หลังปรากฏการณ์ "ยามหล่อ"
ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ "ยามหล่อ" ฮือฮาไปทั่วเมืองโดยจุดเริ่มมาจากแฟนเพจเฟซบุ๊ก CMU Cute ยาม ที่ตั้งใจนำเสนอภาพบรรดา รปภ. ผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยใน ม.เชียงใหม่ ซึ่งทันทีประเดิมภาพของ ก๊อต-จักรพันธ์ นุพอ ก็ได้กระแสตอบรับดี มีคนไปดักรอขอถ่ายรูปไม่ขาดสาย จนกลายเป็นข่าวหน้า 1 ทั้งในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ หลายรายการเลยแย่งกันจองตัวมาสัมภาษณ์ เช่นเดียวกับนิตยสารหลายหัว
ส่งให้หนุ่มปกากะญอ ยามหล่อคนที่ว่า "ดังเพียงชั่วข้ามคืน"
แต่จะดังทน ดังนานหรือไม่ต้องไปพิสูจน์ชีวิตยามก๊อต หลังผ่านช่วงเวลาแห่งความดังมาได้ 1 เดือนกว่า จะได้เห็นกันจะจะ
เริ่มสำรวจจาก ทักษิณ บำรุงไทย นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ผู้ดูแลเพจ CMU Cute ยาม ที่เล่าให้ฟังว่า แม้วันนี้ก๊อตจะยังเป็นที่สนใจ วัดจากรูปล่าสุดที่มียอดกดไลค์มากกว่า 2,000 แต่กระแสความแรงของเพจก็แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
"ผมเป็นแอดมินเพจจะเห็นกราฟที่เฟซบุ๊กรายงาน ตอนสัปดาห์แรกมีคนพูดถึงเพจเราพุ่งถึง 500,000 คน ช่วงนี้ลดลงมาเหลือประมาณ 90,000"
แต่กระนั้นผลพวงของความหล่อก็ส่งผลให้คนสนใจติดต่อขอซื้อเพจ ที่แม้จะได้เงินตามสมควร ด้วยปกติถ้ามี 50,000 ไลค์ ราคาก็จะอยู่ที่ 20,000-30,000 บาทแล้ว แต่เขาก็ไม่ขาย
ส่วนตัวยามก๊อตนั้นเขาว่า มีคนติดต่องานผ่านเพจมาหลายราย ด้วยอยากให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์บ้าง เป็นพระเอกเอ็มวีเพลงลูกทุ่งบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับเจ้าตัวและผู้จัดการเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ที่กระแส "ยามหล่อ" จางลงๆ นั้น ทักษิณบอกว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
"มันก็แค่เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่คนให้ความสำคัญ แล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
เช่นเดียวกับ นายสัตวแพทย์ธีรพัชญ์ สมณะ ผู้จัดการส่วนตัวของยามก๊อตที่บอกว่า "ตอนนี้กลับไปสภาพปกติแล้ว"
โดย "กระแสวูบวาบ" ค่อยจางๆ หลังไปให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ 1 รายการ และหนังสือพิมพ์อีก 1 ฉบับ จากนั้นเด็กในสังกัดรายนี้ก็ได้รับเลือกจากครีมยี่ห้อหนึ่งให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายรูปในลักษณะถือครีมเพื่อนำไปติดหน้าร้านลูกค้ารายดังกล่าวแลกกับเงินค่าตัว 2,000 บาท
ส่วนการผลักดันเข้าวงการนั้นเขาว่า น่าจะยาก ด้วยเขาเองบอกแต่แรกแล้วว่าจะช่วยดูแลให้ในช่วงต้นๆ แต่คงไม่ได้ทำเต็มตัว เพราะไม่ใช่ทาง อีกทั้งยังจะต้องปรับหน้าตา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 2 ปี
ทั้งนั้นและทั้งนี้ "ถ้ามีใครจะมารับช่วงต่อก็ยินดี" เขาว่า
ขณะที่หนุ่มหล่อต้นเรื่องเล่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า "ตอนนี้ปกติดี" และ "ก็มีคนมาถ่ายรูปอยู่บ้าง"
โดยในเวลาทำการเขายังคงทำหน้าที่ รปภ. ประจำจุดตรวจต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ส่วนนอกเวลาก็ยังเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่น แถมแฟนสาวที่หวิดจะเลิกราเมื่อตอนดังก็ยังกลับมาคบกันดีอยู่
รวมๆ แล้วเลยถือว่า "ชีวิตมีความสุขดี" เพียงแต่ "ไปไหนมาไหนมีคนรู้จักเยอะขึ้น" แม้จะไม่เท่าช่วงเดือนก่อน แต่เขาก็ว่า "ไม่ได้รู้สึกเสียใจ ที่ไม่ดังเท่าเก่า" เพราะเอาเข้าจริงทุกวันนี้ก็ "ยังงงๆ ตัวเองอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ยามก๊อตบอกว่า อย่างน้อย "ความดัง" ที่แวะผ่านมาทักทาย ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสดีๆ ในชีวิต ทั้ง "ได้ออกทีวี ได้นั่งเครื่องบิน" และยังได้ค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ จากรายการที่ไปให้สัมภาษณ์
ส่วนเรื่องอนาคตในวงการบันเทิงที่หลายคนหวัง (แทน) ไว้ เขาว่า "ไม่เคยคิดว่าจะได้เล่นละคร ได้เป็นดารา"
"ผมคิดว่ามันเป็นได้ยาก เพราะถ้าเป็นได้ง่ายๆ ใครๆ ก็เป็นกันได้หมด" ดังนั้น ต่อให้ใครจะกล่าวขานว่าเขาน่ะ "ดังแบบพลุ" เป็นจุดสนใจแค่วูบเดียวแล้วก็หายไป
แต่เขาก็ยังพอใจกับมัน