ละคร 'บุพเพสันนิวาส' จะพา 'ช่อง 3' ย้อนยุคกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง?

ละคร 'บุพเพสันนิวาส' จะพา 'ช่อง 3' ย้อนยุคกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง?

ละคร 'บุพเพสันนิวาส' จะพา 'ช่อง 3' ย้อนยุคกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ของช่อง 3 ออกอากาศไปแค่ 2 ตอนแรกก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่เรตติ้งและกระแสในโลกโซเชียล อ่านเพิ่มเติม --> มาแรง! บุพเพสันนิวาส เปิดตัว 2 ตอนแรก เรตติ้งพุ่ง

แถม เบลล่า - ราณี แคมเปน ที่รับบทแม่นายการะเกด มีแอ๊กติ้งทำหน้าเบ้ปาก มองแรง ล้อเลียนนางร้ายตัวแม่อย่าง กิ๊ก - สุวัจนี พานิชชีวะ ทำให้ตอนนี้สาวเบลล่าได้รับฉายา "กิ๊ก สุวัจนี 2018" ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนมีผู้คนในโลกออนไลน์พากันรีวิวความสวยของแม่นางกันยกใหญ่ อ่านเพิ่มเติม --> ตามข้ามา! สีลิปสติกเหมือน 'การะเกด' จากละครบุพเพสันนิวาส ในงบ 300 บาท

แต่อีกด้านหนึ่ง ถือได้ว่าสถานการณ์ในแวดวงผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบ้านเราอยู่ในอาการไม่สู้ดีนัก หลายช่องหลายค่ายต้องปรับตัวปรับองค์กรกันขนานใหญ่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต้องบอกว่าโดนกันถ้วนหน้าทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก หรือจะเป็นหน้าใหม่หรือหน้าเดิมก็ตาม

ล่าสุด บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ช่อง 3 รายงานผลประกอบการประจำปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่าทั้งรายได้และกำไรลดลงอย่างชัดเจน

โดยรายได้รวมปี 60 อยู่ที่ 11,035 ล้านบาท ลดลง 1,230.8 ล้านบาท จากเมื่อปี 59 ที่มีรายได้ 12,265.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลง 10% ขณะที่กำไรในปี 60 ลดลงมา 95% เหลือเพียง 61 ล้านบาท จากที่ปี 59 ทำกำไรได้ 1,218.3 ล้านบาท หรือลดลงไปถึง 1,157.3 ล้านบาท

เหตุผลหลักที่ บีอีซี อธิบายเพิ่มเติมจากรายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คือ ภาวะการชะลอตัวลงของเม็ดเงินโฆษณาที่อ้างอิงจากผลสำรวจของนีลเส็นที่ระบุว่า ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มทีวีทั้งหมด (TV Analog + Cable/Satellite + Digital) ในปี 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 65,786 ล้านบาท ลดลง 5,208 ล้านบาท หรือ 7.3% จากปี 2559 ที่มีมูลค่า 70,994 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทีวียังคงเป็นสื่อหลักของอุตสาหกรรมและยังมีส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาใหญ่ที่สุดที่ประมาณ 65% 

แล้วเมื่อรายได้หลักจากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC นั้นยังคงเป็นรายได้หลักที่มีสัดส่วนสูงถึง 89.6% ของรายได้รวม และมาจากการขายเวลาโฆษณาของ “ช่อง 3” เป็นหลัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลประกอบการของกลุ่มช่อง 3 จะออกมาติดลบอย่างที่เห็น

ขณะที่เมื่อย้อนไปดูผลประกอบการนับตั้งแต่มีทีวีดิจิทัลในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อปี 57 พบว่ารายได้และกำไรของกลุ่มช่อง 3 ลดลงมาโดยตลอด

นออกจากนี้ บีอีซี ยังแจ้งเพิ่มเติมว่านายสมประสงค์ บุญยะชัย ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร คงเหลือเพียงการเป็นกรรมการเท่านั้น โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ โดย สมประสงค์ เคยเป็นอดีตซีอีโอ อินทัช และเอไอเอส ที่เข้ามาร่วมบริหารช่อง 3 เมื่อต้นปีที่แล้ว หลังจากเกษียณอายุการทำงานจากที่เดิม

คงได้แต่หวังว่าบุพเพสันนิวาสระหว่างแม่นายการะเกดและพ่อหมื่นสุนทรเทวาจะพาช่อง 3 ย้อนยุคกลับสู่ความรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้อีกครา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook