กาแฟ ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

กาแฟ ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

กาแฟ ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายอย่าง กาแฟ กลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตสำหรับผู้คนวัยทำงาน เรียกว่า ตื่นเช้าขึ้นมาต้องได้กินซักหนึ่งแก้วเพื่อกระตุ้นร่างกายให้พร้อมรับกับวันใหม่ พอตกบ่ายขึ้นมาก็ต้องกินอีกซักหนึ่งแก้วแก้อาการง่วงนอน และถ้าวันไหนต้องมีงานดึก ก็อาจจะมีแก้วที่สามอีกก็ได้ การดื่มกาแฟจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และมีสมาธิมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม หากดื่มมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น ใจสั่น หรือนอนหลับไม่สนิทได้ ดังนั้นเราจึงมีวิธีในการดื่มกาแฟเพื่อให้เกิดผลดีต่อร่างกายและสุขภาพของคุณ ดังต่อไปนี้

- เลือกดื่มกาแฟดำ ที่ไม่ใส่ครีมเทียมและน้ำตาล เพราะทั้งครีมเทียมและน้ำตาลจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณอ้วนขึ้น อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย ทั้งนี้คุณต้องรู้ตัวเองก่อนว่า ที่คุณดื่มกาแฟเพราะคุณต้องการคาเฟอีนที่มีในกาแฟ หรือคุณต้องการความหวานของน้ำตาลกันแน่ หากคุณต้องการคาเฟอีนของกาแฟจริงๆ แนะนำให้เลือกดื่มกาแฟดำที่ไม่เติมครีมเทียมและน้ำตาล เพราะกาแฟดำจะช่วยเติมความอยากกาแฟของคุณ ทำให้คุณตื่นตัว และดีต่อสุขภาพของคุณด้วย 

- ดื่มกาแฟควบคู่กับอาหารที่มีคุณภาพดี มีการวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการหลายชิ้นออกมาบอกว่า การดื่มกาแฟไปพร้อมๆ กับอาหารที่มีคุณภาพดี อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ร่างกายต้องการ จะส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณ อาหารที่มีคุณภาพดีเหล่านั้นจะเข้าไปดูดซึมคาเฟอีนที่มาจากกาแฟ ทำให้ความต้องการคาเฟอีนในแต่ละวันลดน้อยลง 

- ดื่มกาแฟให้ถูกเวลา นักโภชนาการได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ไม่ควรดื่มกาแฟหลังบ่ายสองโมง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการนอนหลับได้ แต่ถ้าคุณมีงานเร่งด่วนรออยู่และต้องดื่มกาแฟเพื่อเพิ่มพลังการทำงานแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณเลือกดื่มกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนและน้ำตาลน้อยลงมาหน่อย เช่น ลาเต้ คาปูชิโน่ หรืออเมริกาโน่ แทน 

- ควรดื่มกาแฟก่อนการออกกำลังกาย เพื่อให้คาเฟอีนที่มีในกาแฟไปช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกายนั่นเอง หากคุณดื่มกาแฟหนึ่งแก้วก่อนการออกกำลังกาย ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คำเตือนก็คือ ไม่ควรดื่มมากกว่าหนึ่งแก้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook