ถอยไม่ได้แล้ว! คลิปเสียงเขย่าตำแหน่งนายกฯ 29 ส.ค. ฟังผลชี้ชะตา "แพทองธาร"

ถอยไม่ได้แล้ว! คลิปเสียงเขย่าตำแหน่งนายกฯ 29 ส.ค. ฟังผลชี้ชะตา "แพทองธาร"

ถอยไม่ได้แล้ว! คลิปเสียงเขย่าตำแหน่งนายกฯ 29 ส.ค. ฟังผลชี้ชะตา "แพทองธาร"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาล รธน. นัดแถลงด้วยวาจาและลงมติวินิจฉัยคดีคลิปเสียง “แพทองธาร” 29 ส.ค.นี้

ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คนเข้าชื่อยื่นให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงหรือไม่ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซนเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคล 2 ราย คือ น.ส.แพทองธาร และ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 ส.ค.68 เวลา 10.30 น.

ทั้งนี้หากพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกไม่มาตามกำหนดนัดถึอว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อต่อศาลภายในวันที่ 27 ส.ค.68 หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันที่ 29 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป โดยอนุญาตให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนและฟังคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคล

สำหรับคดีนี้ประธานวุฒิสภา ได้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลขนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.68 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวยอมรับว่าเป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุนเซนจริง แม้จะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม

แต่ สว.ที่เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น น.ส.แพทองธารเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม จึงถือว่าเป็นผู้ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล