"ข้าวสังข์หยด"บูม! สิงคโปร์รับซื้อตันละ2หมื่น

"ข้าวสังข์หยด"บูม! สิงคโปร์รับซื้อตันละ2หมื่น

"ข้าวสังข์หยด"บูม! สิงคโปร์รับซื้อตันละ2หมื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ข้าวสังข์หยดอินทรีย์พัทลุงมาแรง พ่อค้าสิงคโปร์ดอดรับซื้อไม่อั้น วิสาหกิจฯบางแก้ว เผยราคายืนที่ตันละ 20,000 บาท ขณะที่ราคาเฉลี่ยตันละ 18,000 บาท แง้มตลาดโลกต้องการข้าวปลอดสารพิษสูง ขึ้นห้างราคากิโลกรัมละ 120 บาท ดันรวมกลุ่มทำสังข์หยดอินทรีย์ ชี้รายได้ดี ชาวนามั่นคง


นายนัด อ่อนแก้ว นายกสมาคมผู้ผลิตและค้าข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขากลาง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ทำนาข้าวสังข์หยดในปี 2558 ลดลงจากปีที่แล้วไม่มากนัก จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 15,000 ไร่ ปีนี้เหลือประมาณ 12,000 ไร่ ตัวแปรคือราคาในปีนี้ที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ตันละ 18,000 บาท จากปีที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ 23,000 บาท เนื่องจากมีข้าวสังข์หยดค้างสต๊อกออกมาเทขาย

นอกจากนี้กลุ่มทำนาข้าวตามกระแสตลาดบางส่วนได้เปลี่ยนไปปลูกสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น ข้าวเหนียวดำ หอมปทุม และเล็บนก เป็นต้น ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวสังข์หยดลดลง ขณะที่ชาวนามืออาชีพยังยืนหยัดทำนาข้าวสังข์หยดต่อไป สำหรับในกลุ่มและสมาคม สถานการณ์ข้าวสังข์หยดมีแต่ขยายตัวเติบโต และมีราคาที่ดี เพราะมีตลาดไว้รองรับ โดยส่งออกประเทศจีน เดือนละประมาณ 15 ตัน

นายนัดกล่าวว่า ต่อไปนี้การทำนาจะต้องรวมกันเป็นกลุ่ม เข้าระบบให้ได้ เพื่อจะได้รวมรวมผลผลิตและมีอำนาจต่อรองทางการค้าได้ และขณะนี้มีกลุ่มนักธุรกิจค้าข้าวจากประเทศสิงคโปร์เดินทางมาพูดคุยในการซื้อข้าวทุกชนิด แต่ต้องเป็นข้าวนาอินทรีย์ ไม่จำกัดปริมาณจำนวนที่จะซื้อ ซึ่งสิงคโปร์เป็นศูนย์กระจายสินค้าข้าวอินทรีย์ไปสู่ตลาดโลกด้วย ดังนั้นเราต้องทำนาข้าวอินทรีย์ ข้าวปลอดสารพิษ เพราะตลาดมีความต้องการปริมาณมาก และชาวนาจะมีรายได้ที่ดี มีฐานะที่มั่นคง

"ขอเชิญชวนชาวนามารวมกลุ่มเข้าในระบบกัน และต้องหันมาผลิตข้าวอินทรีย์โดยเฉพาะข้าวสังข์หยด เพราะตลาดมีความต้องการสูง ปัจจุบันข้าวสังข์หยดปลูกประมาณ 12,000 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 400 กิโลกรัม/ไร่ ราคาหน้านาเฉลี่ยตันละ 18,000 บาท ซึ่งจะทำให้ชาวนามีรายได้ดี และจะส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจที่ดีโดยรวมในที่สุด" นายนัดกล่าว

ด้านนายจักรกฤษณ์ สามัคคี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเรียนรู้เกษตรธรรมชาติบางแก้ว อ.บางแก้ว จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ภาวะข้าวสังข์หยดยังมีความมั่นคงทางด้านราคา และด้านการตลาด ทั้งผู้บริโภคและการตลาดขยายเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะข้าวสังข์หยดอินทรีย์ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเรียนรู้ฯ ราคายังคงยืนอยู่ที่ตันละ 20,000 บาท

ขณะที่กลุ่มต่าง ๆ ยังมีราคาตั้งแต่ตันละ 17,000-18,000 บาท ด้านราคาขายปลีกอยู่ที่ 50-60 บาท/กิโลกรัม แต่หากแพ็กกิ้งเข้าห้างสรรพสินค้าจะจำหน่ายในราคา 110-120 บาท/กิโลกรัม และแม้ว่าจะยังมีข้าวสังข์หยดมัดถุง ขนาด 1 กิโลกรัม จำหน่ายในราคา 30-35 บาท อยู่ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ปลูกและขายเอง ตรงนี้อยากให้คำนึงถึงราคาต้นทุนด้วย

นายจักรกฤษณ์ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเรียนรู้ฯ ในปีนี้มีการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเติมประมาณ 200 ไร่ จากเดิมประมาณ 114 ไร่ และสมาชิกกลุ่มจากเดิม 21 คนก็เพิ่มขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกันแม้จะมีการเลิกปลูกข้าวสังข์หยดไปจำนวนหนึ่ง ประมาณ 5-10% ซึ่งในส่วนนี้จะมีมืออาชีพในการทำนาข้าวเข้ามาทดแทนส่วนที่เลิกไป

ด้านนายอรุณ ไพชำนาญ ประธานกรรมการ กลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า สำหรับกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมดทำนาข้าวสังข์หยด ประมาณ 200 ไร่ เป็นนาข้าวอินทรีย์เช่นกัน โดยมีเป้าหมายปลูกเพิ่มขึ้นเป็น 500 ไร่ จะแบ่ง 300 ไร่ ทำเป็นนาข้าวปลอดสารพิษ

ข้าวสังข์หยดเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวพัทลุงจนได้สายพันธุ์บริสุทธิ์ขึ้นทะเบียนตามพ.ร.บ.พันธุ์พืชพ.ศ.2518 ชื่อพันธุ์ว่า "ข้าวสังข์หยดพัทลุง" กระทั่งวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ได้รับการรับรองให้ข้าวสังข์หยดพัทลุงขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI : Geographical Indications

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook