จากผืนดินสู่ "ดอยเสมอดาว" เที่ยวครบรส จังหวัดน่าน

การเดินทางไปเที่ยว ดอยเสมอดาว น่าน ตอนนี้สะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะสนามบินสร้างเสร็จแล้ว และมีเที่ยวบินไปน่านวันละหลายเที่ยว ถนนหนทางที่จะไปน่านก็มีการขยายเป็น 4 เลนมากขึ้น เส้นทางที่สะดวกจากกรุงเทพฯไป ดอยเสมอดาว จ.น่าน ก็ต้องใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่และน่าน ใช้เวลาขับรถประมาณ 9-10 ชั่วโมง แต่ถ้ามาจากเชียงใหม่หรือเชียงราย ถ้าจะไปดอยเสมอดาว น่าน ก็ควรใช้เส้นทางผ่านอำเภองาว ลำปางไปที่น่าน
หลังจากเที่ยวและพักค้างคืนที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์แล้ว เราก็ขับรถไปเที่ยวน่านกันต่อ หลังจากทานอาหารเช้าแล้วก็ขับรถลงจากดอยอินทนนท์ เข้าเมืองเชียงใหม่ ผ่านตัวเมืองลำปาง แล้วขับรถไปทางอำเภองาว แยกขวาไปทางแพร่และน่าน
หลังจากเช็คอินที่โรงแรมภูหรรษา พิกัด N18.78339 E100.77247 ซึ่งเป็นโรงแรมเล็กๆแต่ค่อนข้างใหม่แล้ว เราก็ไปเที่ยวถนนคนเดินที่ข่วงเมืองน่านเป็นลานโล่งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหน้าวัดภูมินทร์
ถนนคนเดิน
ถนนคนเดิน หน้าวัดภูมินทร์
ถนนคนเดิน หน้าวัดภูมินทร์
ถนนคนเดิน หน้าวัดภูมินทร์
ผ้าขาวม้า ร้านขายของฝาก
กาดข่วงเมือน่าน
อาหารในถนนคนเดิน
อาหารในถนนคนเดิน
หมี่พันลับแล
ต้นกล้าหมี่ยำเมืองน่าน
กาดข่วงเมืองน่าน
ถนนคนเดินที่น่านก็คล้ายๆกับถนนคนเดินในจังหวัดอื่นๆ มีอาหารและของที่ระลึกขาย แต่ที่น่านจะแยกแผงขายสินค้าที่ระลึกออกจากแผงขายอาหาร กลุ่มที่ขายอาหารจะอยู่ด้านหน้า ส่วนที่ขายของที่ระลึกก็จะไปรวมกันอยู่ด้านหลัง นอกจากนี้ก็มีการจัดขันโตกพร้อมปูเสื่อ หน้าเวทีการแสดงให้นักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านที่มาเที่ยว ให้นำอาหารที่ซื้อมานั่งทานที่นี่ ไม่ต้องเดินไปกินไปหรือยืนกินเหมือนถนนคนเดินจังหวัดอื่นๆ
หลังจากนั้นเราก็ไปทาน บัวลอยไข่หวานร้านป้านิ่ม ว่ากันว่าถ้าใครมาเมืองน่านแล้วไม่ได้มาทานบัวลอยป้านิ่ม ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองน่าน ร้านบัวลอยป้านิ่มย้ายจากที่เคยอยู่ในปั๊มเชลล์ มาอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดศรีพันต้นพิกัดN18.77541 E100.76588 ตรงสี่แยกถนนเจ้าฟ้าตัดกับถนนสุริยะพงษ์ จุดเด่นของบัวลอยป้านิ่มคือ รสชาติกลมกล่อม มันและไม่หวานจนเกินไป ราคาค่อนข้างแพงกว่าร้านอื่นๆเพราะที่นี่เน้นคุณภาพ หลายๆคนไปทานอาจจะบอกว่ารสชาติธรรมดา แต่คนส่วนใหญ่บอกว่าอร่อย เพราะคนแน่นมาก ร้านนี้ต้องบริการตัวเอง เข้าแถวสั่งซื้อของหวานที่ต้องการจ่ายเงินแล้ว นำไปทานที่โต๊ะ
วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้า เราก็ขับรถไปเที่ยวบ่อเกลือ ถนนไปบ่อเกลือคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา วิวระหว่างทางสวยมาก มีทะเลหมอกให้เห็นตลอดทางแม้จะเป็นช่วงสายๆเกิน 9 โมงเช้าไปแล้ว
วิวระหว่างทาง
หลังจากชมวิวทะเลหมอกข้างทางแล้ว เราก็ขับรถต่อไปยังบ่อเกลือพิกัด N19.14696 E101.15376
บ่อเกลือ
บ่อเกลือโบราณ
ชาวบ้านจะตักน้ำเกลือจากบ่อเกลือ แล้วนำไปใส่กระทะต้มน้ำให้เดือด จนระเหยเหลือแต่เกลือในกระทะ จะต้องต้มตลอด 24 ชั่วโมง คอยเติมฟืนในเตาไม่ให้ไฟดับ ต้มติดต่อกันประมาณ 5 คืน 6 วัน 2 กระทะก็จะได้เกลือประมาณ 30กิโลกรัม โรงต้มเกลือที่นี่จะมี 3 เตา 6 กะทะ
หลังจากนั้นเราก็ขับรถไปทานอาหารเที่ยงที่ร้าน บ่อเกลือวิว พิกัดN19.15251 E101.15379 ถ้ามาทานอาหารที่ร้านนี้ในช่วงเทศกาลหรือวันหยุด แนะนำให้โทรไปที่ 054-778-140จองโต๊ะและจองอาหารล่วงหน้า เพราะคนแน่นมาก อาหารร้านนี้อร่อย เจ้าของร้านชื่อ คุณทวน เคยทำงานเป็น chef อยู่ที่โรงแรม Novotel กรุงเทพฯ
เราไปถึงที่ร้านประมาณ 11.00น โต๊ะอาหารโดนจองเต็มหมดทุกโต๊ะ ส่วนใหญ่จะมาทานอาหารกันประมาณเที่ยง แต่เราจองไว้เวลาประมาณ11.30 น
ร้าน บ่อเกลือวิว
คุณ ทวน Chef อาหารอิตาเลียน โรงแรม Novotel คนบ่อเกลือ เป็นเจ้าของร้านอาหารบ่อเกลือวิว ของหวานตกแต่งสวยงามและรสชาติอร่อยมาก ไม่หวานจนเกินไป
เจ้าของร้านอาหารบ่อเกลือวิว
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ขับรถออกจากร้านอาหาร เห็นป้ายบอกทางไปยังอุทยานแห่งชาติขุนน่านก็ขับรถตามป้ายไปประมาณ เกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่อุทยานที่นี่บอกว่า ต้นพญาเสือโคร่งที่นี่ยังไม่บาน แนะนำให้เราขับรถขึ้นไปยังจุดชมวิว ทางไปจุดชมวิวถนนไม่ค่อยดี แต่วิวสวยมาก
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
วิวอุทยานแห่งชาติขุนน่าน
หลังจากนั้นก็ขับรถไปที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา และชมวิวที่จุดชมวิว 1715
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ต้นชมพูภูคาจะออกดอกประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ และจะมีพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงภูคาวันที่22 กุมภาพันธ์ของทุกปี
จากนั้นเราก็ขับรถไปที่ลานดูดาวที่อยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิว 1715 นางพญาเสือโคร่งที่นี่เริ่มบานบ้างแล้ว
ต้นพญาเสือโคร่ง
จากนั้นเราก็ขับรถไปที่หอศิลป์ริมน่าน ดำเนินงานโดยคุณวินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่าน มีประสบการณ์ทำงานด้านศิลปะมาหลายสิบปี กลับมาสร้างหอศิลป์ขึ้นที่น่าน บ้านเกิดของตัวเอง หวังที่จะถ่ายทอดความงามของศิลปะให้แก่ผู้คนและเยาวชนของจังหวัดน่าน โดยใช้เวลา5 ปีตั้งแต่ปี พ.ศ.2541-2545ในการปรับปรุงพื้นที่ และใช้เวลาออกแบบและก่อสร้างอีก 2 ปี หอศิลป์เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 เมษายน2547
ใช้เวลาอยู่ที่หอศิลป์ริมน่านไม่นาน เราก็ขับรถไปไหว้พระที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พิกัดN18.7591 E100.7897 วัดนี้เป็นวัดประจำจังหวัดน่าน ตามพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พญาการเมืองเจ้าผู้ครองนครปัว หรืออำเภอปัวในปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1896 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย
ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านที่บ้านห้วยไค้ และได้เสวยผลสมอแห้งที่พระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปจะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่นี่ จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง
พระธาตุแช่แห้ง
หลังจากไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุเขาน้อยพิกัด N18.7693 E100.75105 เพื่อไหว้พระและชมวิวเมืองน่าน วัดนี้ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ทางทิศตะวันตกของเมืองน่าน สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2030
ยอดดอยเขาน้อย
วัดภูมินทร์เป็นวัดสุดท้ายที่เราแวะเข้าไปไหว้พระและชมจิตกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ จุดเด่นของวัดภูมินทร์ก็คืออุโบสถจัตุรมุข ที่มีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกประตูทั้ง 4 ทิศ
วัดภูมินทร์
จุดเด่นอีกอย่างของวัดนี้คือ มีภาพจิตกรรมฝาผนังในพระอุโบสถจตุรมุขทั้ง 4 ด้าน โดยภาพจิตกรรมฝาผนังจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่แสดงถึงเรื่องราวและวิถีชีวิตตำนานพื้นบ้าน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระเตมีราชชาดก และส่วนที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ภาพจิตกรรมฝาผนังที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือภาพ เสียงกระซิบหรือภาพ ปู่ม่านย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชาย ผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน
ปู่ม่านย่าม่าน
หลังจากนั้นเราก็ไปทานอาหารเย็นที่ร้าน ข้าวต้มปุ้ม 3 แล้วกลับโรงแรมพักผ่อน วันรุ่งขึ้นเราเช็คเอาท์จากโรงแรมตั้งแต่ 04.30 น ขับรถไปดอยเสมอดาว อยู่ที่อำเภอนาน้อย ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน พิกัดN18.37545 E100.82650 เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมทะเลหมอกยามเช้า ไปถึงที่จอดรถ ปรากฏว่ามีรถจอดเต็มไปหมด มีนักท่องเที่ยวกางเต็นท์นอนเต็มพื้นที่ เรารีบหาที่จอดรถแล้วเดินขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าดอยเสมอดาว
ดอยเสมอดาว
ลานกางเตนท์ ดอยเสมอดาว
ทะเลหมอก ดอยเสมอดาว
ทะเลหมอก ดอยเสมอดาว
ทะเลหมอก ดอยเสมอดาว
หลังจากชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็ขับรถไปที่หมู่บ้านประมงปากนาย ที่อำเภอนาหมื่น ซึ่งอยู่ห่างจากดอยเสมอดาวเกือบ 40 กิโลเมตร เพื่อนำรถไปขึ้นเรือโป๊ะข้ามฝั่งไปยังอุตรดิตถ์ เพื่อกลับกรุงเทพฯเรือโป๊ะข้ามฝั่งไปยังอุตรดิตถ์
ข้ามฝั่งไปยังอุตรดิตถ์
เสียค่านำรถขึ้นเรือโป๊ะข้ามฝั่งคันละ 250 บาท พิกัดท่าเรือโป๊ะข้ามฝั่งคือ N18.05302 E100.67972ใช้เวลาข้ามฝั่งประมาณ15 นาที สามารถย่นระยะทางกลับกรุงเทพฯได้ประมาณ 150 กิโลเมตรหรือ ประหยัดเวลาเดินทางได้2ชั่วโมง ที่นี่มีเรือโป๊ะให้บริการ 4 ลำ แต่ละลำบรรทุกรถยนต์ได้ 2 คัน ควรโทรสอบถามเรือโป๊ะข้ามฝั่งก่อนขับรถไปที่ท่าเรือ เพราะบางช่วงน้ำแม่น้ำอาจจะตื้นเขินจนเรือโป๊ะไม่สามารถให้บริการได้
อัลบั้มภาพ 78 ภาพ