ปราสาทในเทพนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคงจะมาจากตำนานหรือไม่ก็การ์ตูนเจ้าหญิง ซึ่งพบได้ตามสวนสนุกทั่ว ๆ ไป แต่จริง ๆ แล้วมนต์ขลังที่มาจากนิทานหรือการ์ตูนต่าง ๆ นั้นล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากปราสาทที่มีอยู่จริง ซึ่งปราสาททั้ง 12 แห่งจากทั่วโลกนี้ล้วนมีความยิ่งใหญ่ตระการตา ชวนให้หลงใหลราวกับอยู่ในเทพนิยายจริง ๆ
เป็นปราสาทที่ให้ภาพของคำว่าเทพนิยายได้ดีที่สุดเนื่องจากเป็นแรงบันดาลใจของปราสาทของเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ขึ้นมาจริง ๆ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระใกล้ ๆ เมือง Füssen ทางตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ทุกวันนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศและได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในเยอรมนี
ตั้งอยู่บนหน้าผาหินเหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ Eresma และ Clamores ในเซโกเวีย เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน ซึ่งแต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการของชาวอาหรับ ในช่วงยุคกลางเป็นที่อยู่อาศัยที่โปรดปรานของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรคาสตีล แต่อาคารที่เห็นในปัจจุบันนั้นถูกบูรณะขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด
คำว่า Krak มาจากภาษาซีเรียที่หมายถึงป้อมปราการ สร้างขึ้นในปี 1031 สำหรับจักรพรรดิแห่งอเลปโป เป็นปราสาทที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นปราสาทครูเสดแบบต้นตำรับ และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีแม้จะตั้งอยู่บนบนยอดเขาอันโดดเดี่ยว ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในซีเรีย
ปราสาท Warwick ถูกสร้างขึ้นโดย William the Conqueror ในปี 1068 เดิมเป็นโครงสร้างไม้ และสร้างขึ้นใหม่ด้วยหินในศตวรรษที่ 12 ทุกวันนี้การท่องเที่ยวของอังกฤษยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และเป็นหนึ่งในอาคารและอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ 10 อันดับแรกของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะในแง่ของการทหาร
Burg Eltz เป็นปราสาทยุคกลางที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำ Moselle ระหว่างโคเบลนซ์และเมืองเทรียร์ในเยอรมนี และยังเป็นสมบัติของตระกูล Eltz ที่อาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 12 หรือราว ๆ 33 ชั่วอายุคนก่อน โดยในปราสาทเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้
ปราสาทมัตสึโมโตะสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ถือเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในช่วงสมัยเอโดะปราสาทแห่งนี้ถูกปกครองโดยเจ้านาย 23 คนที่มาจากไดเมียว 6 ตระกูล แตกต่างจากปราสาทอื่น ๆ ของญี่ปุ่นด้วยที่ตั้งบนที่ราบ ไม่ใช่บนยอดเขาหรือกลางแม่น้ำ เลยมีระบบป้องกันที่น่าสนใจด้วยกำแพงที่เชื่อมต่อระหว่างกันคูเมืองและประตูรั้ว ปราสาทแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทอีกาเพราะผนังและหลังคาสีดำ
ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งทะเลสาบเจนีวาและเทือกเขาแอลป์ เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบด้วยอาคาร 100 หลังที่เชื่อมต่อกันกลายเป็นอาคารเดียว ปราสาทแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Counts of Savoy มาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 12
เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์บนเนินเขาสูงที่มองเห็นที่ราบ Alsatian ในเทือกเขา Vosges ประเทศฝรั่งเศส และเป็นฐานที่มั่นมาต่อเนื่องตั้งแต่ยุคกลางจนถึงสงครามสามสิบปี แต่เมื่อปราสาทถูกเผาและถูกกองทหารสวีเดนปล้นหลังจากการปิดล้อม 52 วัน หลังจากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 200-300 ปี จนในปี 1899 ปราสาทได้ถูกบูรณะใหม่อีกครั้งและมอบให้กับจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ของเยอรมัน แม้ปัจจุบันนี้หลายคนมองว่ามันไม่ใช่ปราสาทในเทพนิยาย แต่ก็จัดว่าเป็นปราสาทที่มีความยิ่งใหญ่ไม่น้อย
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเนินเขาในมุมมองของใจกลางเมืองเก่าของเมืองไฮเดลเบิร์กของเยอรมนี ซากปรักหักพังของปราสาทเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่สำคัญที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ตั้งแต่โครงสร้างปราสาทสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ถูกทำลายทั้งหมดในช่วงสงครามสามสิบปี และโดยฝรั่งเศสทำลายอีกครั้งในศตวรรษที่ 17 เลยนับว่าเป็นปราสาทที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หลากหลายมากและกลายเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีใครเเหมือน
ปราสาท Bran ตั้งอยู่ในโรมาเนีย คนมักจะเรียกกันว่าเป็นปราสาทของแดรกคิวลา แต่จริง ๆ แล้วปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันอาณาจักรออตโตมัน ในปี 1378 และต่อมาได้กลายเป็นด่านศุลกากรบนทางผ่านภูเขาระหว่างทรานซิลเวเนียและวัลลาเชีย ในขณะที่เจ้าชาย Vlad Tepes ที่ว่ากันว่าเป็นที่มาของตัวละครแดรกคิวลานั้น ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้จริง ๆ แต่อย่างใด
ปราสาทคอนวีสร้างขึ้นระหว่างปี 1283 ถึงปี 1289 มีการใช้เงินประมาณ 15,000 ปอนด์ (เทียบเท่ากับ 162 ล้านปอนด์ในปี 2009) ในการสร้างปราสาทและแนวป้องกันของเมือง ยูเนสโกถือว่าคอนวีเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมทางทหารในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 และต้นศตวรรษที่ 14 ในยุโรป และปัจจุบันก็ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย
เป็นปราสาททะเลทรายที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของจอร์แดนในปัจจุบัน สร้างขึ้นในช่วงก่อนต้นศตวรรษที่ 8 นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมอิสลามที่เก่าแก่ที่สุด มีทฤษฎีที่นักประวัติศาสตร์ขบคิดขึ้นมามากมายเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้ บ้างก็ว่าเป็นปราสาทชั่วคราวด้วยระบบน้ำประปาที่มีอย่างจำกัด บ้างก็ว่าใช้เป็นป้อมปราการหรือสถานที่พบปะของชาวเบดูอิน