"ปวดหัว" เพราะขาด "กาแฟ" ควรทำอย่างไร?

"ปวดหัว" เพราะขาด "กาแฟ" ควรทำอย่างไร?

"ปวดหัว" เพราะขาด "กาแฟ" ควรทำอย่างไร?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาวะขาดคาเฟอีนเฉียบพลัน อาจทำให้ปวดหัวได้ ถ้าหากอยากลดการดื่มกาแฟลง ควรทำอย่างไร?

หลายคนอาจจะเคยได้ยิน หรือเคยประสบกับตัวเอง เมื่อหยุดหักดิบหยุดดื่มกาแฟไปเฉยๆ เพราะกลัวว่าการดื่มกาแฟมากๆ อาจทำลายสุขภาพได้ แต่หยุดดื่มไม่ทันไรก็ปวดหัวมากๆ อาการนี้เราเรียกว่าเป็น “ภาวะขาดคาเฟอีนเฉียบพลัน” 

ทำไมหยุดดื่มกาแฟ ถึงปวดหัว?

อ. พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า คาเฟอีนมีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง อีกทั้งยังมีสารเสพติดด้วย การได้รับทุกวันจะทำให้ร่างกายต้องการสารที่ว่านี้ตลอด หากไม่ได้รับจะเกิดอาการปวดหัว อ่อนเพลีย ง่วงซึม หดหู่ และไม่มีสมาธิได้

ทำไมบางคนไม่ปวดหัว?

อาจจะมีบางคนที่หยุดดื่มกาแฟได้สบายๆ แค่อยากดื่มกาแฟเพราะไม่กระปรี้กระเปร่า แต่ไม่ได้มีอาการปวดหัวแต่อย่างใด แต่กับอีกคนอาจจะปวดหัวมากๆ จนต้องพึ่งยาแก้ปวด ที่อาการที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนเมื่อหยุดดื่มกาแฟออกมาไม่เหมือนกัน เพราะถ้าหากปกติเป็นคนดื่มกาแฟต่อวันมากๆ อาการหลังหยุดดื่มก็จะรุนแรงมากกว่าคนอื่นๆ ไปด้วยนั่นเอง

แต่ไม่ต้องเป็นห่วง อาการปวดหัวนี้จะเกิดขึ้นใน 12-24 ชั่วโมงหลังหยุดดื่มกาแฟ และต่อเนื่องได้ใน 2-7 วัน โดยอาการจะรุนแรงภายใน 1-2 วันแรก แต่ถ้าหากร่างกายได้รับคาเฟอีนเข้าไปอาการจะดีขึ้นภายในครึ่งชั่วโมง

อยากแก้อาการติดคาเฟอีน ควรอย่างไร?

เพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดหัวหลังหยุดดื่มกาแฟ ควรเปลี่ยนวิธีเป็นค่อยๆ ลดปริมาณในการดื่มลงเรื่อยๆ เช่น จากวันละ 3 แก้วเป็นวันละ 2 แก้ว 1 แก้ว แล้วค่อยๆ ขยับระยะเวลาห่างขึ้นเรื่อยๆ เช่น 2 วัน 1 แก้ว หรือแค่อาทิตย์ละ 2 แก้ว เป็นต้น 

นอกจากกาแฟแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีคาเฟอีนอยู่ด้วย เช่น ชา โกโก้ ที่มีคาเฟอีนเหมือนกัน แต่ปริมาณน้อยกว่ามาก แต่ควรหลีกเลี่ยง ไอศกรีมรสกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ ที่มีคาเฟอีนเหมือนกัน แต่มีน้ำตาลสูงด้วย และหากเลือกดื่มชา และโกโก้ ก็อย่าใส่น้ำตาลมากจนเกินไป หรือไม่ควรใส่น้ำตาลเลยจะดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook