Unseen Thailand ผาห้อยขาแห่ง "ภูบักได" ชมทะเลดาวสว่างไสวในยามค่ำคืน
สำหรับผาห้อยขา หรือผาหลอกลวง บนยอดภูบักได ถือเป็น Unseen Thailand อีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวมักจะไปถ่ายรูปนั่งห้อยขาบนขอบหน้าผาที่ยื่นออกไป
รูปที่ถ่ายออกมาจะดูน่าหวาดเสียว เอาไว้อวดเพื่อนๆ บนโลกโซเชี่ยล ซึ่งจริงๆ แล้วบริเวณหน้าผานั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เป็นแค่มุมมองที่หลอกตาในรูปภาพเท่านั้น
วันนี้ Sanook! Travel จะพาทุกคนขึ้นไปสัมผัสกับความหนาวเย็น ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และทะเลดาวในยามค่ำคืนของ "ภูบักได" กันครับ
ผาห้อยขา หรือ ผาหลอกลวง บนยอดภูบักได
ภูบักได เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่บริหารงานโดยชุมชนบ้านปลาบ่า ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์และบำรุงรักษธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างเยี่ยมยอด
ทำให้ธรรมชาติของที่นี่ยังคงสมบูรณ์ ชาวบ้านใช้ชีวิตหาของป่าและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมเกลียว
ภูบักได ในด้านของการเดินทางนั้น ต้องใช้รถอีแต๊กขับขึ้นมาจากบริเวณหมู่บ้านปลาบ่า ผ่านไร่สวนของชาวบ้าน เส้นทางค่อนข้างจะหฤโหดพอสมควร เพราะเป็นดินแดงที่ค่อนข้างเละนับถือใจชาวบ้านที่พาเราขึ้นมาได้จริงๆ
เมื่อมาถึงสุดทางที่รถอีแต๊กจะขึ้นมาได้แล้วก็ถึงเวลาต้องเดินเท้าต่อ โดยระยะแรกจะเป็นทางเดินชันลัดเลาะไปตามไหล่เขา ใช้กำลังในการเดินช่วงนี้มากพอสมควรและควรระมัดระวังเนื่องจากเป็นทางชันที่ค่อนข้างลื่นและทางแคบ
เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนได้แล้วก็จะเป็นทางราบให้เราเดินไปต่อไปจนถึงยอดภูบักได แล้วที่นี่แหละครับ สวรรค์ที่พวกเราเฝ้าคอยรอเราอยู่
เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงผาห้อยขา ก็จะพบกับลานกางเต็นท์เป็นทุ่งหญ้าโล่งสีเขียวขจีเหมาะที่จะปักหมุดกางเต็นท์และพักผ่อนกันตรงนี้
หลังจากได้ที่กางเต็นท์กันแล้วก็ถึงเวลาไปลุยกันต่อที่ผาห้อยขากันครับ เตรียมกล้องถ่ายภาพของคุณไว้ให้พร้อม เพราะมุมนี้เป็นจุดถ่ายรูปไฮไลท์ของภูบักไดที่สวยงามมาก
เมื่อมาถึงผาห้อยขา ภูบักได ก็ถึงเวลาเก็บภาพความประทับใจกันหลายๆ มุม บริเวณนี้จะเป็นลานหินซ้อน ที่สามารถเดินขึ้นชมวิวธรรมชาติได้
การไปถ่ายรูปภูบักได บริเวณริมหน้าผาห้อยขานั้นควรใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากเป็นหินที่ค่อนข้างแคบ เพราะฉะนั้นไม่ประมาทจะดีที่สุด
นอกจากไฮไลท์ของทริปนี้อย่างผาห้อยขาแล้ว การได้มาอยู่ที่จุดชมวิวนี้จนถึงช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกนั้น ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกสิ่งหนึ่งของที่นี่เหมือนกัน
เพราะนอกจากแสง ทไวไลท์ในยามเย็นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนประทับใจและยังคงอยู๋ในความทรงจำ นั่นก็คือ ทะเลดวงดาวที่สว่างไสวเต็มทั่วท้องฟ้า
นอนดูดาวที่ระยิบระยับ รอบตัวเรา เป็นความมหัศจรรย์ที่หาชมได้อยากหากคุณอยู่ในเมืองหลวง ได้ทานอาหารแสนอร่อยที่ปรุงกันขึ้นมาเองท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านแบบนี้
เป็นมื้อเย็นที่พิเศษและประทับใจไปอีกนานเลยทีเดียวครับ หลังจากหายเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาพักผ่อนผ่านค่ำคืนอันหนาวเหน็บบนยอดภูบักได ใครที่อยากสัมผัสความหนาวมาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
และแล้วแสงแรกของวันก็ส่องมากระทบตัวเรา เราตื่นขึ้นมาในอาการงัวเงียแต่เมื่อได้เปิดประตูเต็นท์ออกไปความงัวเงียที่เกิดขึ้นก็ได้สลายหายไปกับสายหมอก
ใช่ครับทะเลหมอก ของที่ภูบักไดงดงามมาก ทะเลหมอกทอดยาวไปจรดกับเส้นขอบฟ้าสีแดงอมชมพู พระอาทิตย์ยังขึ้นมาไม่เต็มดวงนัก ทำให้ภาพที่เราเห็นตรงหน้านั้น ถูกแบ่งเป็น 3 เลเยอร์
คือ ผืนดิน ทะเลหมอก และท้องฟ้า เปรียบเหมือนกับการต้อนรับเช้าวันใหม่ให้กับเราโดยฝีมือจากธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนประทับใจในการเดินทางเลยทีเดียว
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดฟินในยามเช้าและเก็บภาพความประทับใจลงในกล่องใส่ความทรงจำที่เรียกว่ากล้องถ่ายภาพกันจนพอใจแล้วก็ได้เวลากลับลงสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ถ้าคุณอยากจะไปเที่ยวธรรมชาติสักที่หนึ่ง ที่มีครบทั้งทะเลหมอก มุมไฮไลท์ในการถ่ายรูป จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ได้เดินป่า ได้ไต่เขา ได้นั่งรถอีแต๊ก ได้ชมวิวธรรมชาติแบบส่วนตัว
ที่ภูบักได แห่งนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ให้คุณทุกๆ อย่าง เป็นอีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ ที่เราได้พิสูจน์แล้วว่า คำว่าอันซีนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ