ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น35.54จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ที่ 19,251.78 จุด เพิ่มขึ้น 35.54 จุด หรือ +0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.00 จุด เพิ่มขึ้น 24.11 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,212.23 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ +0.34% โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเอื้ออำนวยต่อภาคธนาคาร
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 หรือในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3 โดยพุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ส่วนผลผลิตต่อแรงงานพุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.