เฮียขาวทำบุญให้เหยื่อซานติก้า วงเบิร์นปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกท์

เฮียขาวทำบุญให้เหยื่อซานติก้า วงเบิร์นปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกท์

เฮียขาวทำบุญให้เหยื่อซานติก้า วงเบิร์นปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกท์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เฮียขาว หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้าผับ ร่ำไห้ขอโทษผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต สลดเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาแต่ช่วยไม่ได้ ระดมเงินหุ้นส่วนตั้งกองทุนช่วยเหยื่อได้แล้ว 2 ล้านบาท "จงรัก" ตั้งข้อหาบริษัท 2 ข้อหา ประมาท-ให้เด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้า ส่วนเฮียขาวยังไม่โดนตั้งข้อหา วงเบิร์นโผล่ร่วมทำบุญ ปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกท์ พ่อเหยื่อไม่อยากให้ลูกทรมานขอหมอถอดเครื่องช่วยหายใจ พร้อมวอนรัฐช่วยหลังลูกสาวตาย จ่าย รพ.ไปแล้ว 1 แสน ติดหนี้อีกเกือบ 4 แสนถึงเอาศพออกได้
หลังหายตัวไปนาน 4 วัน นับแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ ซอยเอกมัย 9 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 63 คน บาดเจ็บนับร้อยคน ล่าสุดนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเฮียขาว อายุ 41 ปี หุ้นส่วนใหญ่ของซานติก้าผับได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อแล้ว เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 4 มกราคม นายวิสุขเดินทางมาด้วยรถตู้โฟล์ค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษจ 6167 กรุงเทพมหานคร พร้อมนายคงศักดิ์ พูลเจริญ ทนายความ และลูกน้องอีกนับสิบคน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยมี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ ร่วมสอบปากคำด้วยตนเอง นายวิสุขกล่าวทั้งน้ำตานองหน้า พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และต้องขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บทุกคน ตนก็เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังรู้สึกช็อกและเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ถึงจะเป็นหุ้นส่วนรายหนึ่ง แต่ก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก โดยวันเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสูดควันไฟเข้าไปจำนวนมาก จากนั้นก็มีผู้นำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขณะที่นายคงศักดิ์กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทกับหุ้นส่วนทั้ง 31 คน จะกลับมารวมหุ้นกันอีกครั้ง และได้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยเบื้องต้นรวบรวมเงินได้จำนวน 2 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจัดตั้งวอร์รูมได้ภายในวันที่ 5 มกราคมนี้ ส่วนจะเป็นสถานที่ใดคงต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้บริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ ได้ให้การช่วยเหลือเหยื่อ โดยแยกเป็นผู้เสียชีวิตศพละ 2 หมื่นบาท พร้อมพวงหรีดแสดงความเสียใจ ได้แก่ 1.น.ส.มณีวรรณ อุบลมณี 2.นายปุณรัตน์ แสนเมืองชิน 3.นายมงคล วันบันเทิง 4.นางมนัญญา บุญสาร 5.นายเสกสรร กิ่งแก้ว 6.นางแพง อัยรา 7.นายสุรพล เมฆไทย 8.นายทรงพล ธาโพธิ์ 9.นางรุ่งนภา ไทยประเสริฐ ส่วนผู้บาดเจ็บรายละ 1 หมื่นบาท ได้แก่ 1.น.ส.นันทพันธุ์ เลิศสกุลธรรม 2.น.ส.นภัส ภูมีราม รวม 11 ราย นอกจากนี้ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา และพนักงานสอบสวน ว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพิ่มเติมได้อย่างไร ได้บ้าง นายคงศักดิ์กล่าวถึงกรณีการทำประกันภัยของซานติก้าผับว่า เป็นไปตามที่มีการนำเสนอข่าวก่อนหน้านี้ โดยหมดสัญญาประกันภัยเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา และไม่ได้ต่อสัญญาประกันภัย เนื่องจากใกล้จะหมดสัญญาเช่าในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายวิสุขจะเดินทางมายัง สน.ทองหล่อ มีตำรวจจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวน บก.น.1 เดินทางมาสังเกตการณ์ก่อนเป็นเวลาประมาณ 15 นาที เผยเห็นตายต่อหน้าแต่ช่วยอะไรไม่ได้ ต่อมาเวลา 16.20 น. นายวิสุขออกจากห้องสอบสวน พร้อมกับให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้น และอยากจะกราบขอโทษในนามตนและหุ้นส่วนบริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ทั้งหมดต่อญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ส่วนความรู้สึกส่วนตัวขณะนี้ไม่ต่างจากญาติที่สูญเสียญาติพี่น้องไป รู้สึกเจ็บปวดมาก นายวิสุขกล่าวด้วยว่า การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ทางบริษัทจะมาตั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือที่ห้องประชุม สน.ทองหล่อ ในวันที่ 5 มกราคมนี้ โดยมีการระดมเงินจากหุ้นส่วนจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งได้เงินมาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้กำหนดวงเงินว่าจะให้ผู้บาดเจ็บเท่าไร ผู้เสียชีวิตเท่าไร เสี่ยขาวยังกล่าวถึงวันที่เกิดเหตุว่า ตอนนั้นอยู่หลังร้าน พอเกิดเหตุมีพนักงานวิ่งมาบอกว่าเกิดเพลิงไหม้ จึงรีบวิ่งเข้าไปในร้าน ก็พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้เป็นจำนวนมาก จึงรีบตะโกนบอกให้ทุกคนช่วยกันดับไฟ และได้ยินคนตะโกนว่ามีคนติดอยู่ในห้องน้ำ 20 กว่าคน แต่ขณะนั้นทุกคนอยู่ในอาการควบคุมสติไม่ได้ แขกในร้านก็วิ่งหนีตายกัน เมื่อเห็นว่าเพลิงไหม้จนไม่สามารถทำอะไรได้แล้วจึงรีบวิ่งหนีออกมา และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงตนก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ถึงแบบแปลนภายในอาคารเท่าที่จำ ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตคนที่ติดอยู่ในห้องน้ำออกมาได้ ส่วนตนนั้นได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ผมเห็นคนตาย 60 กว่าศพ ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ มาถึงตอนนี้ก็อยากขอโทษทุกๆ คนจากใจจริง และจะช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ นายวิสุขกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ออกจากห้องสอบสวนนั้น นายวิสุขมีอาการแข้งขาอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทนายและผู้ติดตามต้องเข้าไปช่วยพยุงให้ทรงตัวอยู่ได้ และหลังจากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จนายวิสุขก็มีอาการอ่อนแรงอีกครั้ง จนผู้ติดตามต้องช่วยกันพยุงพาไปขึ้นรถ เพื่อไปเยี่ยมคนเจ็บจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลคามิลเลียน หลังจากนั้นนายวิสุขจะเดินทางไปยังซานติก้าผับอีกครั้ง โดยจะนิมนต์พระสงฆ์ 18 รูป มาสวดอุทิศส่วนกุศลให้แด่ผู้เสียชีวิต ตั้ง 2 ข้อหาประมาท-ให้เด็กต่ำ 20 เข้า ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากการสอบสวนนายวิสุข หรือเสี่ยขาว พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ โดยตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อผู้ประกอบการเป็นบริษัทก็จะพิจารณาดำเนินคดีกับนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ จำกัด ซึ่งจะต้องเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า การพิจารณาดำเนินคดีข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน โดยวันเดียวกันนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิสุขแต่อย่างใด เป็นเพียงการสอบปากคำเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่านั้น อย่างไรก็ดี พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 100 ปาก ทำให้ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้แล้ว สำหรับหุ้นส่วนของบริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ นั้น ทราบว่าจะทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนต่อไป "สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ หลังจากสอบปากคำนายวิสุขในเบื้องต้นว่า แนวโน้มน่าจะเกิดจากเอฟเฟกท์บนเวที หากผลสอบพบว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในร้าน นักดนตรี รวมทั้งลูกค้าที่มาเที่ยว ก็จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด" พล.ต.อ.จงรัก กล่าว พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหากับนายวิสุข เจ้าของซานติก้าผับที่เกิดเพลิงไหม้แต่อย่างใดเพราะว่าข้อเท็จจริงต่างๆ ยังไม่ชัดเจนว่าไฟไหม้เกิดจากอะไร ทั้งนี้นายวิสุขเองจากการตรวจสอบก็ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท อีกทั้งยังคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เสียก่อนว่าสาเหตุที่เกิดไฟไหม้ที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร ดังนั้นขณะนี้นายวิสุขจึงยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา
วงเบิร์นปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกท์ ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่ลานจอดรถซานติก้าผับ นายวิสุข ได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จำนวน 18 รูป นำโดยพระครูวิศิษฎ์พิทยาคม หรือพระอาจารย์วรา ปุญญวโร เกจิอาจารย์ชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง ซอยสุขสวัสดิ์ 26 เขตจอมทอง กทม.มาประกอบพิธีทำบุญและสวดอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เพลิงไหม้ โดยนายวิสุขซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวสวมสูทสีดำทับ นั่งอยู่ด้านหลังพระสงฆ์ด้วยอาการเศร้าสลด ตาแดงก่ำ ใช้มืดลูบใบหน้าเพื่อปาดน้ำตาตลอดเวลา นอกจากทางคณะของนายวิสุข ยังมีกลุ่มพนักงานเสิร์ฟ นักร้องนักดนตรีวง เบิร์น ซึ่งแสดงดนตรีในขณะที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ มาร่วมทำบุญและไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตด้วย นายฉัตรชัย ศิริพงษ์ หรือหนุ่ย หัวหน้าวงเบิร์น และมือเบส กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุกำลังเล่นกีตาร์อยู่บนเวทีโดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จุดเอ ฟเฟกท์ขึ้นมา แต่หลังจากนั้นเหลือบมองขึ้นไปบนฝ้าเพดานเห็นไฟกำลังลามไปทั่ว เมื่อเห็นว่าไฟไหม้จึงรีบวิ่งออกทางด้านหลังเวทีมายังลานจอดรถ ทั้งนี้ อยากจะขอแก้ข่าวที่ว่า นักร้องเป็นผู้จุดเอฟเฟกท์นั้นไม่เป็นความจริงเพราะเอฟเฟกท์จะมีทีมงานดูแล ทางนักร้องนักดนตรีจะไม่มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด หัวหน้าวงเบิร์น กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุสมาชิกวงทุกคนรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขนาดพูดกันในวงว่าจะเปลี่ยนชื่อวงหรือไม่ แต่ก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน โดยวงนี้ตั้งมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เล่นดนตรีหลายที่ ส่วนที่ซานติก้าจะเล่นทุกวันอังคารถึงพฤหัสบดี เวลา 23.30-00.30 น. นายกมล อ่อนทอง หนึ่งในนักร้องนำวงเบิร์น กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นคนดูด้านล่างมองขึ้นมาเหนือศีรษะ เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นเพลิงกำลังลุกลามไปที่ไฟพาร์ หรือไฟแสงสีประกอบการแสดงดนตรี เพียงช่วงไม่กี่วินาทีไฟก็ลามไปทั่วติดที่ไมโครไฟเบอร์ และมีเปลวไฟหยดลงมาบนเวที แม้จะพยายามช่วยกันดับก็ไม่ทันการณ์เพราะไฟลุกลามเร็วมาก จึงพากันวิ่งหลบหนีออกมา โดยช่วงที่ออกมาถึงปากประตูก็พบว่าไฟฟ้าดับแล้ว มีควันไฟจำนวนมากทะลักออกมา ผมได้ห้ามมือกลองของวงไม่ให้เข้าไปเอากลองเพราะไฟไหม้ลามไปหมด แล้ว นอกจากนี้ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายในอย่างโกลาหล จึงไปคว้าเอากระบอกไฟฉายมาส่องเข้าไปภายในเพื่อชี้ทางให้ผู้ที่ยังติดอยู่ แต่คิดว่าทั้งหมดคงไม่เห็นเพราะมีควันไฟมาก ส่วนพนักงานในร้านก็บอกกับผมว่า มีลูกค้าประมาณ 30 คน วิ่งหนีออกมาทางเดียวกับที่ผมวิ่งหนี นายกมลกล่าว นายกมลกล่าวต่อว่า รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นพวกตนได้เข้าให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ให้ปากคำก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ แทบจะพูดไม่ออกเพราะภาพเหตุการณ์มันติดตามาก และแต่ละคืนก็ยังนอนไม่หลับ รู้สึกเสียใจมากโดยเฉพาะกับแฟนคลับและพนักงานอีก 8 คน ที่รู้จักกันมานานซึ่งต้องเสียชีวิตไป โดยทราบว่าส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจากคอยช่วยเหลือลูกค้าในร้านจนหนีออก มาไม่ทัน ชี้ผู้บริหารส่อรอดหากพิสูจน์ได้ไม่เกี่ยว นายสมัคร เชาวภานันท์ ประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้บริหารซานติก้าผับว่า ในทางคดีอาญา การที่พนักงานสอบสวนจะตั้งข้อหากับบุคคลใดนั้น จะต้องมีการสอบสวน รวบรวมหลักฐานให้แน่ชัดก่อน แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างที่พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่าเหตุเพลิงไหม้ ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของบุคคลกลุ่มใด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ เจ้าของผับหรือลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวในคืนนั้น "หากผู้บริหาร หรือคณะกรรมการของผับ สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจทำให้ผู้บริหารไม่มีความผิดตามกฎหมายก็ได้ ซึ่งเบื้องต้นตำรวจตั้งเพียงข้อหา อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการนั้น เนื่องจากสามารถพิสูจน์หลักฐานจากอายุของผู้เสียชีวิต หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในคืนที่เกิดเหตุ" นายสมัครกล่าวและว่า การตั้งข้อหาดังกล่าวคิดว่าถูกต้องแล้ว ส่วนข้อหาอื่นก็ต้องรอการพิสูจน์ หรือรวบรวมหลักฐานให้เป็นที่แน่ชัด ซึ่งต้องให้เวลาในการดำเนินงาน ปัญหาในการดำเนินคดีในขณะนี้คือ ใครเป็นคนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ส่วนกรณีที่นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการปราบปรามเข้าไปถือหุ้น ซานติก้าผับนั้น นายสมัคร กล่าวว่า สามารถกระทำได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปเป็นหุ้นส่วน แต่ต้องพิจารณาอีกว่าตำรวจคนนั้นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานหรือ ไม่ ถ้าหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการดำเนินงาน ดูแล หรือเข้าไปบริหารด้วยตนเอง ก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย แต่ถ้าหากเข้าไปเป็นหุ้นส่วนโดยที่เสียเงินตามที่เป็นหุ้นส่วน และรอรับเงินปันผล ก็คิดว่าไม่มีความผิดใด ส่วนกรณีที่ว่าผับแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการ ก็ต้องดูว่านายตำรวจคนนั้นทราบมาก่อนหรือไม่ เพราะถ้าหากทราบ แต่ยังเข้าไปเป็นหุ้นส่วน ก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ซานติก้าผับอนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีนายตำรวจเป็นหุ้นส่วน จึงทำให้ตำรวจพื้นที่ไม่กล้าเข้าไปจับกุมดำเนินการ นายสมัครกล่าวว่า หากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วน ตำรวจเจ้าของพื้นที่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามนั้น มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสถานบันเทิงก็ต้องทำ แต่คำถามคือ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงปล่อยให้สถานบันเทิงเปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการ เหลือศพนิรนามรอพิสูจน์ 2 ศพ พ.ต.อ.นิธิ บัณฑุวงศ์ ผกก.กลุ่มงานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ สนว.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตจากเหตุ เพลิงไหม้สถานบันเทิงซานติก้าว่า ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมามีญาติของผู้เสียชีวิตไม่ทราบชื่อเดินทางมาขอรับ เอกสาร เพื่อนำไปรับศพจากนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลตำรวจ กลับไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งจนถึงขณะนี้มีญาติมาติดต่อขอรับศพไม่ทราบชื่อเกือบครบทุกรายแล้ว คงเหลือเพียง 2 ศพ เป็นชายและหญิงอย่างละศพ โดยศพชายอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนศพหญิงอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ สำหรับศพผู้เสียชีวิตขณะนี้มีจำนวน 63 ศพ ไม่ให้ลูกทรมานขอหมอถอดเครื่องหายใจ ในส่วนของการรับศพผู้เสียชีวิตออกจากโรงพยาบาลนั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มกราคม ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี ญาติของผู้เสียชีวิต 4 ราย เดินทางมารับศพที่ถูกส่งมาจากศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้แก่ 1.น.ส.วิราวรรณ ถนอมปัญญาทรัพย์ อายุ 30 ปี 2.นายยุทธนา สินไพบูลย์ผล อายุ 26 ปี 3.นายทรงพล โปธา และ 4.น.ส.วิระฉัตร เทียนทอง อายุ 24 ปี นายศักดิ์สิทธิ์ เทียนทอง อายุ 54 ปี นักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับนางธัญญาลักษณ์ เทียนทอง ภรรยา และน.ส.เกศสุรีย์ เทียนทอง บุตรสาวคนโต เพื่อมารับศพ น.ส.วิระฉัตร ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเล็ก โดยมีคณาจารย์และเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันจากภาควิชาศิลปกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มาช่วยกันแต่งหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ลูกตนเป็นศิลปินชอบถ่ายภาพมาก ทำงานอยู่เบื้องหลังวงการบันเทิงมาตั้งแต่สมัยเรียนยังไม่จบ เคยเดินทางไปออกค่ายช่วยเหลือสังคมตามโครงการของรัฐบาลหลายครั้ง ในวันเกิดเหตุก็เข้าไปถ่ายภาพการตกแต่งร้านซานติก้าผับ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการทำงานในอนาคตด้วย ไม่คิดว่าจะต้องมาเสียลูกสาว ซึ่งกำลังมีอนาคตที่สดใสไปอย่างนี้ พ่อของเหยื่อรายนี้ กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) ได้ปรึกษากับแพทย์แล้วว่า หากใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตลูกสาวต่อไปก็คงไม่เกิดประโยชน์ เพราะสมองตายไปหมดแล้ว หากมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้รอดมาได้ก็จะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ซึ่งไม่อยากให้ลูกทรมานต่อไป จึงตัดสินใจให้แพทย์เอาเครื่องช่วยหายใจออก หลังจากยื้อชีวิตอยู่นาน 3 วัน เบื้องต้นต้องออกค่ารักษาพยาบาลไปก่อน จำนวน 1 แสนบาท และต้องเซ็นชื่อยอมรับสภาพหนี้จำนวน 3.9 แสนบาท กับฝ่ายการเงินของศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ จึงสามารถนำศพลูกสาวออกมาผ่าชันสูตรได้ "ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสถานบันเทิงไม่ยอมต่อประกันภัย ผมอยากให้ภาครัฐบาล และทางตำรวจช่วยติดตามคดีนี้ให้รวดเร็วที่สุด เพื่อหาคนมารับผิดชอบ และอยากให้สถานบันเทิงทุกแห่งวางมาตรการความปลอดภัยให้ดีกว่านี้ ในตอนนี้นอกจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ยื่นมือมาช่วยค่าทำศพรายละ 5,000 บาทแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นหน่วยงานใดจะเข้ามาให้การช่วยเหลือบ้างเลย หลังจากรับศพลูกสาวออกไปแล้วก็จะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ที่บ้านร่องกาศ หมู่ 2 อ.สูงเม่น จ.แพร่ เป็นเวลา 7 วัน ก่อนเคลื่อนย้ายไปฌาปนกิจที่ฌาปนกิจสถานบ้านร่องกาศต่อไป นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว สลดรับศพลูกสาว-คู่รักพม่า ส่วนญาติที่มารับศพเหยื่อเพลิงไหม้ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ มีญาติมาติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิต 4 ราย ไปบำเพ็ญกุศล โดยนายมหรรณพ กาญจนวิจิตร นายอำเภอปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นบิดาของ น.ส.วีณา กาญจนวิจิตร หรือโหน่ง พนักงานบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินทางมารับศพลูกสาวด้วยเช่นกัน จากการเปิดเผยของเพื่อนผู้ตายที่ทำงานบริษัทเดียวกันในวันเกิดเหตุทราบว่า น.ส.วีณา ไปเที่ยวกับเพื่อนอีกประมาณ 4 คน ที่ซานติก้าผับ หลังจากนั้นได้หายตัวไป เพื่อนๆ ช่วยกันออกตามหามาตั้งแต่วันแรกจนมาพบศพและนำหลักฐานมาตั้งแต่เมื่อวาน (3 ม.ค.) และมารับศพในเช้าวันนี้ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนอีก 3 รายมีญาติและเจ้าหน้าที่จากสถานทูตพม่าเดินทางมารับศพ น.ส.ชาไลก้า ชาเวช พรานแก้ว อายุ 27 ปี ลูกครึ่งไทย-ฟิลิปปินส์ อาชีพแอร์โฮสเตส สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ นายวิน ชอ เพียง อายุ 26 ปี ลูกครึ่งไทย-พม่า นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) และ นายมาร์ค เลาพิกานนท์ อายุ 26 ปี ลูกครึ่งสัญชาติไทย-แคนาดา เชิญวิญญาณคู่รักแอร์-ป.โทเอแบค จากนั้นญาติได้นำศพ น.ส.ชาไลก้า และนายวิน ชอ เพียง มาทำพิธีเรียกวิญญาณตามความเชื่อที่จุดเกิดเหตุ เพื่อนของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นแฟนกัน โดยวันเกิดเหตุทั้ง 2 คน รวมตนและเพื่อนมาด้วยกันทั้งหมด 7 คน ทั้งคู่รบเร้าให้มาเที่ยวที่นี่ เพราะที่อื่นเต็มหมด หากมาแล้วไม่มีที่นั่งจึงไปที่อื่น แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงมีที่ว่างที่มุมด้านบนพอดี ระหว่างเกิดเหตุต่างก็หลบหนีเอาตัวรอด ซึ่งสามารถหนีรอดมาได้ 3 คน เพื่อนตายไป 3 คน อีก 1 คนยังไม่ทราบชะตากรรม จากนี้จะนำศพของทั้งสองไปไว้ที่วัดกก ย่านพระราม 2 เพื่อประกอบพิธีต่อไป ญาติผู้เสียชีวิตอีกราย คือ นายวีระยุทธ อุบลมณี อายุ 29 ปี นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป พร้อมนำหม้อดินมาทำพิธีเรียกวิญญาณของภรรยาคือ นางมณีวรรณ อุบลมณี อายุ 29 ปี ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหงส์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี นายวีระยุทธกล่าวว่า วันเกิดเหตุมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กับภรรยา โดยอยู่บนชั้น 2 ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ก็หาทางหนีออกมา ซึ่งตนมาหลายครั้งแล้ว รู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน แต่เพลิงลุกลามเร็วมาก คนเบียดเสียดแย่งกันออก ภายในผับมืดขนาดหน้าชนกันยังมองไม่เห็น อีกทั้งมีควันดำเยอะหายใจไม่ออก ร้อนมากจนใบหน้าเป็นแผลพุพอง พอดีมีคนทุบกระจกและพังเหล็กดัดชั้นล่าง จึงหนีออกมาได้ ใช้เวลาเกือบ 15 นาที แต่ภรรยาหนีออกมาไม่ทัน ทั้งนี้ ญาติผู้เสียชีวิตหลายรายทยอยกันนำอาหาร น้ำดื่ม และดอกไม้ จุดธูปเทียนเซ่นไหว้ผู้เสียชีวิต โดยแต่งชุดขาวและดำเพื่อไว้อาลัย บรรยากาศบริเวณจุดเกิดเหตุเต็มไปด้วยความเศร้าสลด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร เร่งสูบน้ำออกจากชั้นใต้ดินซานติก้าผับ เพื่อค้นหาผู้เสียชีวิตซึ่งอาจหลงเหลืออยู่ รวมทั้งทรัพย์สินของมีค่า และหลักฐานเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต พ่อตามหาศพลูก 4 วันจนเจอ ส่วนที่บริเวณจุดเกิดเหตุหน้าซานติก้าผับ นายประเสริฐ คุ้มผล อายุ 49 ปี พร้อมด้วยนางนงคราญ คุ้มผล อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.อำนาจเจริญ นั่งอยู่ในเต็นท์ที่พัก ซึ่งสำนักงานเขตจัดไว้ให้ญาติ โดยนายประเสริฐถือรูปถ่ายลูกสาว น.ส.ภัชรีย์ คุ้มผล หรือน้องปลา อายุ 25 ปี กล่าวว่า มาเฝ้าที่หน้าสถานบันเทิงทุกวัน เนื่องจากลูกสาวหายตัวไปหลังจากมาเที่ยวกับเพื่อนชายชาวสิงคโปร์ที่ผับดัง กล่าว โดยตนกับภรรยาตามหาลูกสาวที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงพยาบาลตำรวจ และตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็ยังไม่พบ ต่อมาในช่วงบ่าย นายประเสริฐได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อติดต่อขอรับศพหญิงไม่ทราบชื่อ หมายเลข 4 หลังจากได้รับแจ้งผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์ เอกลักษณ์บุคคลว่าตรงกับศพดังกล่าว นายประเสริฐกล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวชื่อ น.ส.ภัชรีย์ หรือปลา มีอาชีพเป็นพนักงานขายเครื่องปั๊มน้ำของบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุลูกสาวออกจากบ้านไปเมื่อช่วงบ่าย โดยบอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ยังไม่ทราบว่าที่ไหน กระทั่งช่วงกลางดึกทราบข่าวเหตุเพลิงไหม้ผับแห่งนี้ มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงภาวนาว่าขออย่าให้ลูกสาวอยู่ด้วย ต่อมาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของลูกว่า ลูกสาวตนไปเที่ยวที่นั่นด้วย จึงรีบออกตามหา ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุมาก็ออกตามหาลูกสาวตามโรงพยาบาลต่างๆ หลายแห่ง รวมทั้งเดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ ทุกวัน ระหว่างนั้นก็พบกับเพื่อนชายของลูกชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่ไปเที่ยวด้วยกัน แต่เขาเอาชีวิตรอดมาได้ เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุลูกสาวตนไปเข้าห้องน้ำและฝากกระเป๋าสตางค์ไว้ แต่ระหว่างรออยู่เกิดเหตุขึ้น จึงหนีออกมารอหน้าผับ แต่รออยู่นานลูกสาวตนก็ยังไม่ออกมา นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ช่วงที่มาติดตามหาลูกสาวพบแต่รถยนต์โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน สฐ 6407 กรุงเทพมหานคร แต่ยังหาลูกไม่พบ ก็ได้แต่หวังว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ และญาติๆ ไปหาหมอดูเขาก็ว่ายังไม่เสียชีวิต ต่อมาตำรวจโทรมาแจ้งว่าผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นศพลูกสาว จึงมาทำเอกสารขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เสียใจมาก หลังจากนี้คงไปทำบุญให้ลูกขึ้นสวรรค์ ให้เขาไปสบาย หากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก นายประเสริฐกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ด้านนายพีระพล หลำจำนงค์ อายุ 48 ปี เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่า ศพหญิงไม่ทราบชื่อหมายเลข 25 ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ มีดีเอ็นเอตรงกับตนและทราบว่าเป็นลูกสาวของตน คือ น.ส.พรพิมล หลำจำนงค์ อายุ 21 ปี เป็นนักเรียนโรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ แต่อยู่ระหว่างพักการเรียน ซึ่งลูกสาวเดินทางมาเที่ยวที่ซานติก้าผับเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งสองในนั้นยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยทางญาติก็เพิ่งทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โทรศัพท์มาแจ้งในส่วนของศพที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นใคร จึงเดินทางเข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นบุตรสาวของตน หมดหวังลูกสาวมีชีวิตรอด แม้เหตุการณ์จะผ่านไป 3 วันแล้ว แต่บางส่วนก็ยังตามหาญาติที่สูญหายไม่พบ นางบุญมี อาจนนลา อายุ 50 ปี พร้อมครอบครัว เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ พร้อมนำฟิล์มเอกซเรย์ของ น.ส.อนงรักษ์ อาจนนลา อายุ 27 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาว มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามตัว พร้อมกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า หลังจากลูกสาวเคลียร์งานที่โรงแรมเสร็จได้มาเที่ยวซานติก้าผับกับเพื่อนรวม 2 คน ตนมาทราบหลังเกิดเหตุ เนื่องจากเพื่อนของลูกสาวนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเลิดสิน และเย็บแผลกว่า 16 เข็ม ส่วนลูกสาวไปตามหาหลายโรงพยาบาลยังไม่พบ ขณะนี้หมดหวังแล้วว่าลูกจะรอดชีวิต เพราะหายไปตั้งแต่เกิดเหตุ ไปตามหามาทุกที่ก็ไม่เจอ ถึงตอนนี้ก็ขอเพียงแค่พบศพลูกเท่านั้น ซึ่งแม่และครอบครัวก็ไปที่เกิดเหตุทุกวัน เมื่อวานก็เอาของไปเซ่นไหว้ และจุดธูปขอให้ลูกมาเข้าฝันว่าอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ก็จะไปที่เกิดเหตุอีก โดยเอาไก่ย่าง ข้าวเหนียว พร้อมจุดธูปเรียกเขา เพราะกลัวเขาจะหิว ปกติเขาเป็นคนน่ารัก ให้เงินเดือนแม่ทุกเดือน เดือนละ 7-8 พันบาท และเป็นกำลังหลักของครอบครัว แม่มีลูก 3 คน ผู้ชายเป็นคนโต เขาเป็นคนกลาง และมีน้องสาวอีกคน อยากให้ตำรวจช่วยทำงานเต็มที่ เพราะเอาดีเอ็นเอมาตรวจตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบผล ส่วนที่เกิดเหตุเมื่อไปดูพบว่าเอาเหล็กดัดตรงทางเข้าออก และเปิดประตูให้ดูกว้างขึ้น ทั้งที่ความจริงไม่ใช่แบบนี้ นางบุญมีกล่าว ด้าน นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ล่าสุดวันนี้มีผู้บาดเจ็บกลับบ้านได้แล้ว 13 ราย คงเหลือนอนรักษาในโรงพยาบาล 73 ราย เป็นชาย 35 ราย ที่เหลือเป็นหญิง ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส นอนไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 32 ราย เป็นชาย 18 ราย หญิง 14 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 18 ราย ดังนี้ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลปิยะเวท และโรงพยาบาลวิภาราม แห่งละ 1 ราย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 3 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพ 7 ราย และโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 4 ราย โจ๋ขนลุก! ภาพอาถรรพณ์ซานติก้าผับ ภายหลังนักเที่ยวตกเป็นเหยื่อของเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ และมีการนำมาผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับ ซานติก้าผับ เกี่ยวกับเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 4 มกราคม กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากทยอยเดินทางไปยังอาคารซานติก้าผับที่ถูกไฟไหม้เพื่อ ถ่ายรูป โดยบางคนอ้างว่าคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า คืนวันที่สาม วิญญาณของคนตายจะมายังจุดที่เสียชีวิต จึงอยากมาดูและถ่ายรูปเอาไว้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ อุระเพ็ญ อายุ 29 ปี ได้หยิบโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า เวลาประมาณสี่ทุ่ม ตนเดินทางมาดูซานติก้าผับ แล้วถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ เมื่อเปิดดูรู้สึกตกใจ เพราะเห็นรูปผิดสังเกตถึง 2 จุดด้วยกัน จุดแรก ภาพหน้าต่างของซานติก้าผับทุกบานจะมืด แต่ด้านซ้ายสุดมีรูปคล้ายหัวคนโผล่ออกมา และบริเวณดาดฟ้าก็มีรูปคล้ายหญิงลักษณะใส่เสื้อสีฟ้ายาวลงมาคลุมกางเกงสีส้ม "ผมถ่ายภาพไว้เมื่อเวลา 22.30 น. ขณะนั้นมีผมและตำรวจที่ดูแล 2-3 นายเท่านั้น ตั้งใจจะถ่ายเป็นที่ระลึก หลังดูภาพแล้วรู้สึกตกใจจึงกลับบ้าน แต่ก็นอนไม่หลับ จึงกลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นทยอยเดินทางมาดูซานติก้าผับไม่ขาดสาย" ผู้สื่อข่าวได้สอบถามวัยรุ่นหลายคนก็อ้างว่า อยากมาดูให้เห็นกับตาถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่มีการร่ำลือกัน และบางคนก็อ้างว่าเห็นความผิดปกติเหมือนกัน พร้อมกับนำรูปถ่ายมาชี้จุดผิดสังเกตให้ดูด้วย :: ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง ชมคลิป เฮียขาว หลั่งน้ำตาขอโทษเหยื่อซานติก้าผับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook