Cartier เผยโฉมเรือนเวลาโมเดลใหม่ภายในงาน Watches & Wonders 2022

Cartier เผยโฉมเรือนเวลาโมเดลใหม่ภายในงาน Watches & Wonders 2022

Cartier เผยโฉมเรือนเวลาโมเดลใหม่ภายในงาน Watches & Wonders 2022
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ – คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส เผยโฉม คอลเลคชั่นเรือนเวลาประจำปี 2022 ภายในงาน Watches & Wonders งานจัดแสดงนาฬิกาอันยิ่งใหญ่ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปีนี้คาร์เทียร์นำเสนอแนวคิดที่ว่า “สำหรับคาร์เทียร์ ความสำคัญของเวลามิใช่มาตราในการวัด หากแต่คือการเลือกที่จะใช้ทุกช่วงเวลาอย่างมีความหมาย” โดยชิ้นไฮไลต์ประจำปี 2022 ได้แก่ แทงก์ (Tank), พาช่า เดอ คาร์เทียร์ (Pasha de Cartier), ซานโตส-ดูมงต์ (Santos-Dumont), ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์  (Panthère de Cartier),  คูส์แซง เดอ คาร์เทียร์ (Coussin de Cartier), คาร์เทียร์ ลิบร์ (Cartier Libre), แครช รุ่น Metier’s d’Art, แทงก์ ชีนัวร์จาก          คอลเลคชั่นคาร์เทียร์พรีเว่ (Cartier Privé) และมาสส์ มีสเตริเยอส Masse Mystérieuse"

 ในจักรวาลของคาร์เทียร์ กาลเวลามิใช่เพียงตัวเลขชี้วัดช่วงขณะ หากเป็นสัญลักษณ์ที่ต้องนำไปใช้ให้คุ้มค่าในทุกวินาที เป็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้เมซงหมั่นค้นคว้าวิจัยในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับสภาวะแห่งห้วงเวลาเสมอมา จากการแปลงเวลาให้กลายเป็นชิ้นงานที่มองเห็นและสัมผัสได้ หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบของนาฬิกา สู่เวลาที่มีความหมายทางใจเฉพาะบุคคล ไปจนถึงประสบการณ์แสนวิเศษของเวลาทั้งในแบบรูปธรรมและนามธรรม

สำหรับคาร์เทียร์ : คือเรื่องราวของเวลา

ผลงานสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ตรึงเราไว้กับปัจจุบัน ณ ที่นี่ และเวลานี้ เรือนเวลาที่เราสรรสร้างล้วนหมุนตามกาลเวลา อีกทั้งยังกลมกลืนกับทุกยุคสมัยด้วยสไตล์ที่เป็นนิรันดร์ โดยมีโจทย์เป็นความโดดเด่นยากจะหาสิ่งใดเทียบ ก่อนจะตีความให้กลายเป็นดีไซน์ สุดไอคอนิค เช่น ความเรียบเฉียบในรูปทรงของแทงก์ และ พาชา เดอ คาร์เทียร์ ซึ่งแลดูร่วมสมัยอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์อันรุ่มรวยและสง่างามของเรือนเวลา พาชา เดอ คาร์เทียร์ ที่ออกแบบให้บริเวณหน้าปัดครอบไว้ด้วยตะแกรงทรงสี่เหลี่ยมซึ่งสามารถถอดออกได้ หรือจะเป็นเรือนเวลาแทงก์ เดอ คาร์เทียร์ ที่เผยตัวตนใหม่ในโทนเฉดสีลุ่มลึก โดยขับเน้นอัตลักษณ์เดิมให้เด่นชัดยิ่งขึ้น    


แทงก์ (Tank)


แทงก์ (Tank) สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1917 และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เฉกเช่นความคิดที่ต่อยอดสู่หลากหลายความเป็นไปได้ นาฬิการุ่นแทงก์ ได้ปูทางให้นาฬิกาอีกหลายรุ่นของคาร์เทียร์ในเวลาต่อมา ในปีนี้แทงก์หลุยส์ คาร์เทียร์ มาพร้อมความสง่างามที่เหนือกว่าด้วยหน้าปัดแบบโมโนโครมในเฉดสีแดง อันเป็นสีสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์ และสีเทาแอนทราไซส์ เฉดสีเฉพาะจากแผนกเรือนเวลาประจำเมซง (Cartier Watchmaking Palette) นอกจากนี้ เพื่อเผยความโก้หรูกว่าเคย เรือนเวลาแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ รุ่นที่สาม จึงถูกแต่งแต้ม หน้าปัดด้วยสีดำสนิทตัดกับตัวเรือนสีทองเป็นประกาย


พาช่า เดอ คาร์เทียร์ (Pasha de Cartier)

 

แม้จะเปิดตัวในช่วงยุค 1980 ทว่า พาชา เดอ คาร์เทียร์ ก็ยังเป็นที่สุดแห่งความร่วมสมัย เป็นดั่งงานศิลป์ที่อยู่เหนือกาลเวลา  เกินกว่าจะบ่งบอกยุค เป็นเรือนเวลาที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยังเป็นผลงานการออกแบบที่แลดูคลาสสิกไม่ว่าจะผ่านไปกี่ทศวรรษก็ตาม ในปีนี้ พาชา เดอ คาร์เทียร์ กริลล์ (Pasha de Cartier Grille) กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง ด้วยดีไซน์อันทรงพลังผ่านลายเส้นกราฟิกสี่เหลี่ยมตะแกรงซึ่งครอบบริเวณหน้าปัดวงกลม โดยสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ งานออกแบบชิ้นนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติต่อเรือนเวลา พาชา เดอ คาร์เทียร์ ชิ้นแรก ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสุลต่านแห่งมาร์ราเคชในปี 1943 อาจกล่าวได้ว่าความพิเศษของ พาชา เดอ คาร์เทียร์ คือการขับเน้นรูปทรงกราฟิกโดยรวมได้สมบูรณ์แบบจนไม่อาจละสายตาได้ รวมไปถึงตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่สี่ตัวที่เห็นได้เด่นชัด พร้อมพื้นผิวตัวเรือนซึ่งขัดเงาด้วยมืออย่าประณีต ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นองค์ประกอบแห่งศาสตร์และศิลป์ที่ทำให้ พาชา เดอ คาร์เทียร์ กริลล์ โดดเด่นและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว  


ซานโตส-ดูมงต์ (Santos-Dumont)

 

เพื่อเป็นการอุทิศให้เรือนเวลารุ่นประวัติศาสตร์ คาร์เทียร์เติมเต็มคอลเลคชั่นซานโตส-ดูมงต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยนาฬิกา ลิมิเต็ดอิดิชั่น 3 รุ่น เรือนเวลาทั้งสามยกระดับสไตล์และจิตวิญญาณของนักบินและผู้บุกเบิกประวัติศาสตร์การบินชื่อดังก้องโลกอย่าง อัลแบร์โต ซานโตส-ดูมงต์ (Alberto Santos-Dumont) ได้เป็นอย่างดี โดยมีให้เลือก 3 คู่สี ได้แก่ สีแดงเบอร์กันดีพร้อมตัวเรือนแพลทินัม สีเบจพร้อมตัวเรือนทองคำ และสีดำพร้อมตัวเรือนสตีล ทั้งสามโมเดลรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคแลคเกอร์ก่อนจะถูกขัดให้แวววาวเรียบเนียนด้วยมือ ซึ่งช่วยผสานให้ทุกองค์ประกอบของเรือนเวลารุ่นนี้ยิ่งเปล่งประกายความโดดเด่นและสร้างมิติที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น


ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์  (Panthère de Cartier)

 
ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ คือเครื่องประดับบอกเวลาซึ่งใช้ชื่อเดียวกันกับกำไลข้อมือชิ้นไอคอนิคประจำเมซง บริเวณสายนาฬิกาประกอบขึ้นจากข้อต่อทรงโค้ง ที่มีความเงาแวววาวและยืดหยุ่นขนาบไปกับข้อมือของผู้สวมใส่ สะท้อนกิริยาเคลื่อนไหวเยื้องกรายของเสือแพนเตอร์ ในปีนี้คาร์เทียร์สร้างสรรค์นาฬิกาปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์อีก 4 รุ่นใหม่ ด้วยตัวเรือนโรสโกลด์ เยลโลโกลด์และสตีล ที่มาพร้อมกับหน้าปัดพื้นผิวซาตินเรียบหรู 4 สี ได้แก่ โกลด์เด้นพลัม, มิดไนท์บลู, สีทอง และสีดำ

 
สำหรับคาร์เทียร์: กาลเวลาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสง

กาลเวลาที่ยืดยาว เปลี่ยนรูปและแปรผัน ล้วนขยายอาณาเขตแห่งแรงบันดาลใจให้กว้างออกไป คาร์เทียร์ตระหนักถึงคุณค่าของเวลาเหล่านั้นที่ใช้ไปในการเสาะแสวงหา ผลลัพธ์ที่เผยออกมาจึงตรึงตราน่าดึงดูดใจเสมอ ภาษาแห่งดีไซน์ของคาร์เทียร์ถือกำเนิดขึ้นเนิ่นนานกว่าศตวรรษก่อนเทคโนโลยีใดของเรือนเวลา แต่ยังคงถูกบันทึกไว้ในพจนานุกรมแห่งสไตล์ในยุคปัจจุบัน ผลงานสร้างสรรค์แต่ละชิ้นนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งมรดกตกทอดตามแบบฉบับคาร์เทียร์ เห็นได้ชัดเจนจากชิ้นงานออกแบบที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่และโดดเด่น อาทิ เรือนเวลาคูส์แซง เดอ คาร์เทียร์ ที่มอบความรู้สึกอันนิ่มนวลผ่านการฝังประดับอัญมณีบริเวณขอบตัวเรือน หรือความรู้สึกรื่นรมย์ยามสวมใส่เรือนเวลาคาร์เทียร์ ลิบร์ ชิ้นงานที่รวมไว้ซึ่งความสลับซับซ้อนแห่งการรังสรรค์กลไกเรือนเวลาและเครื่องประดับชั้นสูง


คูส์แซง เดอ คาร์เทียร์ (Coussin de Cartier)

 

กาลเวลาเปรียบเสมือนพื้นที่กว้างใหญ่สำหรับคาร์เทียร์ นับเป็นโอกาสที่จะได้สำรวจดินแดนใหม่ๆ และไม่หยุดยั้งในการตีความโจทย์อันแปลกใหม่ ให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของเมซง สำหรับปี 2022 นับเป็นเวลาสำคัญของรูปทรงหมอนอิงสุดคลาสสิกซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักของ คูส์แซง เดอ คาร์เทียร์ (Coussin de Cartier) เรือนเวลารุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่องานกาล่ายามค่ำคืน โดยมาพร้อมตัวเรือนทองคำประดับเพชร และประดับอัญมณีสองสี รวมไปถึงแบบอัญมณีหลากสีที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด คูส์แซง เดอ คาร์เทียร์ ยังมีความพิเศษในด้านการออกแบบที่ล้ำสมัย สร้างสรรค์และแตกต่าง โดยมีตั้งแต่การนำเทคนิคการฝังอัญมณีแบบกลับด้านมาใช้ ไปจนถึงการฝังเพชรบนตัวเรือนตาข่ายทองคำที่มีพื้นสัมผัสนิ่มและขยับเคลื่อนไหวได้ ซึ่งต้องอาศัยทั้งความประณีตและความชำนาญของบรรดาช่างฝีมือชั้นครูประจำเมซง


คาร์เทียร์ ลิบร์ (Cartier Libre)


ในแต่ละปี คอลเลคชั่นเรือนเวลาภายใต้ชื่อ คาร์เทียร์ ลิบร์ (Cartier Libre) จะผนวกเรือนเวลาอีกหนึ่งเรือนที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา ซึ่งผ่านการออกแบบสร้างสรรค์อย่างอิสระไร้ขอบเขตเข้ามาในคอลเลคชั่น โดยเรือนล่าสุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากกำไลอัญมณีและเพชรที่รังสรรค์ขึ้นในยุค 1930 ซึ่งสวมใส่โดยนักแสดงสาว กลอเรีย สแวนสัน (Gloria Swanson) นับเป็นเครื่องประดับที่เต็มไปด้วย  จิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์เสรีตามแบบฉบับคาร์เทียร์ เรือนเวลาชั้นสูงประดับอัญมณีชิ้นนี้สามารถสวมใส่ได้สองแบบในขณะเดียวกัน โดยการกลับด้านด้วยสายอิลาสติกอันยืดหยุ่น ด้านหน้าเป็นนาฬิกาแต่เมื่อพลิกด้านหลังจะกลายเป็นกำไลข้อมือ
 

แครช (Crash) รุ่น Metier’s d’Art


เรือนเวลา แคลช เดอ คาร์เทียร์ อันเลื่องชื่อสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1967 ใจกลางยุคเฟื่องฟูทางศิลปะวัฒนธรรมของลอนดอน ซึ่งถือเป็นตัวแทนอันทรงพลังของลอนดอน ณ ช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ในปีนี้เหล่าช่างฝีมือประจำเมซง เดส์ เมติเยร์ ดาร์ท (Maison des Métiers d’Art) สำรวจหน้าปัดของเรือนเวลาแคลช เดอ คาร์เทียร์ เพื่อมองหาความเป็นได้ในการค้นหาขุมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อก่อกำเนิดงานศิลป์ชิ้นใหม่ ด้วยศิลปะการสร้างสรรค์เครื่องประดับผสานกับเทคนิคการลงยาชั้นสูง และการคัดสรรเฉดสีฟ้าและเขียว   อันเป็นองค์ประกอบสีที่เป็นอัตลักษณ์ของคาร์เทียร์ นาฬิการุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด พร้อมเลขลำดับกำกับในจำนวนเพียง 50 เรือน
 

สำหรับคาร์เทียร์: กาลเวลาไม่อาจจับต้องได้

คาร์เทียร์ได้สำรวจความลึกลับอันน่าอัศจรรย์ของกลไลแห่งห้วงเวลามากว่าศตวรรษ นาฬิกากลไกมีสทีเรียส (the Mysterious clocks) และกลไกเปลือยแบบสเกเลตัน (skeleton movements) นั้นถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อดึงดูดให้เชยชม เผยให้เห็นรูปธรรมของมิติมายาที่ลวงสายตา ในวันนี้กลไกเปลือยทรงครึ่งวงกลม ที่แลดูเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในตัวเรือนของ มาสส์ มีสเตริเยอส (Masse Mystérieuse) เรือนเวลาชิ้นเด่นที่เผยให้เห็นถึงมุมมองอันโปร่งใส ทว่ายังแฝงชั้นเชิงแห่งความลึกลับของกลไกไว้ด้วยเช่นกัน


คาร์เทียร์ พรีเว่ (Cartier Privé)

 
ในแต่ละปี คอลเลคชั่น คาร์เทียร์ พรีเว่ (Cartier Privé) จะนำเสนอและเผยโฉมเรือนเวลาชิ้นไอคอนิคประจำเมซง เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเหล่านักสะสม โดยได้รวบรวมผลงานทั้งรุ่นที่ผลิตเพียงจำนวนจำกัดและรุ่นหายาก ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างมรดกแห่งศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงในยุคก่อน และมุมมองของยุคปัจจุบันไว้ด้วยกัน หลังจากเรือนเวลารุ่นแครช (Crash) แทงก์ ซองเทร (Tank Cintrée) ตงโน (Tonneau) แทงก์ อะซีเมทรีค (Tank Asymétrique) และโคลช คาร์เทียร์ (Cloche Cartier) แล้ว เรือนเวลารุ่นแทงก์ ชีนัวส์ (Tank Chinoise) จะเป็นบทที่ 6 ของคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ พรีเว่ ประจำปีนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของแทงก์ ชีนัวส์ เรือนเวลาที่รับแรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากศิลปะและวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศจีน เราจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์  โอเรียนทอลที่ หลุยส์ คาร์เทียร์ ตั้งใจหยิบยกขึ้นมารังสรรค์ แทงก์ ชีนัวส์ ครั้งแรกในปี 1922 โดยนำเสนอแนวคิดสถาปัตยกรรมของอารามจีน เจาะลึกไปจนถึงองค์ประกอบศิลป์บริเวณหน้าชานและระเบียง เพื่อนำมาใช้ในงานออกแบบระดับตำนาน เรือนเวลารุ่นแทงก์ ชีนัวส์ มาพร้อมตัวเรือนทองคำและหน้าปัดลายกราฟฟิกเผยให้เห็นกลไกเปลือยแบบสเกเลตันที่ตั้งอยู่ภายในกรอบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าบริเวณใจกลางหน้าปัด ซึ่งเป็นกลไกแบบซันซ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง


มาสส์ มีสเตริเยอส (Masse Mystérieuse)


มาสส์ มีสเตริเยอส (Masse Mystérieuse) คือปริศนาล่าสุดแห่งศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่คาร์เทียร์ เรือนเวลาชิ้นพิเศษที่โดดเด่นด้วยกลไกมิสทีเรียส ซึ่งรังสรรค์โดยแหล่งผลิตเรือนเวลาชั้นสูงประจำเมซง กลไกเปลือยภายในทรงครึ่งวงกลมทำหน้าที่เสมือนตุ้มน้ำหนักที่ส่งเสียงราวกับจังหวะการเต้นของหัวใจ เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากเข็มนาฬิกา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนหน้าปัดใส กลไกใหม่พร้อมนวัตกรรมนี้เป็นผลลัพธ์ของงานวิจัย ออกแบบและพัฒนาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ของคาร์เทียร์ ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกองค์ประกอบของเรือนเวลาชั้นเลิศเรือนนี้ รวมถึงเทคนิคชั้นสูงต่างๆ ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงสุนทรียศาสตร์เป็นหลัก


สำหรับคาร์เทียร์: กาลเวลาที่อยู่เหนือกาลเวลา

อิสระเสรีแต่ยังคงยึดมั่นในความแม่นยำทุกองศา คือจุดเริ่มต้นในหน้าที่ของช่างประกอบเรือนเวลา หากแต่คาร์เทียร์มาพร้อมวิสัยทัศน์ที่ก้าวไปไกลยิ่งกว่า ด้วยการฉีกกรอบแนวคิดนี้สู่การแสวงหาอาณาเขตแห่งความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ วิสัยทัศน์แห่งกาลเวลาดังกล่าวจึงถูกส่งต่อผ่านสัญลักษณ์ของเมซงอย่าง ปองแตร์ (Panthère) หรือเสือแพนเตอร์ ผู้เฉลิมฉลององค์ความรู้อันรุ่มรวยและความเป็นสตรีที่เปี่ยมด้วยอิสระ เทียบเท่ากับความเที่ยงตรงของเรือนเวลาที่เธอสวมใส่ แนวคิดด้านกาลเวลาของคาร์เทียร์คือการสืบทอดประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ผ่านสรรพสิ่งเลอค่าที่เป็นได้ทั้งเครื่องประดับและสามารถพลิกโฉมให้เป็นรูปแบบอื่น เหนือสิ่งอื่นใดนั้น กาลเวลายังเป็นมิติที่เสรี ซึ่งเมซงสามารถผลักดันศักยภาพทั้งภายในและภายนอกให้บรรลุขอบเขตของความเป็นไปได้ รสนิยม และอัตลักษณ์ ด้วยวิสัยทัศน์ซึ่งก่อกำเนิดจากความหาญกล้าและความสงสัยใคร่รู้ต่อทุกสรรพสิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook