"จุลพันธ์ - วิสาระดี" ผ่านมา 16 ปี รักนี้เสมอต้นเสมอปลาย

"จุลพันธ์ - วิสาระดี" ผ่านมา 16 ปี รักนี้เสมอต้นเสมอปลาย

"จุลพันธ์ - วิสาระดี" ผ่านมา 16 ปี รักนี้เสมอต้นเสมอปลาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“แตกต่างอย่างลงตัว” คือนิยามที่เหมาะสมที่สุดของชีวิตคู่ระหว่าง "คุณหนิม - จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และส.ส. เชียงใหม่ และ "คุณยิ้ม - วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์" ส.ส. เชียงราย

“เขาแตกต่างจากผมเยอะ ผมเป็นคนเงียบๆ อยู่บ้าน อ่านหนังสือ ดูกีฬา เขาทำให้ชีวิตผมสมดุลมากขึ้น เขาจะชวนไปนู่นนี่ กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงบ้าง ทำให้ผมมีมิติอื่น เขานำพาสิ่งดีๆ มาให้ ผมเข้ากับคนค่อนข้างยาก เจอคนใหม่ๆ จะใช้เวลาที่จะสนิทสนม ยิ้มเป็นคนเฟรนด์ลี่ พบปะใครก็สร้างความประทับใจที่ดี เป็นคอนเนกชั่นดีๆ สําหรับการทํางานที่เราจะได้ข้อแนะนําที่เป็นประโยชน์ในมิติต่างๆ…เหมือนงานเลย” คุณหนิมหัวเราะกับคำตอบของตัวเองที่แม้จะพูดคุยเรื่องภรรยา ก็ยังมีมุมมองเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง

“เขาจะไม่มีการคุยเล่นๆ ค่ะ” คุณยิ้มย้ำตัวตนของคุณหนิมที่งานคือเรื่องใหญ่เสมอ แม้ในช่วงเริ่มความสัมพันธ์ราว 16 ปีก่อน “ตอนนั้นเราเป็นผู้สมัครครั้งแรก เขาจะให้คําแนะนําเรื่องการเมือง นโยบาย ถามไถ่การงาน วันนี้ไปเจอประชาชนเป็นไงบ้าง วันนี้ออกหาเสียงครั้งแรกเป็นไงบ้าง”

รักในสนามการเมือง

“จริงๆ เจอยิ้มมาก่อนเขาจะตัดสินใจทำงานการเมือง ก็รู้สึกว่าน่ารักดี พอรู้ว่าเขาคิดว่าจะลงการเมือง เราก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุน ถ้ามัวแต่รอก็ไม่รู้ว่าจะลงตอนไหน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจทำ พอเข้ามาในสภาเราก็เป็นพี่เลี้ยง ไม่ใช่แค่กับเขา แม้แต่วันนี้ผมว่าผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ใครก็ตามที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติงานในฐานะส.ส. ถ้าผมช่วยแนะนําได้ ผมก็ยินดี ผมเป็นคนลักษณะนั้น ก็คอยให้คําแนะนำยิ้ม แล้วก็จีบไปด้วยนั่นแหละ สุดท้ายก็เป็นแฟนกัน”

ขณะที่คุณหนิมทำหน้าที่เป็น ส.ส.รุ่นพี่ พร้อมกับเดินหน้าสมัครเป็นเจ้าของหัวใจ คุณยิ้มกลับไม่คิดอะไร เพราะเห็นคุณหนิมในฐานะรุ่นน้องของคุณพ่อ (วิสาร เตชะธีราวัฒน์ - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย 9 สมัย) แต่แล้วความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อคุณพ่อคุณแม่เปิดไฟเขียวให้คุณหนิม

“เป็นคุณพ่อที่ถามเราว่า ‘ไม่สนใจเขาบ้างเหรอ เขาเป็นคนดีนะ’ เราเป็นลูกผู้หญิงคนเดียว อะไรที่พ่อแม่ว่าดี เราก็รู้สึกมั่นใจ จากตอนแรกคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า มองเขาเป็นรุ่นพี่ แต่เขามีจิตใจดีมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่เราต้องการจากคู่ชีวิต รวมทั้งเขาดีทั้งกับเราและครอบครัวเรา ก็เริ่มมองเค้าอีกแบบ”

คนแห่งความจริงที่อยู่เคียงข้างเสมอ

“คุณหนิมไม่ใช่คนที่เราคิดไว้ อายุมากกว่า 6 ปี เขาเรียบง่าย จริงจังกับชีวิต ชอบอยู่บ้าน แต่เราชอบคนรุ่นเดียวกัน ชอบคนดูแลตัวเอง ชอบคนสนุก เข้าสังคมเป็นจะได้ไปกับเราได้ ต่างจากที่คิดไว้คนละขั้ว แต่ความแตกต่างทําให้เราเข้ากันได้ กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อกันแล้วเติมเต็มกันและกัน” คุณยิ้มกล่าว

คุณหนิมมองว่าความแตกต่างเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สร้างความลงตัวในการจัดการปัญหาและความท้าทายต่างๆ ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน “อาจจะโชคดีที่เราแตกต่างกัน วิธีการแก้ปัญหาก็ใช้แง่มุมต่างกัน แล้วเราเป็นคนที่เปิดรับความคิดเห็นของกันและกันอยู่แล้ว ผมจะมองเป็นเหตุผล ส่วนยิ้มให้ความสำคัญเรื่องความรู้สึก ทําให้การจัดการต่างๆ ออกมาเป็นส่วนผสมที่พอดี”

ผ่านมา 16 ปี คุณยิ้มบอกว่าสามียังเป็นคนเดิมตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก “ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เขาเป็นอย่างงี้แต่วันแรก ไม่หวือหวา ไม่สวีท เสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิมตลอด เชื่อไหมคะ เราไม่เคยมีวันฉลองครบรอบ ไม่เคยมีโอกาสพิเศษ เพราะทุกวันคือวันสําคัญ”

โอกาสพิเศษตามเทศกาลไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคุณหนิม เพราะทุกครั้งที่ว่างเว้นจากงาน ทุกนาทีคือเวลาของครอบครัว “ว่างจากงาน เวลาทั้งหมดผมให้ลูกและภรรยาอยู่แล้ว ผมไม่เคยไปไหนคนเดียว ไปกินข้าวด้วยกัน เดินห้างด้วยกัน อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อเลย ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษครับ”

คุณแม่ส.ส. คุณพ่อรัฐมนตรี

“ตอนนี้พูดตรงๆ ว่างานมาอันดับหนึ่ง โชคดีที่ลูกเริ่มโตขึ้นเขาก็เข้าใจ ภรรยาก็คอยสนับสนุนอย่างดีทุกเรื่อง การเป็นรัฐมนตรีคือภารกิจหนักมาก เพราะไม่ใช่เรื่องของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่เป็นเรื่องของประเทศ แล้วตําแหน่งเหล่านี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน มีโอกาสทําผมก็ทําให้ดีที่สุด เวลา 7 วัน ผมให้งาน 6 วันครึ่ง กลับดึกเกือบทุกวันเพราะมีภารกิจ บางทีกลับบ้าน ก็ไม่ใช่จบงาน เพราะมีเรื่องตกค้าง มีประชุมออนไลน์ ยิ้มก็จะคอยให้สติ เวลาพักผ่อนก็ต้องหยุดนะ เดี๋ยวจะมีปัญหากับสุขภาพ ซึ่งก็ดีครับที่เขาคอยเตือน”

ในฐานะคุณพ่อ คุณหนิมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจัดสรรเวลาให้น้องณัชชา ลูกสาวคนเดียว “ผมตื่นเช้าอยู่แล้ว ก็จะมีเวลาอยู่กับลูกช่วงก่อนเขาไปโรงเรียน แต่เรื่องจะไปเที่ยวกัน ช่วงนี้ยังทำไม่ได้เลยครับ”

ส่วนคุณยิ้ม ในบทบาทของคุณแม่ก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้เวลากับลูกสาว “ยิ้มเคยต้องอยู่กับคุณยายที่กรุงเทพฯ เพราะคุณพ่อลงพื้นที่อยู่เชียงราย มันเหงา มีความโหยหาพ่อแม่ พอมีลูกก็ตั้งใจว่าจะอยู่กับเขาให้มากที่สุด ถ้าต้องไปต่างจังหวัด เป็นไปได้ก็จะไปเช้าเย็นกลับ ยิ้มกับพี่หนิมดูแลกันคนละพื้นที่ บางทีก็จะต้องสลับกัน ถ้ายิ้มไป เขาจะอยู่กับลูก ถ้าเขาบินเราก็จะอยู่ และโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ของยิ้มช่วยดูแลหลานได้เยอะค่ะ ช่วงเวลาของครอบครัวจริงๆ คือการที่ทุกคนอยู่บ้าน ใครอยากจะเล่นเกม อ่านหนังสือ ดูหนังก็ทำไป แต่เราอยู่ด้วยกัน นั่นคือเวลาคุณภาพของเรา”

วิถีครอบครัวการเมือง 

การทำงานในสาขาเดียวกันมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ต่างยิ่งเข้าใจกัน และกระชับสายสัมพันธ์ให้ยิ่งแนบแน่น “ข้อคิดของยิ้มเป็นสิ่งที่ตรงประเด็น มีประโยชน์ เราใช้ได้ในชีวิตจริง ในขณะที่ผมก็จะคอยแนะนำเรื่องงานสภากับเขา” คุณหนิมกล่าว

“เขาเหมือนเป็นเมนเทอร์คนหนึ่งที่คอยแนะนําเรื่องงาน เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นให้เราได้ทุกอย่าง ส่วนเราก็เป็นกระจกให้เขาค่ะ เขาเป็นสายสาระหลักการ เราก็ช่วยให้เขาเห็นในอีกมุมเรื่องความรู้สึก คอยให้กำลังใจ จะคอยเตือนให้เขาพักผ่อน เขาทําเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็จะต้องมีทางออก ในแต่ละสถานการณ์ก็จะช่วยประคับประคองอารมณ์ไม่ให้เครียดเกินไป ให้เขาคุยกับลูก เล่นกับลูกบ้าง เขาก็จะวางเรื่องงานลงชั่วคราว”

ครอบครัวมั่นคงเพราะยึดความเข้าใจเป็นที่ตั้ง

“เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง แต่ก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ มีช่วงเวลายากลําบากเหมือนครอบครัวอื่นๆ ผมไม่เชื่อว่าจะมีเส้นทางของใครโรยด้วยกลีบกุหลาบขนาดนั้น แต่เราผ่านปัญหาอุปสรรคทั้งหมดด้วยความรัก ความเข้าใจที่มีให้กัน”

การสื่อสารกันในบ้าน คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ครอบครัวแข็งแรง “ครอบครัวมั่นคงในวันนี้ เพราะเราให้ความสำคัญกับการพูดคุยแล้วก็ทําความเข้าใจกัน และลูกก็เป็นสายใยและจุดเชื่อมสําคัญของครอบครัวของเราครับ” คุณหนิมบอกเคล็ดลับความแน่นแฟ้นของชีวิตคู่ ขณะที่คุณยิ้มเองก็ไว้ใจคุณหนิมอย่างเต็มที่ในบทบาทผู้นำครอบครัว

“พี่หนิมมาถึงวันนี้ได้เพราะความสามารถและความตั้งใจจริง เขาเป็นคนฉลาด เราวางใจและมั่นใจให้เขาเป็นผู้นำครอบครัวค่ะ”

ในสายตาของคุณยิ้ม แม้จะทำงานหนักแต่คุณหนิมก็ทำหน้าที่สามีและพ่อได้โดยไม่บกพร่อง “พี่หนิมมุ่งมั่นกับการงานมาก แต่กับครอบครัวก็ไม่แผ่ว เขาดูแลยิ้มและลูกดีมากค่ะ เขาทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ยิ้มก็อยากจะให้เขาดูแลตัวเองบ้าง มีเวลาให้กับตัวเองบ้าง และดูแลสุขภาพให้มากขึ้นค่ะ”

ส่วนคุณหนิมที่ดูเขินๆ ตลอดการพูดคุย เพราะไม่ถนัดการพูดและแสดงความรู้สึกในเรื่องส่วนตัว ฝากบอกคุณยิ้มว่า “ขอบคุณที่คอยเป็นกําลังใจมาตลอด แล้วก็คอยดูแลทุกอย่างในครอบครัวเป็นอย่างดีครับ” 



อัลบั้มภาพ 22 ภาพ

อัลบั้มภาพ 22 ภาพ ของ "จุลพันธ์ - วิสาระดี" ผ่านมา 16 ปี รักนี้เสมอต้นเสมอปลาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook