"มินิ"จับลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ปลื้มขึ้นไลน์ในปท. ยอดจองพุ่งตั้งเป้าขายพันคัน

"มินิ"จับลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ปลื้มขึ้นไลน์ในปท. ยอดจองพุ่งตั้งเป้าขายพันคัน

"มินิ"จับลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ปลื้มขึ้นไลน์ในปท. ยอดจองพุ่งตั้งเป้าขายพันคัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     "มินิ" ฟุ้งหลังขึ้นไลน์ผลิตที่ระยองจองกันกระฉูด ตั้งเป้ายอดขาย 1 พันคัน พร้อมส่งคูเปอร์ เอฟ 56 เพิ่มยอด หลังกระแสตอบรับเกินคาด เผยกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ

 


     นายปรีชา นินนาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิประเทศไทย เปิดเผยถึงความสำเร็จหลังจากบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทย นำรถยนต์มินิคันทรีแมน เข้ามาขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานผลิตรถยนต์บีเอ็มดับ เบิลยู จ.ระยอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ทำให้ราคาจำหน่ายของรถยนต์มินิ คันทรีแมน สามารถแข่งขันในตลาดได้ดีมากและได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากสัดส่วนยอดขายในปัจจุบัน เป็นรถรุ่นนี้ถึง 80% นับตั้งแต่เริ่มขึ้นไลน์ประกอบเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือเป็นรุ่นอื่น ๆ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้กว่า 1,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 611 คัน

     ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีของมินิ คันทรีแมน ที่ขณะนี้มียอดจองค่อนข้างมาก รวมถึงการส่งรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้รหัส เอฟ 56 กับรถ 3 รุ่น คือ มินิคูเปอร์, มินิ คูเปอร์ ดี และมินิคูเปอร์ เอส ที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปไม่นาน มาพร้อมกับเทคโนโลยี มินิ ทวิน พาวเวอร์ เทอร์โบ ที่เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ พร้อมทั้งให้ประสิทธิภาพประหยัดพลังงานกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250 รอบต่อนาที

     ส่วนมินิ คูเปอร์ เอส เป็นเครื่อง 4 สูบ 2.0 ลิตร 192 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ด้วยโอเวอร์บูสต์ จำหน่ายในราคา 2.19-2.84 ล้านบาท

     "ตอนนี้รถเอฟ 56 และคันทรีแมน มียอดจองเข้ามาค่อนข้างมาก ซึ่งลูกค้าอาจจะต้องใช้ระยะเวลารอรับรถพอสมควร โดยเฉพาะเอฟ 56 ที่วันนี้มียอดเข้ามาแล้วรวม ๆ 100 คัน บางสีบางรุ่นก็ต้องใช้เวลา บางรุ่นสามารถรับรถได้ทันที"

 

 

     ด้านแผนการขยายเครือข่ายนั้น นายปรีชากล่าวว่า มินิมีแผนขยายโชว์รูมมินิเพิ่มอีก 5 โชว์รูมในปีนี้ จากตัวแทนจำหน่าย 3 ราย เพื่อรองรับและครอบคลุมความต้องการของลูกค้า คือพระราม 4, อุบลราชธานี, แจ้งวัฒนะ และพารากอน

     "การขยายเครือข่ายนั้นตอนนี้เรามองว่า ส่วนที่เราตัดสินใจเพิ่มไปนั้นน่าจะเพียงพอต่อการรองรับความต้องการขายลูกค้า เพราะการเพิ่มดีลเลอร์เข้ามาเหตุผลสำคัญคือ รองรับตลาดที่โตและมีวาไรตี้เพิ่มขึ้น"

     มินิ ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ยังคงมีความต้องการต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าที่บริษัทเน้นทำตลาดส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มตามไลฟ์สไตล์ความ ชื่นชอบ ซึ่งจะเห็นว่าตลาดค่อนข้างเติบโตประกอบกับการมีรุ่นที่ผลิตในประเทศยิ่งช่วย ให้มินิเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่ายอดขายมินิในประเทศไทยและภูมิภาคนี้จะยังรักษาการเติบโต ต่อเนื่อง ทั้งไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมถึงตลาดใหม่ที่กำลังเริ่มมีการเติบโตอย่างน่าจับตาคือ เวียดนาม

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook