รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปภาพตลาด   หลังผิงฝา : เก็งกำไรรายตัวโดยมี Stop loss 3-5% รายวัน/เล่นรอบสั้น คาดดัชนีฯรีบาวด์ แนวรับ 1,185 แนวต้าน 1,210 จุด - วานนี้ตลาดหุ้นฯลงไปเร็วกว่าคาดแต่อย่างไรก็ดี การปรับฐานเมื่อวาน-ยังคงยืนเหนือแนวรับหลัก 1,190-1,180 จุด และเราได้แนะนำ “เริ่มขายล็อกกำไรระยะสั้น” เพื่อไปรอซื้อคืนเมื่อปรับฐาน แต่ทั้งนี้การปรับฐานรอบนี้ ควรพร้อม Stop loss ถ้าดัชนีฯแย่กว่าคาดหลุด 1,180 จุด Update รายเดือน: การรีบาวด์จากบริเวณ 1,180 จุด หากเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันนี้ (ให้น้ำหนักเกิน 60%) จะเป็นจุดเปลี่ยนโมเมนตั้มดัชนีฯ ให้กลับไปเล่นในกรอบ บน เป้าหมาย 1,220+ จุด อีกครั้ง ก่อนจะจบรอบ คงคำแนะนำ รายเดือน “ทยอยขายเมื่อเข้าใกล้เป้าหมาย” หุ้นเด่น ถือ-รอขายที่แนวต้าน MAJOR (รับ/ Stop loss 17 บ.ต้าน 18/18.5 บ.) PS (รับ/Stop loss 17.5 ต้าน 18.5/19 บ.) ซื้อเก็งกำไร UMI (รับ 3.62 ต้าน 3.8/4 บ.) RATCH (ข่าวขาย รฟฟ.LOY YANG A ในออสเตรเลีย คาดบุ๊กกำไรพิเศษ 644 ลบ.ก่อนหักภาษี ใน 2Q-3Q12)   ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดฯ (+/-) คาดเศรษฐกิจจีนต่ำสุดใน 2Q12 วานนี้จีนรายงานสินเชื่อใหม่เดือน มิย.ดีกว่าคาด +9.2 แสนล้านหยวน VS คาด 8.8 แสนล้านหยวน วันนี้ GDP และ ดัชนีฯภาคการผลิต Industrial production (IP) จีน มีลุ้นดีกว่าตลาดคาด-Bottom out (ตลาดคาด GDP 7.9-7.6% VS 1Q12 +8.1% ส่วน IP +9.9% จาก พค. +9.6%) อิงดัชนีภาคการผลิต PMI ที่เริ่มมีสัญญาณผ่านจุดต่ำสุด และสินชื่อใหม่ที่มีการขยายตัวสูง หลังรับรู้มาตรการลดดอกเบี้ย-RRR เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อช่วงปลาย 1Q12 (-/0) วานนี้ ไร้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จาก ธ.กลางญี่ปุ่น และ ธ.กลางเกาหลีใต้ แม้ว่าเกาหลีใต้จะลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 3% สร้างความประหลาดใจต่อตลาด แต่ ธ.กลางญี่ปุ้น คงเม็ดเงินอัดฉีดสภาพคล่อง โดยซื้อ T-Bill เพิ่ม แต่ลด Fixed fund rate ลงในจำนวน 5 ล้านล้านเยน ส่งผลให้จำนวนเงินอัดฉีดสภาพคล่องยังคงอยู่ที่ 40 ล้านล้านเยน (-/0) มูดี้สหั่นอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีลง 2 ขั้น เหลือ Baa2 จาก A3 (คาดลบต่อตลาดหุ้นฯจำกัด อิงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้นรับข่าวไป 1-2 วัน ก่อน) (+) ศาล รธน.ตัดสินคดี แก้ รธน.มาตรา 291 วันนี้ คาดลบจำกัด ตรงข้ามจะหนุนให้หุ้นไทยรีบาวด์รอบใหม่ หลังความเสี่ยงจบลง Investment theme: หุ้นที่มีกำไรรอบนี้ แนะนำ เริ่มทยอยขายที่แนวต้าน ส่วนการเก็งกำไร ควรมีจุดตัดขาดทุน 3-5% Save haven: หุ้นมีปันผลระหว่างกาล 1H12F สูง INTUCH BECL ADVANC EGCO MAJOR TICON Earning play: คาดกำไร 2Q12F โตเด่น (Preliminary) SAT STANLY CPALL CPN HEMRAJ SPALI QH BECL SORKON THCOM กลุ่มแบงก์-งบออกมาดีเป็นโอกาสในการขายทำกำไร / ส่วนหุ้นด้อย (กำไรแย่ลง) SCC CPF พลังงาน คาดรีบาวด์จากปัจจัยฤดูกาล แนะนำเก็งกำไร PTT PTTGC ESSO TOP   วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336   ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด   บริษัทจัดอันดับเครดิตเร็ตติ้งของสหรัฐ Moody’s ลดอันดับน่าเชื่อถืออิตาลี บริษัทจัดอันดับเครดิตเร็ตติ้งของสหรัฐ Moody’s ลดอันดับน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีลงจากเหลือ Baa2 จาก A3  เนื่องจากผลกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนลดจากความเสี่ยงประเทศกรีซอาจออกจากสมาชิกกลุ่มยุโรป และ สถาบันการเงินของสเปนมีความเสี่ยงจากภาวะหนี้เสียเพิ่มขึ้น Moody’s ยังให้เหตุผลเพิ่มเติมอีกว่าอิตาลีจะมีความเสี่ยงในเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นจากภาวะการจ้างงานแย่ลงขณะที่เศรษฐกิจดิ่งลง (Bloomberg)   จับตาประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีน GDP ไตรมาสสอง คาดตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้แกว่งตัวไม่มากรอการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสสองของจีนที่คาดว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก จากการสำรวจของสำนักข่าว Bloomberg นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดตัวเลข GDP จะโตราว 7.7% และช่วง 6 เดือนหลังคาดหวังเศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ดี เป้าหมายของทางการจีนสำหรับ GDP ในปีนี้จะอยู่ราว 7.5% นั่นหมายความว่า ตัวเลขเศรษฐกิจ และ GDP ไตรมาสสามของจีนอาจปรับตัวลงหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางการจีนประกาศออกมา (Bloomberg)   ไอเอ็มเอฟมองศก.ไทยแกร่ง-คาดปีนี้โต 5-6% ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือวิชาการของไอเอ็มเอฟ ที่สำนักงานใหญ่ ธปท. โดยนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ แสดงมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยว่า ยังมีความแข็งแกร่ง ปีนี้น่าจะโตได้ 5-6% ปีหน้าโต 7% แต่อยากให้ไทยรักษาวินัยทางการคลัง แม้หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 45% ถือว่าเหมาะสมก็ตาม และควรเร่งปฏิรูปการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟได้ศึกษาและเตรียมยกร่างกรอบความคิดการดำเนินนโยบายของประเทศต่างๆ ไว้แล้ว มีกำหนดเผยแพร่ช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้ (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)   16 ส.ค.ก๊าซหุงต้มขึ้นพรวดโลละ 7 บาท นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า เตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ทั้งระบบภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ที่ครบกำหนดระยะเวลาตรึงราคา 3 เดือนตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ส่งผลให้ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ต้องปรับราคาให้สะท้อนราคาตลาด หรือเท่ากับราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้เป็นภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเข้าไปอุดหนุนราคา โดยปัจจุบันราคานำเข้าแอลพีจีเฉลี่ย 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน คิดเป็นภาระอุดหนุน วันละ 40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหามาตรการเข้าช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงจำกัดขอบเขต ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารว่าจะมีรายใดที่เข้าข่ายได้รับการอุดหนุนราคา ซึ่งทั้งหมดต้องได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 16 ส.ค. (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)   จ่อผุดมอเตอร์เวย์ 2 เส้น นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยภายหลังประชุมเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ซึ่งมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เป็นประธานว่า กรมเสนอโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง มูลค่ารวม 114,286 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 ก.ม. วงเงิน 68,780 ล้านบาท และเส้นทางบางใหญ่-นครปฐมกาญจนบุรี ระยะทาง 96 ก.ม. วงเงิน 45,506 ล้านบาท โดยจะให้เอกชนหรือผู้รับจ้างเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างก่อน เมื่อแล้วเสร็จรัฐจะใช้คืนตามเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกัน โดยที่รัฐจะเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ในอัตราเหมือนปัจจุบันก.ม.ละ 1 บาท ค่าแรกเข้าระบบ 10 บาท ซึ่งแนวทางนี้เป็นวิธีที่จะทำให้โครงการเกิดขึ้นโดยเร็ว และไม่ต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุน  (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)   ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1   รายงานวันนี้   หุ้น: TISCO          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 46.00 เราได้เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2555-56 3% และ 10%  ตามลำดับ เนื่องจากคาดว่าอัตราเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 25%.ในปีนี้ เราได้ปรับเพิ่มค่าเผื่อหนี้สูญฯอีก 12% มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนภาพการตัดหนี้สูญที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมในไตรมาส 4/54 และความเป็นไปได้ที่ SSI อาจจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ เราได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2555 อีก 7% มาอยู่ที่ 46.00 บาท อ้างอิงกับ PBV ที่ 1.84 เท่า และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จาก ถือ   กลุ่ม: การแพทย์          คำแนะนำ: NEUTRAL          ราคาเป้าหมาย (บาท): - ราคาหุ้นของ BH และ BGH จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกในระยะยาว หนุนโดย 1)กำไรสุทธิปี2556 ของกลุ่มสูงกว่าตลาด (21% สำหรับ BGH, 18% สำหรับ BH เทียบกับ 15% ของ SET) 2) ROE ของกลุ่มปี 2556 จะสูงแตะ 17% เท่ากับช่วงสูงสุดเมื่อปี 2549, 3) มีอัพไซด์จากการซื้อกิจการใหม่ เราได้ปรับเลื่อนราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2556 ทำให้ราคาเป้าหมายใหม่ของ BGH และ BH เป็น 126 บาท และ 98 บาท ตามลำดับ เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมของกลุ่มการแพทย์ไตรมาส 2/55 จะชนะตลาดรวม แถมจะทำกำไรหลักสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/55 หากอ้างอิงคู่แข่งระดับโลก การแพทย์ไทยสู้ได้สบายด้านประสิทธิภาพ ล่าสุด IHH IPO ที่มูลค่าสูงถึง PER ปี 2556 33เท่า โดยกลุ่มการแทพย์ไทยซ้อขายที่เพียง 25 เท่า   หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม   Technical Analysis   Security: TISCO Position: ซื้อ เป้าหมาย: 40/42 Stop loss< 37 Reason: จุดสังเกตคือราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นสวนตลาด คาดว่าวอลุ่มจะเพิ่มสูงขึ้นตามสัญญาณการ Break out   Security: BEC Position: ซื้อ เป้าหมาย: 60 Stop loss< 53.5 Reason: แนวโน้มระยะกลางเกิดสัญญาณบวกหลังจากทะลุทำจุดสูงสุดใหม่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง ลุ้นให้ขึ้นทดสอบแนวต้านที่ให้ไว้ที่ 60   Security: MAJOR Position: ซื้อ เป้าหมาย: 18.3-18.5 Stop loss< 17 Reason: ราคาหุ้นสร้างฐานบริเวณแนวรับ 17 บ. โดยพบสัญญาณเตือนการกลับตัวลักษณะ Divergence   Security: SCB Position: ขายทำกำไร Reason: ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ยอดเดิมบริเวณ 153-155 มองว่าเป็นโอกาสในการขายทำกำไร สอดคล้องกับเครื่องมือทางเทคนิคที่เข้าสู่จุด peak   Security: KBANK Position: ขายทำกำไร Reason: อ่อนตัวเมื่อทดสอบใกล้ยอดเดิม 165 ให้ระวังสัญญาณขัดแย้งของเครื่องมือทางเทคนิคที่ไม่ได้ปรับขึ้นตาม คาดว่าหุ้นอยู่ในช่วงปลายทางขาขึ้น   Security: ADVANC Position: ขายทำกำไร Reason: โมเมนตัมเริ่มชะลอตัว ขณะที่ราคาหุ้นปิดต่ำทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น สอดคล้องกับเครื่องมือ MACD เคลื่อนที่สูงระดับ Overbought   โดย บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ประจำวันที่ 13 ก.ค. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook