“พลเมืองชั้นสอง” สิ่งที่ต้องยอมรับ! หากคิดย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

“พลเมืองชั้นสอง” สิ่งที่ต้องยอมรับ! หากคิดย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

“พลเมืองชั้นสอง” สิ่งที่ต้องยอมรับ! หากคิดย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คำพูดที่ว่า “ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา” หรือ There’s No Place Like Home มักจะออกมาจากปากของคนที่ต้องไปใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองเป็นเวลานาน ๆ

แต่ขณะเดียวกัน เรามักได้ยินหลายคนพูดว่าอยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมากกว่าอยู่ในเมืองไทย เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างขัดหูขัดตา ชวนให้หงุดหงิดใจ

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงชั่วครั้งชั่วคราว กับการไปพำนักอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวรนั้น มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สถานะ “นักท่องเที่ยว” เมื่อนำเงินเข้าประเทศ

แม้ว่าบางคนจะวัดจากประสบการณ์ที่มีโอกาสได้ไปเยือนต่างประเทศในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างการลาพักร้อน ไปพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง แต่อย่าลืมว่าสถานที่ต่าง ๆ ที่เราเลือกไปเที่ยวนั้น มักเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เจ้าถิ่นยินดีพร้อมรับการมาเยือนของคนต่างชาติ ต่างภาษาอยู่แล้ว เพราะถือเป็นนักท่องเที่ยวที่นำเงินมาเข้าประเทศของตนเอง

เมื่อไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เจ้าของประเทศจึงให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีในฐานะแขกบ้านแขกเมือง เราจึงได้เห็นว่าผู้คนเป็นมิตร ยิ้มแย้ม ยิ่งถ้าเป็นประเทศที่สิ่งแวดล้อมดีด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าอยากจะย้ายมาปักหลักอยู่ที่ประเทศนั้น ๆ เป็นการถาวร

ญี่ปุ่น ประเทศในฝันอันดับต้น ๆ ของคนไทย

หากพูดถึงประเทศที่คนไทยชอบไปท่องเที่ยวเวลาที่มีช่วงวันหยุดยาว ๆ ในบ้านเรา มักจะมีชื่อของ “ประเทศญี่ปุ่น” ติดโผในอันดับต้น ๆ ทุกครั้งไป เพราะเป็นประเทศที่สามารถเดินทางไปมาได้สะดวก ไม่ต้องขอวีซ่า และใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง

นอกจากนี้ ก็ยังเป็นประเทศที่ก้าวไกลทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ผู้คนเป็นมิตรน่ารักอบอุ่น เราจึงมักได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่าใคร ๆ ก็อยากไปใช้ชีวิตที่นี่

แต่รู้หรือไม่ว่าญี่ปุ่น ประเทศที่เจริญก้าวหน้าในอันดับต้น ๆ ของโลก ก็ติดอันดับการฆ่าตัวตายที่สูงมากด้วยเช่นกัน โดยจากสถิติล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยออกมาพบว่ายอดฆ่าตัวตายในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาสูงเกินกว่ายอดผู้เสียชีวิตรวมจากโรค COVID-19 เสียด้วยซ้ำ

นอกจากภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม ความกดดันทั้งจากที่ทำงาน โรงเรียน การบูลลี่ต่าง ๆ แล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ยังทำให้ผู้คนจิตตก เพราะตกงาน และถูกลดเงินเดือนด้วย จึงส่งผลให้หลายคนตัดสินใจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

สถานะ “พลเมืองชั้นสอง” เมื่อเป็นผู้อยู่อาศัย

หากใครคิดว่าการย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศจะทำให้ชีวิตดีขึ้น มีเงินมีทอง มีสิ่งแวดล้อมดี ๆ บางทีก็อาจต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง เพราะสิ่งที่วาดฝันเอาไว้มักจะไม่สวยงามอย่างที่คิด เมื่อเราเปลี่ยนสถานะจาก “นักท่องเที่ยว” ไปเป็น “ผู้อยู่อาศัย” ในประเทศนั้น ๆ ซึ่งเข้าทำนอง “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” ก็ว่าได้

จากที่เคยเป็นคนนำเงินมาใช้จ่ายในประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเจ้าของประเทศ กลายเป็นต้องเปลี่ยนสถานะมาอาศัยพักพิงในต่างแดน เพื่อทำมาหากินเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัว

คนไทยที่ไปอยู่เมืองนอกหลายคน (ในกรณีที่ครอบครัวไม่ได้มีเงินทองร่ำรวยอยู่แล้ว) จึงต้องจำใจยอมรับสภาพความเป็น “พลเมืองชั้นสอง” อย่างไม่เต็มใจ

แต่ถึงกระนั้นหลายคนก็ยังเลือกปักหลักทำมาหากินในต่างแดนต่อไป เพื่อปากท้องของตัวเอง เพราะอย่างน้อย ๆ รายรับที่เข้ามาถือว่ามากกว่าการอยู่ในเมืองไทย แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสุขใจ ความอบอุ่นใจจะเทียบไม่ได้กับการอยู่ที่เมืองไทยบ้านเกิดก็ตามที!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook