6 ความเสี่ยงจากน้ำดื่มที่คุณอาจยังไม่รู้
น้ำตู้ใสๆ ที่ผ่านการกรองสารพัดวิธีจนไร้สิ่งเจือปนนี่แหละ ใครจะเชื่อว่าความบริสุทธิ์ (แบบไม่ธรรมชาติ) ของมันอาจก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายหลายสถาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มที่ผ่านกระบวนการ Reverse Osmosis หรือที่เรียกว่าน้ำ RO, การกรองด้วยนาโนฟิลเตอร์, การกลั่น, การกรองโดยใช้เยื่อกรองบางๆ, การสกัดไอออน ฯลฯ ไม่ได้แปลว่าทั้งหมดล้วนอันตราย แต่ทั้งหมด ‘มีความเสี่ยง’ ที่จะเกิดโทษ งานวิจัยจาก WHO ให้เหตุผลว่า...
ระบบกรองยิ่งละเอียดยิ่งสกัดเอาแร่ธาตุตามธรรมชาติออกไป
เพราะน้ำใสที่เราเห็นในตู้กดที่เรียกว่า ‘Demineralized Water’ หรือ Soft Water ซึ่งเหมาะสำหรับการซักล้างเพราะไม่ทิ้งคราบหรือตะกอนใดๆ แต่ถ้าดื่มละก็ นอกจากรสชาติจะแย่กว่า Hard Water ที่มีแร่ธาตุทั่วไปแล้ว ยังช่วยดับกระหายได้น้อยกว่า
น้ำเหล่านี้มีแคลเซียมและแมกนีเซียมน้อยหรือแทบไม่มีเลย
แร่ธาตุพื้นฐานเหล่านี้จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งเราจะได้รับจากการดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำ หากขาดแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
อาจเกิดอาการน้ำเป็นพิษ (Water Intoxication) หรือภาวะโซเดียมต่ำ
เมื่อออกแรงทำงานหรือออกกำลังหนัก ร่างกายจะขับโซเดียมออกทางเหงื่อตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายต้องการโซเดียมเพื่อสร้างสมดุลในเลือด แต่เมื่อคุณดื่มน้ำ Demineralized ที่มีโซเดียมไม่เพียงพอเข้าไป ย่อมส่งผลให้น้ำร่างกายเสียสมดุล ทำให้เกิดอาการเหมือนคนขาดน้ำ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เวียนศีรษะ หน้ามืด พูดไม่ชัด เป็นต้น
น้ำดื่มตู้หลายแห่งใช้น้ำประปาเป็นดิบ
ซึ่งคลอรีนในน้ำประปาจะไปกัดเยื่อกรองฉีกขาด ทำให้ไม่สามารถกรองสิ่งสกปรกหรือเชื้อจุลินทรีย์ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นน้ำที่ได้ออกมาจึงเป็นน้ำประปาเราดีๆ นี่เอง
มีสิ่งสกปรกหรือเชื้อแบคทีเรียสะสมที่เยื่อกรองมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าไม่ได้ล้างทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะฉะนั้นนอกจากจะได้น้ำประปามาดื่มแล้วยังอุดมด้วยแบคทีเรียอีกต่างหาก
ตกลงยังดื่มน้ำตู้ได้ไหมเนี่ย
ก็ได้แหละ แต่ต้องค่อยเช็คความถี่ในการทำความสะอาด ปกติน้ำตู้ที่ได้มาตรฐานจะต้องมีใบแสดงการทำความสะอาดครั้งล่าสุดติดให้เห็นเด่นชัด