ประสารเผยเริ่มปรับสค.สิ้นปี2%
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ว่าที่ ผู้ว่าการธนาคารเเห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า งานแรกที่ต้องเข้าไปดูแล หลังจากเข้ารับตำแหน่งคือ เสถียรภาพของเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ความมั่นคงของสถาบันการเงิน และการจ้างงาน นอกจากนี้ ต้องดูเรื่องที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย คือ การให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางการเงิน ทั้งราคา และคุณภาพที่เหมาะสม ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วิเคราะห์ตรงส่วนนี้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องดูแลให้มีความมั่นคง เพราะมีความไม่แน่นอนจากผลกระทบจากภายนอก โดยคาดว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และจะทยอยปรับขึ้นไปจนถึงสิ้นปีซึ่งน่าจะถึงร้อยละ 2 ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ธปท. ขณะนี้ดูแลได้ดีอยู่แล้ว หากเทียบกับ 5 ปีก่อน ที่มีวิกฤติการเงินมาหลายครั้ง ส่วนค่าเงินบาทของไทย ยังมีความผันผวนน้อยกว่าหลายสกุล ผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายยังมีไม่มาก เพราะสกุลเงินไทยอยู่ตรงกลาง หากเทียบกับสกุลเงินอื่นในเอเชีย
นายประสาร ยังเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ยังคงโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาคส่งออกที่ขยายตัวสูง การบริโภคการลงทุนดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้น่าจะถึงร้อยละ 6 ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกและภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ยังมีความกังวลว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2554 อาจโตได้น้อยเนื่องจากฐานในปี 2553 สูง อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมแทนอัตราดอกเบี้ย ขณะนี้ยังไม่ได้สูงมากนัก เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3-3.5 ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละกลุ่มหากเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน้อย เพราะมีต้นทุนความน่าเชื่อถือ และการเข้าถึงแหล่งเงินได้หลากหลายในขณะที่ธุรกิจขนาดเล็ก อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยค่อนข้างสูงซึ่งก็พยายามดูแลให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุดส่วนนโยบายและสวัสดิการที่รัฐบาลจะดำเนินการให้มีความถาวรนั้น เห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีแต่ต้องดูรายละเอียดถึงความเป็นไปได้อย่าให้กระทบกับฐานะทางการคลัง
นายประสาร ยังเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ยังคงโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาคส่งออกที่ขยายตัวสูง การบริโภคการลงทุนดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้น่าจะถึงร้อยละ 6 ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกและภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ยังมีความกังวลว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2554 อาจโตได้น้อยเนื่องจากฐานในปี 2553 สูง อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมแทนอัตราดอกเบี้ย ขณะนี้ยังไม่ได้สูงมากนัก เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3-3.5 ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละกลุ่มหากเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยน้อย เพราะมีต้นทุนความน่าเชื่อถือ และการเข้าถึงแหล่งเงินได้หลากหลายในขณะที่ธุรกิจขนาดเล็ก อัตราส่วนต่างดอกเบี้ยค่อนข้างสูงซึ่งก็พยายามดูแลให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุดส่วนนโยบายและสวัสดิการที่รัฐบาลจะดำเนินการให้มีความถาวรนั้น เห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีแต่ต้องดูรายละเอียดถึงความเป็นไปได้อย่าให้กระทบกับฐานะทางการคลัง