เคล็ดลับออมเงินฉบับคนทำงานยุค 2018 เปลี่ยนมนุษย์เงินเดือนให้กลายเป็นเศรษฐี

เคล็ดลับออมเงินฉบับคนทำงานยุค 2018 เปลี่ยนมนุษย์เงินเดือนให้กลายเป็นเศรษฐี

เคล็ดลับออมเงินฉบับคนทำงานยุค 2018 เปลี่ยนมนุษย์เงินเดือนให้กลายเป็นเศรษฐี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มันไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเงินเก็บ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะเก็บเงิน บางคนทำงานมานานกว่า 10 ปี พลิกหน้าสมุดบัญชีดูทุกเดือนก็ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอยู่เป็นประจำ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเครียด ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล เพราะอนาคตทางการเงินที่ไม่มั่นคง มันทำให้ทุกอย่างดูสั่นคลอนไปหมด

หลายคนเถียงว่ามันยาก เงินเดือนแค่หลักหมื่นจะออมอย่างไรให้ได้เป็นแสน หรือมีเงินออมเป็นล้านก่อนเกษียณ   ไหนจะต้องใช้ ไหนจะต้องกิน และไหนจะต้องแบ่งไว้สำหรับไปเที่ยวอีก เท่านี้เงินเดือนก็หมดแบบไม่ทันเหลือเก็บแล้ว แต่เอาเข้าจริงการออมเงินไม่ยากอย่างที่คิด ยิ่งถ้าออมอย่างรู้เคล็ดลับ ชีวิตจะได้ทั้งเงินและความสนุก

ออมเงินให้รวยต้องออมแบบรู้เคล็ดลับ

  • เคล็ดลับที่ เงินสำหรับเก็บในแต่ละเดือนแนะนำให้ “ตัดออมแบบอัตโนมัติ” กลั้นใจตัดออกไปเลย อย่าเอามาผ่านมือเด็ดขาด ไม่งั้นพัง และจงจำไว้ว่าทำในสิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น อย่าตัดเยอะจนเงินไม่เหลือใช้  มันเป็นการฝืนตัวเองเกินไปและทำให้การออมเป็นเรื่องของยาขมที่ทรมานชีวิต ดังนั้นให้เอาเท่าที่ไหวไปก่อน แล้วถ้ายังรู้สึกว่าไหวอยู่ก็ค่อยเพิ่มจำนวนขึ้น
  • เคล็ดลับที่ 2 ใช้ “เคล็ดลับบริหารเศษเหรียญ หรือกลยุทธ์เก็บแบงค์ห้าสิบ” มาช่วย ลองเล่นสนุกกับเหรียญที่ได้มาดู เช่นตั้งปณิธาณไว้ว่าถ้าได้เหรียญ 2 บาท หรือเหรียญ 5 บาทจะไม่หยิบออกมาใช้เด็ดขาด หรือจะขยับข้ามขั้นมาเป็นแบงค์ 50 บาทก็ย่อมได้ เก็บไปแบบเพลินๆ ครบปีคุณจะได้เงินเก็บเพิ่มมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
  • เคล็ดลับที่ “บันทึกรายรับและรายจ่ายให้เป็นนิสัย” เรื่องนี้สำคัญ เพราะคุณจะมองเห็นช่องโหว่ของความฟุ่มเฟือยชัดมากขึ้น และมันยังจะทำให้คุณเห็นทิศทางของความเป็นไปได้ในการเก็บออมเยอะกว่าเดิม
  • เคล็ดลับที่ 4 ขั้นนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการออมเงิน นั่นคือ “เพิ่มมูลค่าเงินออมของเราให้ได้มากที่สุด” คุณต้องพยายามทำความเข้าใจในเรื่องของบัญชีเงินฝากแต่ละประเภทที่ให้ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน และแต่ละแบบก็มีข้อจำกัดที่แตกต่าง ซึ่งควรเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ถ้าคุณเลือกฝากเงินในบัญชีประเภทออมทรัพย์ธรรมดา คุณจะได้ดอกเบี้ยที่ต่ำ และได้รับดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง แต่มีข้อดีคือ ยืดหยุ่นสูง สามารถถอนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ถ้าเลือกเป็นแบบเงินฝากประจำ ถึงจะได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดที่มากตามมา เช่น ไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ก่อนครบกำหนดระยะเวลา รวมทั้งกำหนดจำนวนเดือนในการฝากเงิน ซึ่งถือว่ามีความยืดหยุ่นน้อย ในการจะถอนเงินมาใช้หากฉุกเฉิน แต่ถ้าในกรณีที่คุณมีเงินก้อนที่เป็นเงินเย็น อยู่กับตัวแนะนำให้คุณมองหาที่บัญชีเงินฝากรูปแบบที่ให้ดอกเบี้ยสูง และมีเงื่อนไขที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ เช่น ฝาก ถอน ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งหรือถึงจะจำกัดจำนวนครั้งแต่คุณสะดวก คุณก็สามารถเลือกแบบนี้ได้ ในทางกลับกันเรื่องของการถอนเงินให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าคุณสะดวกแบบไม่จำกัดการถอน หรือถอนได้ตามจำนวนครั้งที่ตัวเองต้องการ หรือถ้าไม่ถอนเลยจะได้รับสิทธิพิเศษเป็นจำนวนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

กลเม็ดพิชิตเงินฝาก “ยิ่งฝากยิ่งได้”

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราลองมาเปรียบเทียบเงินฝากประเภทออมทรัพย์อัตราดอกเบี้ยสูงในตลาดดูว่าธนาคารไหนคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุด

โดยส่วนตัวจากการศึกษาทั้งหมดพบว่า เงินฝาก “ยิ่งฝากยิ่งได้” ที่ถือว่าโดนใจสุด  เงินฝากออมทรัพย์พิเศษแบบ Ultra Savings ของธนาคารธนชาต เนื่องจากเป็นเหมือนการรวมข้อดีของเงินฝากทั้ง 2 แบบเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งแบบฝากออมทรัพย์คือไม่จำเป็นต้องฝากประจำทุกเดือน และจะถอนเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเราถือว่าเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการบริหารเงินของคนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการถอนเงินอย่างเรา เพราะถ้าจัดสรรดีๆ ก็ไม่มีทางเกินแน่นอน แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอเพราะเสียค่าส่วนเกินก็ดึงออกมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ทันที และส่วนของดอกเบี้ยยังเทียบเท่ากับการฝากประจำ สูงถึง 1.50% ต่อปี (สำหรับวงเงินฝากตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท)  ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยแบบออมทรัพย์ทั่วไปถึง 3 เท่า

นี่เป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้นสำหรับคนที่คิดจะออมเงิน ซึ่งส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน คุ้มค่าทั้งหมดแน่นอน เพราะแค่คุณคิดจะเริ่มต้นออมก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

(Advertorial)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook