ออนซอน นครพนม
"พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง จรรโลงวัฒนธรรม เชื่อมโยงอินโดจีน"
ถ้าให้พูดถึง "นครพนม" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวลมีโอกาสได้มาเยือน นวลมาจังหวัดนี้ครั้งแรกกับคุณพ่อ ด้วยความที่นวลเองเป็นคนเหนือ และที่บ้านยึดถือประเพณีไหว้พระธาตุประจำปีเกิด ทำให้นวลได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณพ่อมากราบพระธาตุพนมบ่อยครั้ง (พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ปีวอก ตามความเชื่อของชาวล้านนา) ทำให้นครพนมแทบจะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผูกพันกับนวลมา
ถ้าให้เทียบนครพนม ณ ตอนนี้กับเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นครพนมยังคงเสน่ห์ และความงดงามอยู่เสมอ แม้สังคมโลกจะพัดพาเอาความเจริญเข้ามามากมาย แต่คนนครพนมยังคงความงดงามอยู่เสมอไม่รู้คลาย
จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของธรรมชาติ มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายร้อยปี มีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง พื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกของจังหวัดติดกับแม่น้ำโขงเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชาวนครพนมครับ
วันนี้นวลจะพาแฟนจ๋าไปเลาะเลียบโขงชมความงามของ นครสุขริมโขงกัน จะพาไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พาไปชมสถาปัตยกรรมที่งดงาม ประเพณีวัฒนธรรม อาหารการกิน และความเป็นอยู่ของชาวนครพนม แล้วแฟนจ๋าจะสัมผัสได้ว่า นครพนมเป็นนครแห่งความสุขจริงๆ ตามนวลมาเลย...
จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของธรรมชาติ มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายร้อยปี มีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง พื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกของจังหวัดติดกับแม่น้ำโขงเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชาวนครพนม
พระธาตุพนม
มาถึงนครพนม สิ่งแรกที่ต้องทำคือการมานมัสการพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำของคนเกิดปีวอก และคนที่เกิดวันอาทิตย์อายุกว่า 2300ปี มีความเชื่อกันว่า ถ้าใครมานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” ได้รับอานิสงส์บุญบารมี มีคนเคารพนับถือ ชีวิตดีมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะมีเทศกาลงานประเพณีต่างๆ อาทิ งานประเพณีไหลเรือไฟกลางแม่น้ำโขง
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
เป็นสัญลักษณ์ อีกแห่งหนึ่งของเมืองนครพนมโดดเด่นเป็นสง่า ตัวอาคารถูกทาสีด้วยสีชมพูอ่อนสะดุดตา หากใครมาตัวเมืองนครพนมต้องไม่พลาด หอนาฬิกาแห่งนี้ถูกสร้างโดยชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นที่ระลึกก่อนย้ายกลับเวียดนามตามท่านโฮจิมินห์ หลังชนะสงครามภายในประเทศ เมื่อครั้งฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเดียนเบียนฟู ชาวเวียดนามที่ลี้ภัยมาอาศัยในนครพนมได้ร่วมกันสร้างหอนาฬิกาขึ้นเพื่อระลึกถึงไมตรีจิตของคนไทย สร้างเมื่อ พ.ศ.2503 สูงประมาณ 50 เมตร จุดนี้เป็นเหมือนการขอบคุณคนไทยของชาวเวียดนามที่ได้สร้างขึ้น
ถนนสุนทรวิจิตร
นครพนมมีถนนที่ทอดยาวเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ชื่อว่า ถนนสุนทรวิจิตร ถนนเส้นนี้ได้จัดทำเป็นเส้นทางเดินและเส้นทางจักรยาน บรรยากาศสุดชิล ชมบรรยากาศริมโขงที่มองไปฝั่งลาวจะเป็นแขวงคำม่วน
มีจุดให้ถ่ายรูปเช็คอินเก๋ๆ หลายจุดเลยนะครับ
วัดนักบุญอันนา หนองแสง
เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คของนครพนมเลยก็ว่าได้ วัดนักบุญอันนาหนองแสง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1926 ถือเป็นสัญลักษณ์ของคนญวน ไทย จีน ลาว ที่นับถือคริสต์ศาสนามาอาศัยอยู่ร่วมกัน ที่เที่ยวนครพนมที่นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของพี่น้องคริสต์ศาสนิกชนของชาวนครพนมแล้ว ยังมีความสวยงามของสถาปัตยกรรมให้ได้ถ่ายรูปชิค ๆ กันอีกด้วย
พระธาตุประสิทธิ์
พระธาตุประจำวันเกิด วันพฤหัสบดี ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของวันพฤหัสบดี นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่มีความสำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองประจำจังหวัดมาช้านาน สำหรับพระธาตุประสิทธิ์ เป็นที่เลื่องลือกันว่าหากผู้ใดได้ไปกราบไหว้นมัสการพระธาตุแห่งนี้แล้วนั้น ผู้นั้นก็จะได้รับอานิสงส์ให้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้ไปกราบไหว้อธิษฐานขอพรเรื่องการงานกันเป็นอย่างมาก
ไฮไลท์ของวัดพระธาตุประสิทธิ์คงจะหนีไม่พ้น ศาลาการเปรียญหลังเก่ามีรูปทรงสวยงามแปลกตา สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ เคยใช้เป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คราวเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้ากฐินส่วนพระองค์ (พระกฐินต้น) ณ วัดธาตุประสิทธิ์เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพุทธประวัติที่เขียนด้วย สีฝุ่นที่เขียนโดยหม่อมหลวงมรกต บรรจงราชเสนา ณ อยุธยา
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์
นครพนม ถือเป็นจังหวัดที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเวียดนาม รวมถึงเป็น เส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากของ ลุงโฮ หรือ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ เคยเดินทางเข้ามาอยู่ในพื้นที่นครพนม ช่วงปี 2466 –2474 โดยพำนักอยู่ที่ บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม จึงทำให้บ้านนาจอกเป็นสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ของชาวนครพนม และชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม มีการก่อสร้างหมู่บ้านมิตรภาพไทยเวียดนามขึ้น เมื่อปี 2547
เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในประเทศเวียดนามเลยก็ว่าได้ มีทั้งความสงบ ความสวยงาม และมุมถ่ายรูปมากมาย ใครมาเที่ยวนครพนมต้องแวะมาให้ได้เลย
บ้านลุงโฮ
หรือที่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า บ้านท่านโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ที่ได้มีการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายโฮจิมินห์ได้เคยเข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงระหว่างการทำสงคราม เพื่อเตรียมการปฏิวัติสู้กับประเทศฝรั่งเศส
"หัวใจลุงโฮ" ต้นไม้รูปหัวใจที่เด่นตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา ริมถนนทางไปบ้านลุงโฮจิมิน
พระธาตุเรณู
เป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันจันทร์ โดยมีรูปร่างลักษณะเป็นการจำลองรูปแบบของพระธาตุพนมมาเป็นส่วนใหญ่ สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2460 เชื่อกันว่าภายในได้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระไตรปิฎก พระพุทธรูปสำคัญ และแก้วแหวนเงินทองอีกมากมาย ที่ผู้มีจิตศรัทธาในสมัยก่อนถวายไว้เป็นพุทธบูชา ภายนอกองค์พระธาตุสวยสะดุดตาด้วยสีชมพูงดงามสบายตา เชื่อกันว่าใครได้มากราบไหว้จะมีรูปร่างหน้าตาสวยงามผิวพรรณผ่องใส หล่อสวยกันได้แบบไม่ต้องใช้มีดหมอเลย
บริเวณรอบ ๆ มีผลิตภัณฑ์ OTOP ขายผ้าพื้นเมืองสวยงามให้ได้ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดกันกลับไปอีกด้วย
จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า)
เดิมเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของ พระยาอดุลยเดชสยามเมศวรภัคดีพิริยพาหะ (อุ้ย นาครทรรพ) เทศาภิบาลมณฑลอุดรธานี ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมคนแรก ก่อสร้างสร้างระหว่างปี พ.ศ. 2455-2457 ผู้สร้างเป็นชาวญวน ชั้นบนและล่างไม่มีเสา และไม่มีการตอกตะปูแม้แต่ดอกเดียว ใช้การเข้าเดือยไม้
เคยเป็นสถานที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดนครพนม ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทอดพระเนตรงาน ประเพณีไหลเรือไฟเป็นครั้งแรกและประทับที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 มีความสวยงามด้วยศิลปะโคโลเนียลแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลในรูปแบบการก่อสร้าง จากฝรั่งเศสช่วงสมัยสงครามอินโดจีน ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดนครพนม ปรับปรุงให้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาวนครพนม
พญาศรีสัตตนาคราช
แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของนครพนม ประดิษฐานบน ริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว ซึ่งต่างร่ำลือว่า หากใครมาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช อาจสัมฤทธิ์ผลเพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
ในยามเย็นบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวนครพนม และนักท่องเที่ยว อีกหนึ่งจุดที่สามารถมาถ่ายภาพสามมิติบนพื้นได้ด้วยนะครับ
พระธาตุท่าอุเทน
เป็นการจำลองแบบมาจากองค์พระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กกว่า ด้านในองค์พระธาตุมีการบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
พระธาตุท่าอุเทนได้ชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำวันของคนที่เกิดในวันศุกร์ โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มากราบนมัสการแล้ว จะทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์ รุ่งเรือง เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งเช้า
ถนนคนเดินเมืองนครพนม
เป็นศูนย์รวมความชิลของคนนครพนมยามเย็นครับ สินค้าที่วางขายนั้นหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของพื้นเมือง ขนม ของกิน
ถนนคนเดินตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบไปกับแม่น้ำโขง จุดเริ่มต้นคือบริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เปิดเฉพาะวันศุกร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ราว 17:00 น. เป็นต้นไป
ต้นก้ามปูยักษ์ วัดจอมศรี ต.นามะเขือ
ต้นก้ามปูต้นนี้ตั้งเด่นอยู่กลางวัด ปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียว ดูทั้งขลัง ทั้งร่มรื่นเลยละ
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3
นวลพามาเช็คอินกันต่อกับที่เที่ยวนครพนมชื่อดัง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ถือว่าเป็นสะพานที่สวยงามมาแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากจะเป็นเส้นทางสัญจรและขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศไทย กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว สะพานแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิว และจุดถ่ายภาพที่ใครเดินทางเที่ยวนครพนมต้องห้ามพลาดเลยละครับ
ปิดท้ายกันที่สตรีทอาร์ทเล็กๆ ของเมืองนครพนม บริเวณเรือนจำเก่านครพนมครับ เป็นอีกจุดเช็คอินเก๋ๆ ที่ไม่ควรพลาดเลย
รวมร้านอร่อยห้ามพลาด
กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงๆ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ชิคๆ แล้ว นครพนมยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยด้วยนะครับ
ก๋วยเตี๋ยวป้าแก้ว
มาเริ่มต้นกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าแก้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อแสนอร่อย บอกเลยว่าถ้ามาช่วงเที่ยงอาจต้องรอคิวนานเลยละ เมนูเตี๋ยวเนื้อที่ทานคู่กับพริกย่าง และกะปิ เสิร์ฟพร้อมผักสด สาวๆ ชอบเลยละ เห็นควักกะปิกันเต็มที่เลย นวลได้แต่มองตาปริบๆ ตามประสาคนไม่กินกะปิ
76A The Club
ร้านคาเฟ่สีขาวที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายสะอาดตา มีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอก อยู่ย่านถนนคนเดิน เดินช็อปเหนื่อยๆก็แวะตากแอร์กินกาแฟกันก่อน
เป๋นปลาเป็น
ร้านอาหารท้องถิ่นที่เรียกว่าเอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองกันเลยทีเดียว เมนุขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้นปลาคังแม่น้ำโขงที่เอามาทำเมนูจิ้มจุ่มน้ำซุปเข้มข้น หรือจะเป็นลาบปลาคังก็แซ่บเว่อร์
ปากหม้อศรีเทพ
ร้านปากหม้อญวนแสนอร่อยอีกเจ้าที่อยากแนะนำให้มาทานกันครับ ทำสดๆจากเตา บีบมะนาวนิดนึง จิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน อร่อยลืมเลยละ
76A The Space
ถ้าพูดถึงคาเฟ่ชิคๆ ของนครพนม ทุกคนต้องรู้จัก 76A The Space คาเฟ่เก๋ๆ ที่เปลี่ยนบ้านเก่าริมน้ำโขงเป็นคาเฟ่น่านั่ง มีกาแฟ และเบเกอรี่คอยเสิร์ฟ จะนั่งรับลมชิลๆ ชมแม่น้ำโขง หรือจะนั่งเย็นๆในห้องแอร์ก็มีจ้า
ผัดไทยหนองแสง
ร้านผัดไทย และอาหารตามสั่งอีกร้านที่อยากแนะนำครับ ผัดไทยไข่ห่อว่าดีแล้ว ยำไข่เยี่ยวม้าที่นี่เด็ดมากบอกเลย
206 Road Cafe&Cuisine
อีกหนึ่งเรโทรคาเฟ่ที่น่านั่งมากๆของนครพนม มีกาแฟ เบเกอรี่ และอาหารพร้อมเสิร์ฟครับ
ส้มตำร้านปองเต
ร้านตำเส้นชื่อดังของนครพนม ที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องแวะชิมกัน ทีเด็ดอยู่ที่ตำเส้นที่อร่อยเด็ดไม่แพ้ฝั่งลาวเลย เคล็ดลับอยู่ที่น้ำปลาร้าสูตรเด็ดของทางร้านเอง
ถ้าให้พูดถึง "นครพนม" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวลมีโอกาสได้มาเยือน นวลมาจังหวัดนี้ครั้งแรกกับคุณพ่อ ด้วยความที่นวลเองเป็นคนเหนือ และที่บ้านยึดถือประเพณีไหว้พระธาตุประจำปีเกิด ทำให้นวลได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณพ่อมากราบพระธาตุพนมบ่อยครั้ง (พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ปีวอก ตามความเชื่อของชาวล้านนา) ทำให้นครพนมแทบจะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผูกพันกับนวลมา
ถ้าให้เทียบนครพนม ณ ตอนนี้กับเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นครพนมยังคงเสน่ห์ และความงดงามอยู่เสมอ แม้สังคมโลกจะพัดพาเอาความเจริญเข้ามามากมาย แต่คนนครพนมยังคงความงดงามอยู่เสมอไม่รู้คลาย