัชนี PPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2% ตามคาด ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า ดัชนี PPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนส.ค.55 และดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.55 (รอยเตอร์)   ข่าวบริษัท - RATCH รุกโรงไฟฟ้าชีวมวล RATCH รุกพลังงานทดแทน เดินหน้าโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาแบงก์อิสลามหนุนสินเชื่อ 620 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ-เดินเครื่องได้ในปี 2557 หวังเป็นต้นแบบโรงไฟฟ้าของชุมชน เพิ่มกำลังผลิตพลังงานทดแทนแล้วกว่า 140 เมกะวัตต์ (ข่าวหุ้น) - CK เซ็นงานใหญ่ทางด่วนศรีรัชฯ 2.25หมื่นล้าน วันนี้ CK เซ็นงานก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท เตรียมยื่นซองประมูลงานวางรางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มูลค่า 2-3 พันล้านบาทในเดือนต.ค.นี้ ย้ำรายได้ปีนี้1.8 หมื่นล้านบาท (ข่าวหุ้น) - VGI กำหนดช่วงราคาขายไอพีโอ 33-35 บาทรอบุ๊คบิวด์สรุปอีกครั้ง VGI กำหนดช่วงราคาขายหุ้นไอพีโอที่หุ้นละ 33-35 บาท แต่จะมีการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Book Build) ก่อนที่จะกำหนดราคาที่แน่นอน (ข่าวหุ้น) - SALEE ไตรมาส3รายได้เด้งขานรับธุรกิจโต-ออเดอร์ล้น รายได้ทั้งปีพันล้าน SALEE การันตีไตรมาส 3/55 ดีกว่าไตรมาส 2/55 ขานรับภาพรวมธุรกิจขยายตัว ออเดอร์เข้ามาสม่ำเสมอย้ำเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท พร้อมเดินเครื่องเร่งผลิต 24 ชั่วโมง รับดีมานด์ล้น เน้นรักษาฐานลูกค้าเก่า และบุกขยายลูกค้าใหม่ (ข่าวหุ้น) - SYNTEX ลุ้น Q3 พลิกมีกำไรรายได้ปีนี้ 5.2 พันล้านบาท ลุยประมูลงานเพิ่ม SYNTEX ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 5,100-5,200 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,800 ล้านบาทหลังตุนงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 1.02 หมื่นล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ คาดรับรู้ครึ่งปีหลัง 3,000 ล้านบาท ขณะที่เดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท คาดได้งานไม่ต่ำกว่า30-40% ลุ้นพลิกกลับมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/55 (ข่าวหุ้น) - หุ้นยางพารา STA-TRUBB วิ่งรับข่าวเล็งเสนอครม.เพิ่มวงเงินแทรกแซงราคา หุ้นยางพารา STA-TRUBB เริงร่ากับ \"ณัฐวุฒิ\" เตรียมเสนอครม.วันที่ 18 ก.ย.นี้ ขออนุมัติวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท แทรกแซงราคายางเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.55-31 มี.ค. 56 (ข่าวหุ้น) - CM ซดออเดอร์ญี่ปุ่นข้ามปี กำไรทุบสถิติ CM ดี๊ด๊าถั่วอินเตอร์ขายดีลั่นยุ่นเดินสายสั่งออเดอร์ล่วงหน้า 1 ปีเต็มหนุนกำลังการผลิตเฉียด 3 หมื่นตันต่อปี หรือ 70-80% จากครึ่งปีแรก 2.6 หมื่นตัน เชื่อใช้กำลังผลิตเต็ม 100% เร็วๆ นี้ กางแผนหาพันธมิตรบุก AEC ฐานเงินทุนหนากำไร สะสมอื้อ 706.9 ล้านบาท (ทันหุ้น) - CHOW จ่อบุกออเดอร์700ล.การันตีผลงานทั้งปีเจิดจรัส CHOW ยิ้มรับลูกค้าป้อนออเดอร์ล็อตใหม่ มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท คาดบุ๊กเข้ากรุไม่เกินตุลาคมนี้ พร้อมยืนเป้าปี 2555 รายได้แตะ 6 พันล้านบาท หลังอุปสงค์ทะลักต่อเนื่องส่วน Q3/2555 เชื่อฟอร์มหรูคล้าย Q2/2555 ที่มี รายได้ 1.28 พันล้านบาท เหตุตัวเลขคำสั่งซื้อไม่แตกต่างกัน (ทันหุ้น)   ข่าวเศรษฐกิจ / อุตสาหกรรม - สศค.ปรับลดเป้าส่งออกปีนี้เหลือโต 4.5% จากเดิมคาด 12.8% นายสมชัย สัจจพงษ์ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า สศค.ปรับลดเป้าส่งออกของไทยปีนี้เหลือขยายตัวเพียง 4.5% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 12.8% โดยมองว่าปัญหาเศรษฐกิจยุโรปยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ปรับลดลงจากเดิมที่เคยตั้งเป้าเติบโต 5.7% แต่โดยรวมมองว่ายังขยายตัวได้เกิน 5% ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานปีที่แล้วอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างไรก็ตาม เป็นห่วงว่าเศรษฐกิจในปี 56 อาจจะต่ำกว่าปี 55 ส่วนหนึ่งมาจากฐานปีนี้ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งต้องติดตามกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ซึ่งหวังว่าการลงทุนเอกชน และการส่งออกน่าจะดีขึ้น (อินโฟเควสท์) - ยอดขอลงทุน8เดือน มูลค่าเฉียด7แสนล้าน นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนของปี 55 (ม.ค.-ส.ค.) มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอจำนวน 1,410 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน24% มูลค่าลงทุน 691,000 ล้านบาท เพิ่ม 115% ส่วนใหญ่เป็นการขยายการลงทุนจากเดิม 781 โครงการ มูลค่า 449,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการใหม่ 629 โครงการ มูลค่า 242,000 ล้านบาท (เดลินิวส์) - โพลชี้เกษตรกรหนี้พุ่ง11% หนุนนโยบายรับจำนำข้าว นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทรรศนะต่อนโยบายของรัฐบาล : จำนำข้าวและประกันราคาข้าวแนวทางในการแก้ไขหนี้เกษตรกร จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่างว่า เกษตรกรส่วนใหญ่86.5% เห็นด้วยให้รัฐบาลดำเนินนโยบายแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ทั้งการจำนำข้าวหรือประกันราคาต่อไปในระยะยาว แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ 35.4% พอใจกับโครงการรับจำนำข้าวมากกว่า เนื่องจากได้ราคาดี ไถ่ถอนสะดวก และได้รับเงินเร็ว ส่วนโครงการประกันราคาข้าวพอใจเพียง 28.2% เพราะรัฐบาลใช้เงินน้อยกว่า ไม่บิดเบือนราคาเกินไป และราคาข้าวสะท้อนความเป็นจริง (เดลินิวส์)   กิจพล ไพรไพศาลกิจ Kitpon.p@kasikornsecurities.com +662 696-0057 ปณิธิ จิตรีโภชน์ Paniti.j@kasikornsecurities.com, +662 696-0053   โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 14 ก.ย. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook