‘กรวิกา กอวรกุล’ ผู้บริหารรุ่นใหม่วงการอสังหาฯ น่าจับตามอง

‘กรวิกา กอวรกุล’ ผู้บริหารรุ่นใหม่วงการอสังหาฯ น่าจับตามอง

‘กรวิกา กอวรกุล’ ผู้บริหารรุ่นใหม่วงการอสังหาฯ น่าจับตามอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

‘กรวิกา กอวรกุล’ ผู้บริหารรุ่นใหม่วงการอสังหาฯ น่าจับตามอง สาวน้อยหน้าใส เรียบร้อย ความสามารถดี "กรวิกา กอวรกุล" หรือ "บีเบลล์" ลูกสาวคนโตของตระกูล กอวรกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท จำกัด เข้ามาเริ่มรับไม้ต่อบริหารธุรกิจจาก คุณพ่อ สุรพล กอวรกุล ได้ 2 ปีกว่า ๆ แล้ว


โดยได้ต่อยอดแนวคิดในการพัฒนาโครงการ "แฮปปี้คอนโด ดอนเมือง" มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท คอนโดมิเนียมบนพื้นที่ทำเลคุณภาพ ในคอนเซ็ปต์ ชีวิตที่คล่องตัว เชื่อมต่อทุกการเดินทาง ผลงานอันเป็นบทพิสูจน์จากการทำยอดขายทะลุเป้า กว่า 450 ล้านบาท คนแห่จองเต็ม 396 ยูนิต ภายในสองสัปดาห์ ทำให้สาวคนนี้เป็นที่น่าจับตายิ่งขึ้น


ในช่วงวัยเรียน คุณบีเบลล์ เล่าให้ฟังว่า ตอนระดับมัธยม ได้ศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ จากนั้นได้ศึกษาต่อปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Nottingham University สาขาวิศวกรรมศาสตร์ Manufacturing Engineering and Management จบเกียรตินิยมอันดับ 1และคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 จากการศึกษาระดับปริญญาโท University College London (Ucl) สาขาบริหารการจัดการมาได้

เหตุผลที่เลือกเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์ และการบริหารจัดการ เพราะเกิดความสนใจและชื่นชอบเรื่องของตัวเลข การคำนวณ และเศรษฐกิจมาตั้งแต่เด็ก เพราะคิดว่ามันจะมีประโยชน์มากในอนาคตอันใกล้นี้ บวกกับที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียนมาค่อนข้างมาก จึงทำให้คุณบีเบลล์มีความชำนาญในด้านการบริหารงานโดยเฉพาะในตลาดเงิน ตลาดทุน และอสังหาริมทรัพย์

อีกทั้ง ยังได้มีโอกาสสั่งสมประสบการณ์ด้านการเงิน โดยการฝึกงานที่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ไม่นานก็ได้เวลากลับมาดูแลธุรกิจของที่บ้าน โดยเข้ามาดูแลในด้านการเงิน และบัญชีบริษัท ทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อพิสูจน์ฝีมือให้เห็นว่าเป็นคุณหนูรุ่นใหม่ที่สู้งานอย่างแท้จริง


คุณบีเบลล์ เล่าว่า คุณพ่อไม่ได้บังคับให้กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน เพียงแต่ชวน ๆ มา บอกว่าอยากให้มีฝ่ายวางแผนระบบงาน และฝ่ายงานระบบบัญชีการเงินซึ่งเป็นหัวใจของการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทฯ ท้ายสุดก็เลยมา ซึ่งในเวลาเพียง 2 ปีกว่า คุณพ่อก็เริ่มวางใจถ่ายเทงานให้มากขึ้นเรื่อย ๆ และให้ช่วยดูแลภาพรวมของบริษัท จนได้ขึ้นเป็นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตท และบริษัทในเครืออีกหลายบริษัท

"หลังจากที่เข้ามาช่วยงานบริษัทได้ประมาณ 2 ปีกว่า ก็ได้ตัดสินใจกับคุณพ่อปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ลบจุดอ่อนเพิ่มจุดแข็ง จึงมีความคิดว่าอาจจะ รีแบรนด์สินค้าของบริษัทคือแฮปปี้คอนโดให้ดูมีระดับขึ้น เพื่อสร้างความจดจำให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น”

ปัจจุบัน บริษัท อินฟินิท เรียลเอสเตจ มีการขยายโครงการทั้งบ้าน และคอนโดฯ อาทิ แฮปปี้โฮม รามอินทรา 101 , แฮปปี้โฮม แจ้งวัฒนะ-หลักสี่ , แฮปปี้วิลล์ ดอนเมือง , พาร์ค เพลินจิต , แฮปปี้คอนโด ลาดพร้าว 101, แฮปปี้คอนโด รัชดา 18, แฮปปี้คอนโด หลักสี่-ดอนเมือง และแฮปปี้คอนโด ดอนเมือง

ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนลงทุนคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ 1 โครงการ ส่วนอีกโครงการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต มูลค่ารวมกันเกือบ 2 พันล้านบาท ราคาอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นบาท ต่อตารางเมตร

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ คุณบีเบลล์ บอกว่า ตั้งเป้ารายได้จากการโอนไว้ที่ประมาณ 2 พันล้านบาท และเป้ายอดขายเป้าปักธงไว้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท จากโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย อย่างไรก็ตาม การที่อายุยังน้อย และต้องผันตัวเองเข้ามาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สร้างที่พักอาศัยในแบบคุณภาพดีให้เป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ในธุรกิจยุคที่มีการแข็งขันสูง คุณบีเบลล์ มองว่า เป็นเรื่องที่ท้าทาย ที่ทำให้ต้องคิดและพัฒนาให้ทันกับตลาดอยู่เสมอ

ประกอบกับต้องรู้ให้ลึกว่า กลุ่มลูกค้าเป็นใคร มีความชอบแบบไหน ซึ่งต้องเข้าถึงความต้องการของเขา และเนื่องจากลูกค้าปัจจุบันมีความรู้ ความเข้าใจด้านงานอสังหาฯ มาก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาทั้งสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการและทันยุคสมัย


“ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่า ก็อาจจะเป็นอุปสรรคบ้างแต่ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเข้าใจเรื่องระบบอาวุโสดี คิดเสมอว่าต้องมีความอ่อนน้อมให้เกียรติผู้ใหญ่ ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และหากสื่อสารกันด้วยความจริงใจ ใช้ผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างก็ราบรื่นไปด้วยดี”

แน่นอนว่า คุณบีเบลล์ เป็นที่คาดหวังของครอบครัวสูง ด้วยสถานะที่เป็นลูกคนโต และต้องรับผิดชอบหน้าที่มากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้กดดันจนเกินไป เนื่องจากคุณพ่อพร้อมจะสอนงาน และให้เวลาในการเรียนรู้งานทุกอย่าง จึงสามารถบริหารการจัดการเรื่องเวลาได้เป็นอย่างดี มีเวลาให้กับครอบครัวอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ซึ่งทำให้ในแต่ละวัน คุณบีเบลล์ จึงใช้ชีวิตแบบมีระบบระเบียบ ตื่นเช้าทุกวัน แม้วันหยุดก็ไม่เคยตื่นสาย หรือจะกลับดึกแค่ไหนก็ต้องตื่นเช้า เพื่อออกไปกำลังกาย โดยการเล่นโยคะ ชกมวยไทย หรือแบดมินตัน แล้วจึงให้เวลากับครอบครัว คุยกับคุณพ่อคุณแม่ ดูทีวี. รับประทานอาหารร่วมกันและไปเที่ยวด้วยกัน

อีกสิ่งที่ทำให้ คุณบีเบลล์ เป็นคนรอบรู้ก็คือการให้อาหารสมอง ด้วยการอ่านหนังสือ และนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ทำให้อ่านหนังสือแทบจะทุกประเภทแต่ประเภทหนังสือที่ชอบอ่านมากที่สุดคือ หนังสือหลักการบริหารงาน โดยจะใช้ช่องทางนี้เรียนรู้ความสำเร็จ หรือข้อผิดพลาดของผู้อื่นไว้เป็นบทเรียนแบบทางลัดที่เราจะได้เก็บไว้เป็นกรณีศึกษาและสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้จริง

“เรียนรู้งานอยู่เสมออย่างไม่หยุดนิ่ง เปิดใจกว้างในการสื่อสารรับฟังเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น นำเสนอนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ขายฝัน รู้จักกระจายงานได้เป็นอย่างดี ไม่รวมทุกอย่างไว้ที่ตนเองเพียงอย่างเดียว เป็นหลักการที่คุณบีเบลล์ใช้พัฒนาตนเองสำหรับการทำหน้าที่ผู้บริหารนอกจากนี้ยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย โดยการทำทุกวันและทุกนาทีให้เต็มที่ เมื่อหมดวันไปจะได้ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะได้ใช้ทุกนาทีอย่างคุ้มค่าแล้ว ฉะนั้นทุกอย่างก้าวคือสิ่งสำคัญ”

นับเป็นข้อคิดที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าวัยของสาวน้อยวัย 25 ปีคนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook