ไม่ใช่อาหารเสริม! งานวิจัยเผย กิน "อาหารประเภทนี้" ทุกวัน สมองเด็กลงถึง 11 ปี

ไม่ใช่อาหารเสริม! งานวิจัยเผย กิน "อาหารประเภทนี้" ทุกวัน สมองเด็กลงถึง 11 ปี

ไม่ใช่อาหารเสริม! งานวิจัยเผย กิน "อาหารประเภทนี้" ทุกวัน สมองเด็กลงถึง 11 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

งานวิจัยเผย กิน “อาหารประเภทนี้” ทุกวัน ช่วยให้สมองอ่อนเยาว์ลงถึง 11 ปี ที่ไทยมีทุกอย่าง หาซื้อก็ง่ายมาก

เมื่อภาวะสมองเสื่อมและการถดถอยของการรับรู้กลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพระดับโลก ผู้คนจึงเริ่มให้ความสนใจกับวิธีชะลอความเสื่อมของสมอง

ล่าสุด นักโภชนาการชื่อดังชาวไต้หวัน “อาจารย์กู้” ได้แชร์ผลวิจัยขนาดใหญ่จากสหรัฐฯ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “老辜營養與科學” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเขาระบุว่า การกิน "ผักใบเขียวเข้ม" เป็นประจำทุกวัน ไม่เพียงดีต่อระบบลำไส้ แต่ยังช่วยให้สมองอ่อนเยาว์ลงถึง 11 ปี และช่วยชะลอการเสื่อมของสติปัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักโภชนาการ “อาจารย์กู้” อธิบายว่า งานวิจัยชิ้นนี้ได้ติดตามกลุ่มผู้สูงอายุเกือบ 1,000 คน ในชุมชนผู้สูงวัยแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เป็นระยะเวลาราว 5 ปี โดยศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินและการเปลี่ยนแปลงด้านการรับรู้

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่กินผักใบเขียวเข้มวันละ 1–2 ส่วน เช่น ผักโขม เคล หรือผักกาดแก้ว มีอัตราการเสื่อมของสมองช้ากว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ทีมวิจัยยังพบอีกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่แทบไม่แตะผักกลุ่มนี้เลย ผู้ที่กินเป็นประจำมี “อายุสมอง” อ่อนกว่าถึงราว 11 ปี

Kindel Media

การวิเคราะห์สารอาหารในเชิงลึกพบว่า สารสำคัญในผักใบเขียวเข้ม เช่น ลูทีน กรดโฟลิก และวิตามิน K1 มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรักษาสุขภาพสมอง ลูทีนจัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเครียดจากออกซิเดชันในสมองและลดการอักเสบของระบบประสาท จึงมีบทบาทในการปกป้องเซลล์สมอง

งานวิจัยยังชี้ว่า ผู้ที่มีระดับลูทีนในเลือดสูง จะมีความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

กรดโฟลิกมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาท ซ่อมแซมดีเอ็นเอ และกระบวนการเมทิลเลชัน ซึ่งล้วนเป็นกระบวนการสำคัญของสมอง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า ผู้ที่ขาดกรดโฟลิก เมื่อได้รับการเสริม จะมีอัตราการเสื่อมของสมองที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเดียวกัน วิตามิน K1 นอกจากจะมีหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปกป้องระบบประสาทอีกด้วย โดยพบว่าผู้ที่ได้รับวิตามิน K1 ในปริมาณมาก มักทำคะแนนได้ดีกว่าในการทดสอบด้านความจำและการคิดวิเคราะห์

หลายคนอาจคิดว่าการกินอาหารเสริมสามารถทดแทนการกินผักได้ แต่ผลวิจัยเตือนว่า อาหารเสริมที่ให้สารอาหารเพียงชนิดเดียวอาจไม่ได้ผลเสมอไป ในทางตรงกันข้าม สารอาหารหลากหลายชนิดที่ได้จากอาหารธรรมชาติอาจมี “ฤทธิ์เสริมกัน” ทำให้การดูดซึมและการปกป้องสมองมีประสิทธิภาพมากกว่า

ดังนั้นการรับประทานอาหารให้หลากหลายและสมดุล ยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการดูแลสมองให้แข็งแรงอยู่เสมอ

อาจารย์กู้ เน้นย้ำว่า ตามคำแนะนำการบริโภคประจำวัน ผู้ใหญ่ควรกินผักวันละ 3–5 ส่วน โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งควรเป็นผักใบเขียวเข้ม หนึ่งส่วนของผักหมายถึงปริมาณประมาณครึ่งถ้วยหลังจากปรุงสุกแล้ว

ในวัฒนธรรมอาหารของชาวจีน มีผักใบเขียวเข้มให้เลือกมากมาย เช่น ใบมันเทศ ผักบุ้ง คะน้า ผักกาดขาว และผักกวางตุ้ง ซึ่งล้วนเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

Cats Coming

อาจารย์กู้ ยังเตือนอีกว่า ก่อนปรุงผัก ควรล้างให้สะอาดอย่างทั่วถึง และหลีกเลี่ยงการผัดด้วยไฟแรงเป็นเวลานาน เพราะความร้อนสูงอาจทำลายกรดโฟลิกและลูทีนที่มีอยู่ในผักได้

แทนที่จะรอให้ความจำเสื่อมจนเห็นได้ชัดแล้วค่อยมากังวล เริ่มดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน เช่น เพิ่มผักใบเขียวเข้มอย่างน้อยหนึ่งจานในแต่ละวัน ค่อย ๆ สร้างนิสัยการกินที่ดีเพื่อปกป้องสมองในระยะยาว

ท้ายที่สุด อาจารย์กู้ฝากเตือนว่า เพื่อสุขภาพสมองที่ดีทั้งของตัวเราเองและคนในครอบครัว ควรเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ด้วยการนำผักสดจากธรรมชาติมาเป็นเมนูประจำบนโต๊ะอาหาร เติมพลังและความอ่อนเยาว์ให้กับสมองในทุกมื้อที่รับประทาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล