9 คนเก่งทำดีเพื่อพ่อ : ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ไม่มีกษัตริย์คนไหนในโลก มองการณ์ไกลได้เท่าพ่อหลวง

“ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว หากเราพูดว่าวันหนึ่งโลกจะร้อนขึ้นเหมือนในปัจจุบัน และทรัพยากรเชื้อเพลิงต่างๆจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ น้ำมันจะขาดแคลน และ ปลานิล ปลาที่ไม่เคยมีในประเทศไทย จะกลายเป็นปลาที่หล่อเลี้ยงปากท้องและสร้างรายได้ให้กับคนไทย ใครจะคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องจริง

แต่สิ่งเหล่านี้มีเพียงคนเดียวที่มองเห็นนั่นคือในหลวง รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ทรงมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ และ ทรงวางแนวทางการแก้ปัญหาทุกอย่างให้กับคนไทย”

Sanook! Men มีโอกาสพูดคุยกับ ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์คนเก่งอีกหนึ่งคนที่มีพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแรงบันดาลใจ มีการกระทำของพระองค์เป็นดั่งเข็มทิศชีวิต โดยที่ ดร. ธรณ์ เล่าให้ฟังว่า ความประทับใจต่อ ในหลวงรัชกาลที่9 มีหลายเรื่องมาก แต่เรื่องที่ประทับใจมากที่สุดคือ การมองการณ์ไกลและวิสัยทัศน์ โดยเฉพาเรื่อง “ปลานิล” พระองค์ทรงคิดว่า ประเทศไทยควรจะมีปลาสักชนิดที่ไม่ว่าใครก็สามารถเลี้ยงและหาได้ทั่วไปเป็นแนวความคิดง่ายๆแต่การจะทำให้ความคิดง่ายๆ นี้เป็นจริงขึ้นมาเป็นเรื่องยากมากและต้องใช้เวลา แต่พระองค์ท่านทรงยอมเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเป็นเวลาหลายปีจนทำสิ่งนี้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้เพื่อคนไทยทุกคน โดยที่ ดร. ธรณ์ บอกว่า “เราคงไม่อาจคิดได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของพระองค์หรือแม้แต่ทำได้เหมือนที่พระองค์ทำ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของ วิสัยทัศน์ที่พ่อหลวงของเราทรงมองการณ์ไกลมาโดยตลอด”

ส่วนอีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำคัญต่อ ดร.ธรณ์ คือ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทำให้เห็นไม่ใช่พูด อย่างเรื่องภาวะโลกร้อนและแก๊สโซฮอล์ ในหลวงทรงเตือนคนไทยว่าจะเจอกับภาวะโลกร้อนตั้งแต่ปี 2532 และเรื่องแก๊สโซฮอล์ พลังงานทางเลือกตั้งแต่ปี 2543 แต่ถ้าเราไปศึกษางานย้อนหลังจะพบว่าในหลวงทรงริเริ่มให้ทำโรงงานเอทานอลในสวนจิตรดา ตั้งแต่ปี 2528 นั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงทำจนเห็นผลแล้วจึงนำมาบอกคนไทย และนี่คือเหตุผลว่าทำไม ไม่มีกษัตริย์คนไหนในโลก มองการณ์ไกลได้เท่าพ่อหลวง

ติดตามบทสัมภาษณ์อีกแง่มุมหนึ่งของการทำดีเพื่อพ่อจากสถาปนิกคนเก่งดวงฤทธิ์ บุนนาคได้ในสัปดาห์ถัดไป