ม็อบเสื้อแดงป่วน ''ชวน'' ปาไข่ถล่ม

ม็อบเสื้อแดงป่วน ''ชวน'' ปาไข่ถล่ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
โดนเต็มเบ้าตา-โห่ไล่ซํ้าขว้างถุงเลือดหมูใส่ขบวนรถขณะช่วย''หาเสียง''ภาคเหนือมาร์คห่วงขอม็อบอย่าลํ้าเส้น ชวน เจอปาไข่ใส่เบ้าตา เสื้อแดงลำปาง ห้าว ล้อมรถ-ตะโกนด่า ลำพูน ไม่น้อยหน้าขว้างถุงเลือดหมู-ไข่ไก่ถล่มขบวนรถ โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ นายหัว ใจดีไม่เอาความ จี้นายกฯสั่งการคุมเข้มความปลอดภัย มาร์ค ต่อสายเป็นห่วงเป็นใย ถาวร เดือดผวจ.ตร.หย่อนยาน ขู่ใครลอยชายโดนเด้ง ชาติไทยพัฒนา หนาวลุ้นศาลชี้อนาคตผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม คุณสมบัติไม่ผ่าน เพื่อนเนวิน รอลุ้นผลเลือกตั้งซ่อมก่อนกำหนดอนาคต เรืองไกร เจอบ้างแล้ว กกต.ส่งศาลตีความคุณสมบัติที่มาส.ว. หลังพบนิติบุคคลที่เสนอชื่อส่อขัดกฎหมาย เผบเป็นนิติบุคคลอาคารชุดส่อผิดกติกา เจ้าตัวปัดไม่เกี่ยวยื่นยุบปชป. เพื่อไทยสับรัฐบาลปูนบำเน็จ นาม ยิ้มแย้ม ดีเอสไอปฏิเสธดักฟังแจงส่งเครื่องไปอัพเดทข้อมูล พีระพันธุ์ ฉุนเตรียมจัดการ รมว.คมนาคมเดินหน้ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน 40 ส.ว.ออกโรงค้าน โสภณ หนุน ศรีสุข ช่วยงานขนส่งทางอากาศ เสื้อแดงปาไข่เข้าเบ้าตาชวน

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่จ.ลำปาง เวลา 09.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางศิริวรรณ ปราศ จากศัตรู รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยส.ส.ภาคเหนือของพรรค ได้มาช่วยผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 1 ของพรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยหาเสียง โดยเข้าพบปะประชาชนในศูนย์การเรียนรู้ร่มฉัตรหัตถกรรม อ.ห้างฉัตร เป็นแห่งแรก ก่อนเคลื่อนขบวนเข้าสู่ในตัว อ.เมืองลำปาง ระหว่างทางก่อนเข้าตลาดบ้านน้ำโพง ต.บ่อแฮ้ว ได้มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน พร้อมอุปกรณ์ตีนตบ นำรถขยายเสียงมาดักรอเมื่อขบวนรถนายชวนมาถึง จึงเปิดฉากด่าทอทันที

ระหว่างที่มีกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนเข้าไปล้อมรถหาเสียงของนายชวน ปรากฏว่ามีมือดีลอบปาไข่ไก่สดเข้าใส่กลุ่มนายชวนประมาณ 4-5 ใบ โดยมี 1 ใบ พุ่งเข้าเบ้าตานายชวนจนไข่แตกกระจายเปรอะเปื้อนใบหน้านายชวน ทำให้คนในรถคันดังกล่าวช่วยกันเช็ดไข่ไก่และคุ้มกันนายชวนเกรงว่าจะเป็นอันตราย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาดูแลความปลอดภัย และขอร้องให้กลุ่มเสื้อแดงยุติการก่อกวน ซึ่งกลุ่มของนายชวนไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด ก่อนมุ่งหน้าไปปราศรัยตามกำหนดการเดิม ไปลำปาง-ลำพูนโดนล้อม

จากนั้นเวลา 13.30 น. นายชวน เดินทางมาช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำพูน ซึ่งเดิมมีกำหนดการปราศรัยหลายจุด แต่ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเพียงแค่ให้ขบวนรถวิ่งแห่ไปรอบเมือง แทนการหยุดปราศรัยตามจุดเดิม เนื่องจากมีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากกระจายตัวดักรอคณะหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ไปทั่วเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะที่คณะของนายชวนกำลังออกจากบ้านพักนายบรรจง วิพรหมชัย น้องชายของผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์หลังแวะรับประทานอาหารกลางวัน ได้มีกลุ่มเสื้อแดงมาดักรอเข้าไปล้อมรถยนต์ พร้อมกับปาถุงเลือดหมูสด ไข่เน่า พร้อมโห่ไล่ จนทำให้ขบวนรถต้องรีบเดินทาง ออกไปท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายชวน ให้สัมภาษณ์ถึงการถูกม็อบเสื้อแดงปาไข่ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปาไข่ธรรมดาใส่ตน ไม่ใช่ไข่เน่า ซึ่งตนก็ไม่เป็นอะไร เพราะโดนแว่นไม่มีใครเจ็บมีแต่รถโดนทุบมากหน่อย แต่ตนไม่กลัวยังคงเดินทางไปพบปะชาวบ้านตามจุดนัดหมายครบทุกแห่ง อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความห่วงใยแล้ว และเหตุการณ์นี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยให้ตนเป็นพิเศษ เพราะตน มารณรงค์เรื่องเลือกตั้งซ่อมเท่านั้น ไม่แจ้งความจี้คุมมือป่วน

ผมคงไม่แจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ปาไข่ และไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ควรกลัวคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ไม่น่ากลัว แต่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาต้องทำให้คนเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎหมาย เราต้องไม่กลัวคนที่ละเมิดกฎหมายไม่อย่างนั้นเขาจะได้ใจ นายชวน กล่าวและว่า นับตั้งแต่เล่นการเมืองมาได้เคยเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 2512 โดยมีคนสภาพจิตไม่ปกติเข้ามาทำร้าย แต่บังเอิญตอนนั้นตนรู้สึก ว่ามีเงาอะไรอยู่ด้านหลังจึงหันไปดูทำให้ถูกเขวี้ยงของเฉียดแก้มไป

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ควรทำอย่างไร นายชวน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องพยายามดูแล แต่ช่วงหลังเจ้าหน้าที่ของเราอยู่ในความรู้สึกที่เกรงคนของนักการเมือง เรื่องนี้นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องให้นโยบายให้ชัดเจน กรณีความไม่ปลอดภัยนี้มีผู้ที่เตือนคนแรก คือ นายพิชัย รัตตกุล อดีตรองนายกฯบอกว่าให้เตือนนายกฯและพรรคพวกให้ระวังเวลาจะเดินทางไปไหน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เตือนมา ล่าสุดตนเดินทาง ไปงานศพที่จ.ตรัง ชาวบ้านที่มาจาก กรุงเทพฯก็บอกว่านั่งรถแท็กซี่มาจากสนามบินยังพูดอาฆาตนายอภิสิทธิ์อยู่เลย ดังนั้นเราไม่ควรประมาท นายกฯร้องขออย่าล้ำเส้น

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายชวน ถูกปาไข่เน่าระหว่างลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่ จ.ลำปาง ว่าการชุมนุมเป็นสิ่งที่ทำได้ ถ้าเราเชื่อในกระบวนการประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้ง เราน่าจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถรณรงค์หาเสียงได้ ไม่จำเป็นที่กลุ่มผู้สนับสนุนของพรรคหนึ่งจะต้องไปขัดขวางการรณรงค์หาเสียงของอีกพรรค ถ้าทำได้ทุกอย่างจะเรียบร้อยและเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองนั้น เราคงจะไปบังคับกันไม่ได้ ตนเพียงเรียกร้องเรื่องของการเคลื่อนไหวเท่านั้น และรัฐบาลจะไม่เป็นผู้สร้างความขัดแย้ง แต่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายและจะพยายามทำความเข้าใจต่อไป ถาวรสวดผวจ.-ตร.หย่อน

นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายชวนถูกม็อบเสื้อแดงปาไข่ในจังหวัดทางภาคเหนือว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนายชวนตั้งใจไปรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม แต่ทั้งนี้ก็เคารพในสิทธิของประชาชน เมื่อถามว่า จะมีการจัดทีมรักษาความปลอดภัยให้กับคนในรัฐบาลและผู้ใหญ่ของพรรคในการลงพื้นที่ในต่างจังหวัดเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มม็อบเสื้อแดงหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ถ้าคนในรัฐบาลจะเดินทางไปที่ใดแล้วมีการส่งสัญญาณอะไรขึ้นมา เราก็ต้องระวังมากขึ้น โดยจะให้เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นผู้ดูแล

นายถาวร ยังระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับนายชวนตนก็อยากถามไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการจังหวัดว่าหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ถ้าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องทบทวนในการดำรงตำแหน่ง ส่วนการรักษาความปลอดภัยก็จะมีการหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ดูแลฝ่ายปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัด เฉลิมลั่นพร้อมเป็นนายกฯ

ที่ จ.อุดรธานี เวลา 08.30 น. ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผอ.ดูแลการเลือกตั้งซ่อมของพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตระเวนลงพื้นที่พบปะประชาชนและปราศรัยย่อยใน 3 อำเภอ ในจ.อุดรธานี เพื่อช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.พรรคเพื่อไทยรณรงค์หาเสียง นอกจากนี้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังได้ร่วมเดินมาช่วยหาเสียงในครั้งนี้ด้วย

ที่หน้าที่ว่าการ อ.กุมภวาปี ร.ต.อ.เฉลิม ได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่าจะขอเสียงจากภาคอีสาน 7 เสียง ไปรวมกับภาคอื่น ๆ พรรคเพื่อไทยจะมีเสียงในสภากว่า 200 เสียง นอกจากนี้ ร.ต.อ. เฉลิม ยังขอให้พี่น้องชาวอีสานช่วยกันเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเข้าไปให้หมดทุกคนในอีสาน เพื่อที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลและตนเองจะขออาสาเป็นนายกฯ 11ชทพ.ลุ้นคุณสมบัติผ่าน

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีที่มีผู้สมัครส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ว่า จากการตรวจสอบพบผู้สมัคร ส.ส.มีปัญหา 17 ราย เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย พรรคความหวังใหม่ 3 ราย ประชาธิปัตย์ 2 ราย ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา 12 ราย ในใบสมัครระบุว่าสมัครวันที่ 8-9 ต.ค.51 ซึ่งตามระเบียบหรือข้อบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง ข้อ 6 ระบุว่าเมื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วจะต้องส่งหลักฐานดังกล่าวมาให้ กกต.ทราบในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร คือจะต้องส่งมาให้กกต.ในวันที่ 10 ต.ค. แต่ปรากฏว่าทางพรรคชาติไทยพัฒนาได้ส่งสำเนาใบสมัครและหลักฐานการเพิ่มลดของสมาชิกพรรคการเมืองมาให้ กกต.กลางเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 51

นางสดศรี ระบุอีกว่า เมื่อ ผอ.กกต. เขตได้สอบถามมายังกกต.กลางก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในวันที่ 8-9 ต.ค.เนื่องจากทางพรรคไม่ได้ทำตามระเบียบหรือข้อบังคับพรรคการเมือง ทางผอ.กกต.เขตที่รับสมัครไว้ต้องใช้ดุลพินิจเอง ปรากฏว่า ผอ.กกต. เขตจ.อุทัยธานี ไม่รับสมัครผู้สมัครของสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา 1 ราย ขณะนี้ก็ได้มีการยื่นร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลนัดพิจารณาในวันที่ 7 ม.ค. ส่วนอีก 11 ราย ผอ. กกต.เขตรับไปแล้ว ปัญหาคือถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนก็อาจจะมีผลต่อผู้สมัครรายอื่นต่อไป และ กกต. กลางก็จะส่งคำวินิจฉัยของศาลฎีกาไปยังจังหวัดที่มีปัญหา เหลือรายเดียวต้องสู้20%

นางสดศรี ยังกล่าวว่า กรณีผู้สมัครพรรคความหวังใหม่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกัน แต่ กกต.จังหวัดได้รับสมัครไปแล้ว ก็ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผอ.กกต.เขต สำหรับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งไปยังผอ.กกต.ไปแล้วว่าไม่ปรากฏในฐานข้อมูลว่าเป็นสมาชิกพรรค ถ้าผู้ใดรู้ว่าตัวว่าไม่มีสิทธิที่จะสมัคร แต่ไปสมัคร ตามกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.จะต้องมีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท นอกจากนี้ยังต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ซึ่งมากกว่ากรณีอื่นมากโดยหัวหน้าพรรคการเมืองทางศาลเคยวินิจฉัยว่าเป็นเพียงผู้สนับสนุนซึ่งเป็นความผิดในลักษณะเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพรรคชาติไทยพัฒนาถูกตัดสิทธิทางการเมืองก็จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีปัญหาด้วย นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็จะส่งผลไปถึงผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่มีทั้งหมด 6 จังหวัด ทำให้เหลือผู้สมัครพรรคอื่น ๆ แต่ถ้าผู้สมัครเหลือเพียงรายเดียวก็จะต้องทำคะแนนให้ได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นตรงนี้ก็จะกระทบต่อฐานเสียงของรัฐบาลเหมือนกัน เพื่อนเนวินรอดูผลซ่อมส.ส.

นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช. คมนาคม และกลุ่มเพื่อนเนวิน เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้พูดคุยกันหลังจากเลือกตั้งซ่อมว่าหากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากจะกลับไปหรือไม่ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่กันนาน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มทางกลุ่มเพื่อนเนวิน หลายคนไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ส่วนตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่ที่ไหน ส่วนนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งจะทำให้เสียงของรัฐบาลเปลี่ยนไปหรือไม่ คงต้องรอดูผลการตัดสินใจของประชาชน เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ หลังการเลือกตั้งจะมีการประชุมหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง เพราะเป็นวันที่มีความเหมาะสมที่จะพูดคุย ทนายแม้วฟ้องโฆษกปชป.

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และทีมกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์หลายแห่งเพื่อทำลายความเชื่อมั่นต่อสถาบันตุลาการและรัฐบาลไทยว่า ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ เคยว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ให้มาทำลายประเทศสถาบัน หรือใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมเมืองอย่างที่ นพ.บุรณัชย์กล่าวหา ขณะนี้ทีมทนายความได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ดำเนินการแจ้งความดกับนพ.บุรณัชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว โดยในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ทีมทนายความจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เลิกจ้าง บริษัท ล็อบบี้ยิสต์ตั้งแต่สมัยที่ตนยังเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแล้ว โดยการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ในต่างประเทศได้ดำเนินการเพียงช่วงหลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เพื่อให้บริษัทล็อบบี้ยิสต์ให้คำแนะนำทางกฎหมายเท่านั้น ตนยืนยันได้ว่าไม่ได้ว่าจ้างเพื่อทำลายประเทศหรือทำสิ่งที่จะไปกระทบสถาบันตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตามเมื่อประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากพรรคพลังประชาชนซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ยกเลิกการว่างจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ทั้งหมด ให้หมอท็อปรับผิดชอบเอง

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวถึงกรณี นพ.บุรณัชย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ 3-4 แห่ง เพื่อโจมตีประเทศไทยว่า เป็นเรื่องสามารถทำได้ ถ้าไม่ขัดประโยชน์ประเทศ ส่วนข้อเท็จจริงในการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์นั้น ก่อนหน้านี้เคยเห็นกันอยู่แต่ตอนนี้ไม่ทราบ เมื่อถามว่า ถ้าไม่แน่ใจข้อมูลและออกมาพูดอาจทำให้อีกฝ่ายเสียหาย นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ โฆษกฯต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ ตาม หลังจากนพ.บุรณัชย์แถลงข่าวยังไม่ได้หารือกันเลย เผยเป็นห่วงเลยตรวจสอบ

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีนายกฯออกมาโยนให้รับผิดชอบเรื่องที่ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ 3-4 แห่ง เพื่อใช้ในการโจมตีประเทศว่า ไม่มีปัญหาอะไร และได้พูดคุย กับนายกฯบ้างแล้ว ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหลายส่วนของสังคมต่างสงสัยว่าทิศทางการเสนอข่าวของต่างประเทศเกิดจากการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ จึงมีการตั้งคำถามว่ายังมีการว่าจ้างบริษัทเหล่านั้นอยู่อีกหรือไม่ จึงได้พยายามตรวจสอบและถามไปยังผู้ที่อาจจะรู้ เนื่องจาก ตนเป็นห่วงว่าข่าวดังกล่าวจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และคนไทยทุกคนมีสิทธิรับรู้ข้อมูลในส่วนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีข้อมูลจาก http: //www.opensecrets.org/lobby/clientsum.php?lname=thaksin+shinawatra & year=2007 ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ คือ บริษัท Baker Botts LLP ใน พ.ศ. 2550 วงเงิน 80,000 เหรียญสหรัฐ แต่ได้แจ้งไปยังสภาครองเกรสของสหรัฐว่าได้ยกเลิกการว่าจ้างไปแล้ว ยังพบว่ามีการว่าจ้างบริษัท BGR Holding ในปีเดียวกัน ด้วยวงเงิน 920,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 30 กว่าล้านบาท ส่วนการว่าจ้างบริษัท EL Derman เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าได้มีการยกเลิกการว่าจ้างแล้วหรือไม่ นอกจากนี้มีข้อมูลว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้ยกเลิกการว่าจ้าง บริษัท Bell Pottinger North ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษไปแล้ว เจ๊แดงน้ำตารินต่อสายถึงพี่

ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เวลา 14.00 น. นายธนเดชพนต์ ทิมทอง ประธานชมรมคนรักและคิดถึงทักษิณ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเพื่อนสมาชิกกว่า 80 คนได้เดินทางเข้ามอบ ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ขนาดยักษ์ พร้อมกับของขวัญ อาทิ แจกันดอกไม้ พระพุทธรูป ปลาตะเพียนสาน ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯและน้องเขยพ.ต.ท.ทักษิณ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเข้ามอบของขวัญปีใหม่ครั้งนี้ นางเยาวภาได้ต่อโทรศัพท์หา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พูดคุยกับชมรมคนรักและคิดถึงทักษิณผ่านสปีกเกอร์โฟนเป็นเวลานานกว่า 20 นาที โดยนางเยาวภาได้ร้องไห้ในช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาด้วย จวกปชป.ปูนรางวัลนาม

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ และคณะทำงานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม ยอมรับว่าทาบทามนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มาเป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรมว่า ถือเป็นการเปิดเผยตัวให้เห็นอย่างชัดเจนว่าที่ผ่านมาใครทำงานกับใคร การหลอกลวงประชาชนอาจทำได้แค่บางวัน และวันนี้ความจริงก็ปรากฏออกมาแล้ว ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่รู้สึกแปลกใจเพราะทราบอยู่แล้วว่ากลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์รวมถึงบุคคลเหล่านี้เขาร่วมมือกันมาแต่แรกอยู่แล้ว แต่ที่เป็นห่วงคืออาจส่งผลให้เกิดภาพลบต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยได้

นายวรวัจน์ กล่าวว่าสำหรับกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์เนื่องจากร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่า เป็นเพียงเกมการเมืองและขณะนี้คนไม่เชื่อมั่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็อ่านเกมออกว่าสุดท้ายแล้วผลตัดสินจะออกมาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ผิด แต่ต้องถามว่าตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดีเอสไอส่งซ่อมเครื่องดักฟัง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ออกมาระบุว่าถูกดักฟังโทรศัพท์ว่า แม้ดีเอสไอจะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีเครื่องมือในการดักฟังทางโทรศัพท์ แต่ดีเอสไอมีระเบียบหลักเกณฑ์วิธีการใช้งาน ตามขั้นตอนของดีเอสไอต้องทำหนังสือเสนอขออนุมัติใช้เครื่องมือมายังอธิบดี หรือรองอธิบดี เพื่อส่งเรื่องไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ในการขออนุญาตให้ใช้เครื่องมือดักฟัง

พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลรับผิดชอบเครื่องมือดังกล่าว ทราบว่าตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมาไม่มีการใช้เครื่อง มือดักฟังอย่างแน่นอน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวดีเอสไอได้นำเครื่องมือไปอัพเดทฐานข้อมูล อีกทั้งการดักฟังทางโทรศัพท์ไม่ใช่เพียงมีเครื่องมือตัวเดียวแล้วสามารถทำได้ ต้องอ าศัยความร่วมมือจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ต่าง ๆ และดีเอสไอก็ไม่เคยขอให้ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ร่วมมือในการดักฟัง ที่ผ่านมามีเพียงใช้ในงานเรื่องยาเสพติด ความมั่นคงทางภาคใต้ ซึ่งทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน พีระพันธุ์ฉุนเตรียมจัดการ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อนำเสนอข่าวว่า มีการดักฟังโทรศัพท์กรณีการแต่งตั้งนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส.มาเป็นที่ปรึกษาว่า ต้องชี้แจงว่านายนามมาทำหน้าที่ในคณะทำงานและเรื่องนี้ตนได้คุยเพียงแค่ 2 คน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะจัดการกับบุคคลที่กระทำการเช่นนี้และมีวิธีการเอาไว้แล้ว ซึ่งตนยังตอบไม่ได้ว่าคนที่ดักฟังเป็นใครถ้าทราบก็คงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่กำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้บอกว่าใครเป็นผู้กระทำเพราะต้องดำเนินการสอบสวนก่อนจึงค่อยว่ากันไปตามกระบวนการ เท่าที่ทราบหน่วยงานที่มีเครื่องดักฟังมีหลายแห่ง โดยเฉพาะในหน่วยงานราชการหลายแห่ง รวมถึงบริษัทเอกชนที่ให้บริการโอปเรเตอร์ก็มีระบบที่สามารถจะดักฟังได้เช่นเดียวกัน จึงยังไม่โทษว่าใครเป็นคนทำ มั่นใจปชป.ฉลุยยุบไม่ได้

นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองกับบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้สึกกังวล เพราะจากการศึกษากฎหมายแล้วมั่นใจว่าการยื่นเรื่องดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อพรรค ดังนั้นทางพรรคไม่จำเป็นต้องจัดทีมงานทางกฎหมายเอาไว้คอยรับมือแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการศึกษากฎหมายพบว่า ไม่มีข้อห้ามไม่ให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองคบค้าหรือไม่ให้พูดจากับใคร หรือไม่ให้แสดงความเห็นทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ส่งศาลตีความที่มาเรืองไกร

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติด้วยเสียงข้างมาก ส่งเรื่องที่มีผู้ร้องให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาให้ศาลตีความถึงที่มาว่า ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวได้มีคนร้องเข้ามาให้ตรวจสอบองค์กรที่เสนอรายชื่อนายเรืองไกรเข้ามาเป็น ส.ว.สรรหา ทราบว่าเป็นนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งตามกฎหมายระบุว่าองค์กรที่สามารถเสนอชื่อได้นั้นต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายหรือเป็นนิติ บุคคลที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายให้จัดตั้งขึ้นในราชอาณาจักรมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และต้องไม่ใช่องค์กรที่แสวงหาผลกำไรหรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

นายสมชัย กล่าวต่อว่า แต่นิติบุคคลอาคารชุดที่เสนอชื่อนายเรืองไกรนั้นถูกบัญญัติขึ้นตาม พ.ร.บ.อาคารชุด เพื่อให้เป็นผู้ดูแลถือกรรมสิทธิ์หรือทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุดนั้น ๆ ซึ่ง กกต.เห็นว่า ไม่น่าจะมีคุณสมบัติตาม ที่กฎหมายกำหนด ในการพิจารณานายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเนื่องจากว่า ได้เป็น 1 ในคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ในขณะนั้น จึงมี กกต.เพียง 4 คนเท่านั้น โดยที่ประชุมมีมติ 2 ต่อ 2 ทำให้คนที่เป็นประธานในวันนั้นต้องใช้สิทธิอีกครั้งในการลงคะแนน ทำให้มีเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ส่งศาลพิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ส.ว.จอมแฉเผยแค่นี้บุญแล้ว

นายเรืองไกร กล่าวภายหลังที่ กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยที่มาขององค์กรที่เสนอชื่อตนเป็น ส.ว.สรรหา ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่า ไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด เพราะเมื่อดูจากข้อกล่าวหาและประกอบกับศึกษารัฐธรรมนูญแล้ว ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าองค์กรที่เสนอ ส.ว.สรรหา ต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ตั้งมาเกิน 3 ปี และผู้ถูกสรรหาต้องเคยสังกัดอยู่ในองค์กรนั้น ซึ่งตนก็มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้

นายเรืองไกร ยังกล่าวว่า เรื่องนี้เคยเป็นเรื่องที่เคยพิพาทกันตั้งแต่ตอนลงสมัครแล้ว และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งก็เคยวินิจฉัยในกรณีที่ใกล้เคียงกันว่า นิติบุคคลประเภทคอนโดมิเนียม เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งก็เหมือนกับนิติบุคคลอาคารเซ็นจูเรียนปาร์ค คอนโดมิเนียม ที่สรรหาตนมา แต่ทั้งนี้ตนก็ยังมิสิทธิที่จะต่อสู้ และการได้เป็น ส.ว.มา 8 เดือน ก็ถือเป็นบุญแล้ว กรณีที่ กกต.วินิจฉัยนี้ คงไม่มีผลต่อกรณีที่ตนยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวตนยื่นในนามบุคคล ไม่ได้ยื่นในฐานะ ส.ว. 40ส.ว.ค้านอุ้มรถเมล์เอ็นจีวี

ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. ได้นัดหารือกันกรณีรัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โดยภายหลังการหารือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม เปิดเผยว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ได้ข้อสรุปว่า โครงการฯดังกล่าวแม้จะดีเพราะได้ใช้รถเมล์ที่มีสภาพดีขึ้น แต่วิธีการไม่เหมาะสมหลายประการ คือ 1.ไม่ควรเช่าจากต่างประเทศ 2.เช่าพร้อมกัน 4,000 คันไม่เหมาะสม หากจะเช่าก็ควรแบ่งเช่าเป็นส่วน ๆ ตามความจำเป็น 3.ให้เงื่อนไขการเช่าเป็นประโยชน์กับรัฐมากที่สุด คือ ผู้เช่ามีภาระน้อยที่สุด 4.การกำหนดสเปกรถควรคำนึงถึงการคุ้มครองคนพิการด้วย 5.ต้องเคลียร์เรื่องเทคโนโลยีเอ็นจีวี และ 6.รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องให้มากกว่านี้

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ทางกลุ่มจะประชุมอีกครั้ง เพราะถ้าจะทำโครงการแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราจะคัดค้าน โดยถ้ามีการเปิดทีโออาร์เมื่อไหร่ จะยื่นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ส่วนนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา และแกนนำกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง กล่าวว่า กรรมาธิการยังติดใจว่าทำไมต้องนำเข้ารถมาทั้งคัน เพราะสามารถสั่งประกอบรถยนต์ได้ภายในประเทศ โดยเฉพาะ ที่จ.ราชบุรี และจ.นครราชสีมา สามารถต่อรถได้มาตรฐานสากลและมีคุณภาพ โสภณเดินหน้าชนดันสุดตัว

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุบายรัฐบาลถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการ จ.ราชบุรี เสนอในที่ประชุมให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการจัดซื้อรถเมล์ 4,000 คัน ว่า ให้มีการจัดซื้อเพียงแค่ 2,000 คัน และอีกครึ่งหนึ่งให้เช่าเพื่อประหยัดงบประมาณว่า ในจุดนี้เราก็รับฟัง ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้สามารถเสนอความคิดเห็นไปที่กระทรวงในช่วงเวลาที่มีการจัดทำทีโออาร์ได้คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามที่มีข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ว่า ยินดีให้ตรวจสอบได้ตามสบาย

นายโสภณ ยังกล่าวว่า ขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดร่างเอกสารประกวดราคาหรือทีโออาร์ คาดว่าจะเสร็จในสัปดาห์หน้าจะเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้โปร่งใส ตนไม่รู้สึกกังวลกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เคยคัดค้านโครงการนี้ เพราะกระบวนการในการดำเนินการโปร่งใส เปิดเผยได้ทุกขั้นตอน และพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอ ตนพร้อมจะนิมนต์กฐินอยู่แล้ว และในฐานะ รมว.คมนาคมก็พร้อมรับผิดชอบทางการเมือง โครงการนี้ผ่านการพิจาณาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาแล้ว ที่สำคัญเป็นเรื่องจำเป็น ที่ต้องฟื้นฟูระบบ ขสมก. หากไม่ทำอาจต้องนำเงินภาษีประชาชนมาทดแทน ไม่สนคำครหาตั้งศรีสุข

นายโสภณ ยังเปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งถูกสอบสวนร้องเรียนเรื่องการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอกซ์ 9000 ที่ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นประธานคณะทำงานด้านการขนส่งทางอากาศว่า ตนเห็นว่านายศรีสุข เป็นคนที่มีความรู้ด้านการบินมากที่สุดคนหนึ่ง ที่จะช่วยวางแนวทางฟื้นฟูกิจการด้านการบิน และการท่องเที่ยวของประเทศ ส่วนข้อครหาต่าง ๆ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยนายศรีสุขจะเข้ามาช่วยงานส่วนตัวของตนไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมืองทั้งนี้ตน จะผลักดันให้ สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินหลักเพียงแห่งเดียว รวมถึงการเร่งรัดขยายสนามบินสุวรรณภูมิในระยะที่ 3 ด้วย เชื่อประชุมอาเซียนฯไปรอด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมการจัดประชุมอาเซียน ซัมมิทที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพว่า วันที่ 7 ม.ค.นี้ นายกฯจะเป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพในการประชุมอาเซียนฯ กระทรวงฯจะเสนอให้นายกฯพิจารณาเพื่อให้มีการจัดประชุม 10 ประเทศอาเซียนที่มีความพร้อมก่อนในระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ. และ วันที่ 1 มี.ค. ส่วนประเทศสังเกตการณ์อีก 6 ประเทศจะต้องรอดูความพร้อมของประเทศเหล่านั้นอีกครั้ง เนื่องจากช่วงในปลายเดือน ม.ค.นั้น ทางประเทศจีนไม่สามารถเดินทางมาร่วมประชุมได้ เพราะติดเทศกาลตรุษจีน

นายวีระศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศขัดขวางไม่ให้มีการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพว่า คงไม่มีปัญหาอะไร อย่างที่นายกฯได้บอกแล้วว่าเรื่องการจัดประชุมดังกล่าวถือว่าคนไทยทุกคนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีประเทศในกลุ่มอาเซียนประเทศใดสอบถามมา เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีหลักฐานที่รมว.การต่างประเทศด่าผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ทางกัมพูชาเขาเป็นมืออาชีพ คงเข้าใจ บุกทำเนียบขออำนาจคืน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงจะไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนซัมมิทว่า ไม่หนักใจ และคงไม่มีการพิจารณาการย้ายที่ประชุม ตอนนี้ยังเป็นที่กรุงเทพฯเหมือนเดิม ต่อข้อถามว่าจะเจรจากับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะพยายามเจรจาไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เริ่มเจรจาไปตั้งนานแล้ว เมื่อถามย้ำว่าการเจรจาคืบหน้าแค่ไหนแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่คืบหน้า ตอนนี้ก็เจรจาไปเรื่อย ๆ

ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.00 น. กลุ่มรักประชาธิปไตยสนามหลวง (ก.ป.ส.) สวมเสื้อแดงประมาณ 30 คนได้รวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook