"โรคคาวาซากิ" ภัยร้ายเด็กต่ำกว่า 5 ปี สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจในเด็ก

"โรคคาวาซากิ" ภัยร้ายเด็กต่ำกว่า 5 ปี สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจในเด็ก

"โรคคาวาซากิ" ภัยร้ายเด็กต่ำกว่า 5 ปี  สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจในเด็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณ รู้จัก "โรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease)" ไหม? ...เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่อาจทำหน้างง พลางคิดไปว่าโรคอะไรว้า ชื่อเหมือนจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่ง สัญชาติญี่ปุ่นเลย อย่ากระนั้นเลย ไปถามผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่า พญ.มณินทร วรรณรัตน์ กุมารเวชศาสตร์โรคระบบหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111 ระบุว่า "โรคคาวาซากิ" นั้น มีรายงานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1967 โดยแพทย์ชาวญี่ปุ่นชื่อ Tomisaku Kawasaki ตรวจพบในเด็กชายชาวญี่ปุ่นอายุ 4 ปี ที่ป่วยเป็นไข้ร่วมกับอาการอื่นๆ ซึ่งไม่เคยตรวจพบมาก่อน หลังจากนั้นจึงตรวจพบผู้ป่วยอาการแบบเดียวกันมาเรื่อยๆ และมีอุบัติการณ์ของโรคนี้กระจายไปทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะอายุน้อยกว่า 5 ปี


ในประเทศไทยพบอุบัติการณ์ประมาณ 5-10 รายในประชากร 100,000 คน แต่ในระยะหลังๆ นี้พบว่ามีอุบัติการณ์ของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และภาวะการต้านยาก็พบมากขึ้นตามลำดับ เฉพาะในโรงพยาบาลเวชธานีก็พบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคคาวาซากิเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ทุกปีเช่นกัน เนื่องจากโรคนี้หากให้การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นคือ ก่อน 10 วันแรกของโรค จะช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคแทรกซ้อนลงได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลอดเลือดหัวใจ จึงจำเป็นที่ผู้ปกครองทั่วไปจะพึงทำความรู้จักกับโรคนี้ เพื่อรับมือและช่วยให้ผลการรักษาสัมฤทธิ์ผลให้มากที่สุด


โรคคาวาซากิเป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่ทำให้มีการอักเสบของเส้นเลือดขนาดกลางทั่วร่างกาย ซึ่งมีผลต่ออวัยวะในร่างกายหลายระบบ ซึ่ง เกณฑ์การวินิจฉัยโรคคาวาซากิ ประกอบด้วยไข้สูงมากกว่า 5 วัน ร่วมกับมีอาการต่างๆ 4 ใน 5 ข้อนี้


1. เยื่อบุตาอักเสบ 2 ข้าง

2. มีอาการของลิ้นและริมฝีปาก ได้แก่ ลิ้นเป็นสตอรอว์เบอร์รี่, ริมฝีปากบวมแดงแห้งแตก

3. มีอาการของแขน ขา ได้แก่ แขนขาบวมแดง ผิวแห้งปลายเท้าลอก

4. มีผื่นตามตัว อาจเป็นผื่นแดงคล้ายลมพิษหรือปื้นแดงตามตัว

5. ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต โดยเฉพาะเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1.5 เซนติเมตร


ทั้งนี้โรคดังกล่าวพบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจในเด็ก ดังนั้นผู้ปกครองควรสังเกตอาการและหากพบอาการผิดปกติควรรีบนำเด็กเข้าพบ แพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ชัดและให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook