“ผู้สูงอายุ” กับปัญหาสุขภาพช่องปาก แนะลดกินอาหารหวาน-เหนียว

“ผู้สูงอายุ” กับปัญหาสุขภาพช่องปาก แนะลดกินอาหารหวาน-เหนียว

“ผู้สูงอายุ” กับปัญหาสุขภาพช่องปาก แนะลดกินอาหารหวาน-เหนียว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แนะลูกหลานใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในครอบครัว ให้ลดกินอาหารหวาน เหนียว แข็ง เน้นกินผักผลไม้ที่มีกากใย ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ ส่วนผู้ที่ใส่ฟันเทียมต้องทำความสะอาดหลังอาหารทุกครั้ง

ผู้สูงอายุมักมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มวัยที่ประสบปัญหาสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะการสูญเสียฟันมากกว่าครึ่งของผู้สูงอายุที่มีฟัน เพื่อการบดเคี้ยวอาหาร ลูกหลานจึงต้องใส่ใจสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุเป็นพิเศษ เนื่องจากพบว่ามากกว่าครึ่งของผู้สูงอายุที่มีฟัน พบโรคในช่องปากที่ไม่ได้รับการรักษาและมีโอกาสสูญเสียฟันเพิ่มขึ้น

จากผลการสำรวจสภาวะทันตสาธารณสุข ในปี 2560 พบว่า ร้อยละ 52.6 เป็นโรคฟันผุที่ยังไม่ได้รับการรักษา ร้อยละ 36.3 เป็นโรคปริทันต์ และร้อยละ 16.5 เป็นรากฟันผุ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 18 ต้องการใส่ฟันเทียมบางส่วน ร้อยละ 6.5 ต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปาก และเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นร้อยละ 18.9 ในผู้สูงอายุ  80-85 ปี ผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่มีการสูญเสียฟันสูงที่สุด พบค่าเฉลี่ยฟันแท้ที่มีในช่องปากประมาณ 19 ซี่/คน และจากข้อมูลใน HDC ปี 2563 ผู้สูงอายุกว่า ร้อยละ 40 เหลือฟันใช้งานไม่ถึง 20 ซี่ การส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยสูงอายุ จะช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากได้

แนะผู้สูงอายุลดกินอาหารหวาน-เหนียว

ผู้สูงอายุควรลดกินอาหารหวาน เหนียว เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะเกาะติดผิวฟันเป็นเวลานาน ทำความสะอาดยาก เสี่ยงเกิดฟันผุและควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เพราะอาจทำให้ฟันแตกขณะเคี้ยวได้ ให้เน้นกินผักผลไม้ที่มีกากใยแทน

วิธีดูแลฟัน และฟันปลอม

ทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม รักษาราชการทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กล่าวเสริมว่า ผู้สูงอายุที่เหลือฟันแท้น้อยกว่า 20 ซี่ และใส่ฟันเทียมทดแทน ต้องถอดออกมาทำความสะอาดหลัง กินอาหารทุกมื้อ ก่อนนอนให้ถอดออกแช่น้ำสะอาดทุกครั้ง และควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละครั้งเพื่อตรวจสภาพฟัน เหงือก รวมทั้งเนื้อเยื่อในช่องปากและซ่อมเสริมฟันเทียมให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่เสมอ ไม่หลวมหรือคมจนเหงือกและลิ้นเป็นแผล เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

สำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัยควรดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันเป็นประจำโดยยึดหลัก 2-2-2 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เน้นช่วงก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที ให้สะอาดทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน และไม่กินขนม หรืออาหารหวาน หลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดช่องปาก และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและฟัน หลีกเลี่ยงปัจจัยและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook