''ยูเออี''ห้ามทักษิณกลับดูไบ

''ยูเออี''ห้ามทักษิณกลับดูไบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นพดลยืนยันไม่จริง ชัยเลื่อนประชุมสภา

ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ปูดอีกยูเออียี้ทักษิณ ไม่ให้เข้าประเทศแล้ว หลัง บัวแก้ว ประสาน ส่งข้อมูลจ้อป่วนเมือง บีบไม่ให้ใช้ยูเออีเป็นฐานป่วนไทย จับตาเคลื่อนไหว 2 ประเทศในยุโรป นพดล สับแหลก พนิชทำเสื่อม ซัดปั้นน้ำเป็น ตัว พร้อมพิสูจน์รอดู ทักษิณ กลับยูเออี อีกครั้ง โวนายใหญ่ไปตรวจกิจการลงทุนโรงแรมหรู ปู่ชัย เลื่อนประชุมสภาออกไป หลังสมาชิกไม่ครบ วุฒิฯ นำร่องดึงเกมเข้าสภา ส.ว. 60 คน เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ถกหาทางออกม็อบแดง-รัฐบาล วิปฝ่ายค้านดาหน้าจวก ชัย ซุกใต้ปีกรัฐบาล จี้นายกฯอย่าหนีประชุมสภา ถ้า ไม่มาประชุมท้าให้ยุบสภาไปเลย สุนัยการันตีอุ้มนายกฯขึ้นเวทีเสื้อแดงปลอดภัย อยากให้แจงเหตุผลไม่ยุบสภา รับรองความปลอดภัยให้เต็มที่ เด็จพี่ โว นายหัวชวน หนุนยุบสภา ซัด ปชป.แตก 2 ขั้วแล้ว อ๋อย จวก มาร์ค ฝ่อไม่แก้ รธน. หวังเอาตัวรอดพรรคเดียว

* เลื่อนประชุมสภาออกไป

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่สภาผู้แทนราษฎร มีการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดปกติ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนใหญ่ยังไม่ยอมเดินทางเข้าร่วมประชุมตามที่วิปรัฐบาลได้มีมติให้งดการประชุมตลอด สัปดาห์นี้ออกไปก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 7 ต.ค. 51 แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังคงยืนยันที่ให้มีการประชุมต่อไปทั้งในวันพฤหัสบดีที่ 18 มี.ค. นี้ด้วย กระทั่งเวลา 09.30 น. นายชัย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามี ผู้มาลงชื่อเพียง 37 คนและจะเลื่อนการประชุมออกไปเป็นสัปดาห์หน้า

ขณะที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีนี้หากมี ส.ส. มาลงชื่อ 95 คนก็สามารถเปิดประชุมเพื่อหารือในเรื่องต่าง ๆ ได้ ซึ่งตนจะทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าสมาชิกจะมาครบ จากนั้นจึงได้สั่งปิดการประชุมทันทีในเวลา 09.32 น. ในขณะที่ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยหลายคนพยายามจะลุกขึ้นสอบถาม ในขณะที่บรรยากาศบริเวณโดยรอบรัฐสภายังคงมีม็อบเสื้อแดงประปรายกระจายกันพักผ่อนและปราศรัยย่อยปิดทางเข้าถนนอู่ทองในตลอดสาย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอารักขาอย่างเข้มงวด ขณะที่ นายประสพสุข บุญเดช ประธาน วุฒิสภา ได้นัด ส.ว.ทั้งหมดประชุมร่วม กันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศในเวลา 11.00 น. ที่อาคารสุขประพฤติ

* ชัยขานรับถกหาทางออก

นายชัย กล่าวถึงกรณีที่ไม่มีการขานรับข้อเสนอให้สภาเป็นตัวกลางในการแก้ไขความขัดแย้งของบ้านเมืองในขณะนี้ว่า เดี๋ยวถึงเวลาเองเพราะว่าถ้าต่างฝ่ายต่างตกลงกันไม่ได้ก็ต้องมีคนกลางก็คือสภา แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างร้อนก็ต้องปล่อยไปก่อน เมื่อถามว่า จะมีวันลดอุณหภูมิได้หรือ นายชัย กล่าวว่า เหตุการณ์มันบังคับเองและต้องเป็นไปตามธรรมชาติ โดยตนคงต้องขอให้รัฐบาลเปิดประชุมร่วมรัฐสภาขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดย ไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 179 เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจาก ส.ส. ส.ว. และหากนายกฯไม่ดำเนินการ ตนมีสิทธิที่จะทำได้ ซึ่งตนขอเวลาอีกระยะหนึ่ง โดยต้องดูบรรยากาศให้ทุกฝ่ายเย็นลงก่อน

ส่วนข้อเรียกร้องในการยุบสภานั้น เราก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้บรรยากาศดีกว่านี้ ต้องถาม ส.ส. ทั้ง 475 คนว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่ที่จะให้ยุบสภา รวมทั้งต้องถามประชาชนด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องการยุบสภาบางคนก็อยากให้ยุบ เพราะพรรคของเขาเสียงดีแล้วหรือคนที่ต้องการที่จะเป็นตัวแทนบุคคลคนนั้นในการเลือกตั้งสมัยหน้าเขาก็พร้อมที่จะให้ยุบสภาเพื่อที่เขาจะได้มานั่งในสภาเมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เมื่อถามว่า หากไม่ใช่การยุบสภา นายกฯ ควรลาออกเพื่อแก้ปัญหาหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ตนเป็นกลาง คงให้เหตุผลอะไรไม่ได้จะทำอย่างคนบางคนทำตนก็คงทำไม่ได้ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของใคร

* หวั่นประชุมสภาโลกล่มอีก

นายชัย ให้สัมภาษณ์ว่า การทำหน้าที่ของตนจะปฏิบัติตามกรอบของรัฐธรรม นูญ และการประชุมสภาก็จะไม่มีการหยุดเพราะถือว่าใกล้การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาโลก (ไอพียู) ระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย. นี้ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายทั่วโลกอาจมองว่าประเทศไทยเป็นอย่างไร อยากให้ประชุมสภาโลกแต่สภาตัวเองไม่เปิดประชุมมันก็ทำไม่ได้ เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรเพราะ ส.ส.ที่ไม่เข้าประชุมไม่มั่นใจในความปลอดภัย ประธานสภากล่าวว่า อยากขอร้องวิงวอน เพื่อน ส.ส.และ ส.ว.จงปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน

ต่อข้อถามว่า หากเปิดการประชุมสภา แล้วมี ส.ส.มาร่วมประชุมแล้วเกิดเหตุการณ์ล้อมสภาจะทำอย่างไร นายชัยกล่าวว่า เราก็ต้องพูดกับเขาว่ามาล้อมสภาด้วยเหตุผลอะไร เห็นทหารที่กองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ทำหรือไม่ ที่กล่อมผู้ชุมนุม จนไม่มีอะไรเกิดขึ้นม็อบก็สลายไป เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าจะไม่ปีนรั้วสภา ใช่หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ตนไม่ปีนจะอยู่ที่นี่รวมทั้งจะไปกินข้าวร่วมกับเขาด้วย เมื่อถามถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชออกมาเสนอแนวคิดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติ นายชัย กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ ตนเห็นเสนอมานานแล้วไม่เห็นได้เรื่องสักที

* ฝ่ายค้านบุกพบ ปธ.สภา

ส่วนทางด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กว่า 10 คน อาทิ นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส. กรุงเทพฯ ต่างไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายชัยจึงรวมตัวพบนายชัย เพื่อสอบถามการ ทำหน้าที่ของประธานสภา ทั้งนี้นายชัยได้ ให้คณะ ส.ส. เพื่อไทยไปรอที่ห้องรับรองประธานสภาเป็นเวลานานกว่า 20 นาที โดยระหว่างนั้น นายสุนัย ได้กล่าวตำหนิต่อว่า นายชัยอยู่ตลอดเวลาอย่างไรก็ตามนายชัยได้รับฟังโดยตลอด และเมื่อเดินมาถึงห้องรับรองจึงได้ตอบโต้นายสุนัยว่า ด่าอีกสิ ด่าให้พอ ผมจะนั่งให้ด่า ซึ่งนายสุนัยรีบปฏิเสธว่าไม่ได้ต่อว่าอะไรนายชัย

จากนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้รุมซักถามนายชัยด้วยอารมณ์ว่าเหตุใดจึงรีบปิด ประชุม โดยนายสุนัย กล่าวว่า นายชัยควรแสดงบทบาทของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ควรอยู่ใต้อำนาจฝ่ายบริหาร การที่นายอภิสิทธิ์ไม่ประชุมเป็นเพราะวิตกกรรมเก่าที่เคยร่วมกับพันธมิตรฯปิดสภา จึงวิตกว่าเสื้อแดงจะทำอย่างนั้นบ้าง ส่วนนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอให้นายชัยทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ว่าจะมาประชุมสภาหรือไม่ หากไม่อยากมาประชุมก็ให้ยุบสภาไปเลย ขณะที่นายสมคิด บาลไทธง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย เรียกร้องว่า หากไม่มีการประชุมสภา ก็เรียกร้องให้นายชัยลาออกเลยเพื่อประท้วงรัฐบาล

* เชื่อลู่ทางโล่งเปิดสภาได้

นายชัย กล่าวว่าตนปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมเมื่อเห็นว่าองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องสั่งปิดประชุมโดยไม่รู้เห็นกับนายอภิสิทธิ์ ตนไม่อยู่ในใต้แอกหรืออาณัติของรัฐบาลแต่อยู่ภายใต้อาณัติของสมาชิกทั้งหมด โดยเฉพาะ ส.ส. พลังประชาชน และ พรรคร่วมรัฐบาล 284 คนที่เลือกตนมา ไม่เคยลืมบุญคุณ ตายก็ยังระลึกถึง ทั้งนี้การประชุมร่วมรัฐสภาที่ผ่านมา สมาชิกที่ไม่มาก็ถือว่าขาดประชุมเว้นแต่จะลาหรือติดภารกิจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยเหตุที่เรียกประชุมวันที่ 16 มี.ค. เป็นเพราะการประชุม IPU หรือประชุมรัฐสภาโลก กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วโดยเจ้าหน้าที่จากต่างประเทศเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. แล้ว ซึ่งสภาชิกรัฐสภาจะต้องมาร่วมประชุมด้วย

นายชัย กล่าวว่า ส่วนข้อเรียกร้องให้ทำหนังสือถึงนายกฯ ให้มาประชุมสภา ตอนนี้ก็ทราบว่าปัญหาทุกส่วนมุ่งตรงไปที่นายกฯ ใครจะไม่กลัวตายเพราะทั่วโลกเหตุการณ์ นายกฯ-ประธานาธิบดีก็มีตายมาแล้ว เขาก็ต้องกลัว เราก็ต้องเข้าใจเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม จะรอในการประชุมสภาวันที่ 18 มี.ค. ว่ารัฐบาลจะมาตอบกระทู้ในสภาหรือไม่ ถ้ารัฐบาลมาตอบแสดงว่าเหตุการณ์เริ่มปกติ ก็จะเดินไปข้างหน้าได้แต่อยู่ที่ความร่วมมือของฝ่ายค้านด้วยโดยอยากให้ส.ส.มาเต็มทั้ง 180 คน แล้วรอดูตนว่าจะทำอย่างไร

* วิปฝ่ายค้านจี้นายกฯอย่าหนี

ที่รัฐสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงผลการหารือของวิปฝ่ายค้าน โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านมีข้อสรุปว่า ขอเชิญนายอภิสิทธิ์ มาตอบกระทู้ในสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 18 มี.ค. นี้รวมถึงขอเรียกร้องให้ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเข้าร่วมประชุมให้ครบองค์ประชุมด้วย เพราะ หน้าที่ของ ส.ส. คือการทำงานในสภา จึงอยากให้ฝ่ายรัฐบาลมาทำหน้าที่ เพราะฝ่ายค้านก็ยังมาทำหน้าที่ตามปกติ รัฐบาลต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ

* ท้ามาร์คขึ้นเวทีเสื้อแดง

นายสุนัย กล่าวอีกว่า ถ้านายกฯมาสภาวันที่ 18 มี.ค. นี้ ตนขอเป็นตัวแทน ส.ส. เชิญนายกฯ ไปชี้แจงที่เวทีคนเสื้อแดง ไม่ต้องกลัวหรือวิตก เพราะได้ติดต่อแกนนำ นปช. ไว้แล้วว่าควรให้นายกฯ ไปชี้แจงกับผู้ที่มาชุมนุม ตนและเพื่อน ส.ส.ฝ่ายค้าน จะเป็นหน่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้ท่านเอง และขอเอาชีวิตตนเองประกันความปลอดภัยให้ เพื่อให้ไปชี้แจงว่า ทำไมถึงไม่ยุบสภา มีเหตุผลอะไร ทั้งนี้เสื้อแดงไม่ได้เป็นศัตรูกับนายกฯ ตนรับรองว่า คนไทยด้วยกัน หากเปิดใจพูดกัน อุณหภูมิที่ร้อนแรงจะลดลง

* พท.ปูดชวนหนุนยุบสภา

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่า ส.ส. พรรคเพื่อไทยไม่ควรลาออกตามข้อเรียกร้องของแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อยึดมั่นในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติผ่านกลไกรัฐสภา โดยเฉพาะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น คาดว่า จะดำเนินการภายในเดือน เม.ย. แต่จะต้องหารือเพื่อกำหนดวันให้ชัดเจน เว้นแต่ว่านายอภิสิทธิ์ จะยุบสภาไปก่อน ซึ่ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์บางคนเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ภายในพรรคประชาธิปัตย์แตกออกเป็น 2 ส่วนคือสายนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้ยุบ สภา แต่กลุ่มนักเรียนนอกคัดค้าน

ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ประธาน คณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช. เรียกร้องให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยลาออกจากส.ส. เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุบสภาว่า ฝากไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่าการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ยังมีความจำเป็นอยู่ หากย้อนกลับไปสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ก็ได้มีการประท้วงให้ ส.ส.ลาออก ตอนนั้นไม่ต้องมีเลือกตั้งซ่อม แต่ขณะนี้ ส.ส. ยังมีวาระอยู่อีกกว่า 1 ปี ดังนั้นหากลาออกต้องเลือกตั้งซ่อมเสียงบประมาณเป็นพันล้านเป็นเงินภาษีของประชาชน จึงต้องคำนึงให้มาก

* อ๋อยซัดนายกฯเมินแก้รธน.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ส่งบทความถึงสื่อมวลชนผ่านทางอีเมล เนื้อความระบุว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีประชาชนเข้าร่วมและสนับสนุนมากขึ้น เพราะเสนอปัญหาของประเทศได้ตรงใจคนคือความไม่เป็นประชาธิปไตยและความเป็นสองมาตร ฐาน ที่สำคัญยังเป็นเพราะการต่อสู้นี้เป็น การต่อสู้โดยสันติวิธี แต่การต่อสู้ที่ใช้สันติวิธีนี้เป็นเรื่องยากต้องอาศัยคนจำนวนมาก ประชาชนจึงจำเป็นต้องใช้ความอดทน อดกลั้น ไม่ยอมใช้ความรุนแรงใด ๆ และยังต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าอาจต้องใช้เวลากว่าบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตย

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนอยากจะฝากความเห็นไปยังรัฐบาลว่าต้องล้มเลิกความคิดที่จะพยายามทำให้สังคมเข้าใจว่าประชาชนที่มาเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นพวกนิยมความรุนแรงเพื่อจะได้ปราบปรามในที่สุด รัฐ บาลไม่ควรสนใจแต่จะเอาชนะคะคานเป็นครั้ง ๆ ไป ยิ่งอยู่นานไปก็ยิ่งสะสมปัญหามากขึ้นทุกที นายกฯ บอกว่าจะยุบสภาต่อเมื่อมีการแก้รัฐธรรมนูญ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญแม้แต่ มาตราเดียว เท่ากับต้องการอยู่ให้นานที่สุดโดยไม่สนใจแก้ปัญหาประเทศ

* สภาสูงชูอภิปรายแก้ปัญหา

ที่อาคารสุขประพฤติ เวลา 11.00 น. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้เป็นประธานในการประชุมเพื่อปรึกษาหารือและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ บ้านเมือง โดยมี ส.ว.เข้าร่วมประชุมจำนวน 66 คน ทั้งนี้ สมาชิกได้อภิปรายและแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหากันอย่างหลากหลายเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่าง ๆ ในขณะนี้ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง

จากนั้นนายประสพสุข พร้อมด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิช น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา และ ส.ว.ร่วมกันแถลงว่า ที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คือสนับสนุนให้ใช้กระบวนการทางสภา ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้ พร้อมกันนี้ให้ประธานวุฒิสภา เป็นผู้นำในการแสดงจุดยืนของสมาชิกวุฒิสภา ด้วยการเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนให้ทุกฝ่ายเจรจากันอย่างสันติวิธี รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับแนวทางการทำรัฐประหาร ต้องขอชื่นชมทุกฝ่ายที่พยายามระมัดระวัง และดูแลให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

* 60ส.ว.เข้าชื่อเปิดอภิปราย

จากนั้นกลุ่ม ส.ว. ทั้งสายสรรหา และเลือกตั้ง จำนวน 60 คน ที่เข้าชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ได้ยื่นหนังสือต่อนายประสพสุข เพื่อแจ้งไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยนายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม กรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง ซึ่งหน้าที่ของวุฒิสภาต้องช่วยแก้ปัญหาในแนวทางของรัฐสภา ซึ่งเราต้องการให้เปิดการประชุมโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าประธานรัฐสภาจะแจ้งให้ นายกฯ เพื่อขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 นายวิทยา กล่าวว่า วุฒิสภายินดี เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็เคยขอเปิดประชุมตามมาตรา 179 มาแล้ว นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า นายกฯควรจะเร่งเปิดประชุมให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความสงบภายในบ้านเมือง ไม่ต้องห่วงกลุ่มเสื้อแดงจะปิดล้อม คิดว่าคงไม่มี เราต้องใช้เวทีรัฐสภาสร้างความสงบสุข เราไม่ต้องกลัว เราต้องทำหน้าที่ของเรา ขณะ ที่นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า เส้นทางของวุฒิสภาพยายามจะหาช่องทางแก้ปัญหาบ้านเมืองในสภา เพราะเราไม่อยากลงถนน

* กลุ่มส.ว.40ขอเอาด้วยคน

ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ว. บางส่วนเตรียมรวบรวมรายชื่อยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ต้องลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ว่า เป็นเรื่องปกติเพราะเราทำมาตั้งแต่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา ก็สามารถยื่นได้ หากได้เสียง 1 ใน 5 ก็ สามารถทำได้ ทางกลุ่ม 40 ส.ว. ยินดีที่จะร่วมลงชื่อด้วย

นายสมชาย ยังกล่าวว่า ส่วนสถานที่ในการประชุมเห็นว่าควรจะให้สถานการณ์ คลี่คลายระดับหนึ่งเพราะกังวลว่าจะเหมือนเหตุการณ์ 7 ต.ค. หรือหาวันที่เหมาะสม ส่วนสถานที่ก็เคยใช้ที่กระทรวงการต่างประเทศมาแล้ว หรือเลือกใช้ที่ไหนก็ได้ที่เห็นว่าปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภาและนายกฯจะเลือกสถานที่

* วิปรัฐบาลยังขอโดดร่ม

นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงว่า วิปรัฐบาลขอยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมสภาวันพฤหัสบดีที่ 18 มี.ค. เพราะอาคารรัฐสภายังเป็นจุดล่อแหลมที่กลุ่มผู้ชุมนุมอาจปิดล้อมได้ หากสมาชิกเข้าร่วมประชุมสภาก็เปรียบเสมือนโยนเชื้อเข้ากอง ไฟ ยืนยันได้ว่าการที่ ส.ส.รัฐบาลไม่เข้าร่วมประชุม ไม่ใช่เพราะขี้เกียจหรือ ไม่ต้องการไม่ให้ใช้แนวทางสภาในการร่วมหาทางออก และมั่นใจว่าการไม่เข้าร่วมประชุมไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายกาจต่อสภา แต่เป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะกันโดยวิปฯยึดแนวทางสันติซึ่งไม่ได้หมายความว่าสภาจะทำงานไม่ได้เพียงแต่ ถ้าสภาพร้อม ส.ส.รัฐบาล ก็พร้อมเข้าร่วมประชุม

นายวิทยา กล่าวถึงกรณีที่นายชัยเตรียมเสนอให้มีการอภิปรายทั่วไปโดยไม้ลงมติตามมาตรา 179 ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีให้ความร่วมมือหากเป็นทางแก้ไขปัญหาซึ่งไม่ใช่เป็นการนำเรื่องอื่นเข้ามาหารือ หากฝ่ายความมั่นคงมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยไม่เกิดสถานการณ์รุนแรงตนพร้อมที่จะพา ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเข้าร่วมประชุม

* พนิชปูดยูเออียี้แม้ว

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมว. การต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ระบุในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ www. twitter.com ว่าจะเดินทางกลับไปยังนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในวันที่ 19 มี.ค. นี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้สั่งการให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอาบูดาบี ของยูเออี ประสานไปยังรัฐบาล ยูเออีให้ช่วยติดตามและพิจารณาไม่ให้ พ.ต.ท. ทักษิณใช้ยูเออีเป็นฐานในการขับเคลื่อนทางการเมือง เพราะยูเออีคงไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์กับไทยแย่ลง จึงไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับเข้ามายังยูเออีในช่วงนี้ ไม่ว่าจะใช้หนังสือเดินทางแบบใดก็ตาม จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะแสดงให้เห็นว่าได้หยุดขับเคลื่อนทางการเมืองแล้ว

นายพนิช กล่าวว่า นอกจากนี้ เราได้ข้อมูลเดียวกันไปยังรัฐบาลของประเทศมอนเตเนโกร ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฮังการี ซึ่งดูแลความสัมพันธ์ทางการทูตกับมอนเตเนโกร เพื่อขอให้รัฐบาลมอนเตเนโกรดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับยูเออีเช่นกัน อีกทั้งเรายังได้ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเดินทางเข้าไปในประเทศหนึ่ง ซึ่งเป็นประเทศใกล้ ๆ กับประเทศเยอรมนี แต่รัฐบาลของประเทศนั้นห้ามไว้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงพยายามเดินทางไปอีกประเทศหนึ่งที่อยู่ในทวีปยุโรปเช่นเดียวกัน ตนไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นประเทศใด โดยเรากำลังตรวจสอบอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปในประเทศนี้ได้แล้วหรือไม่

* นพดลโต้ปั้นเรื่องท้าพิสูจน์

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาก ฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีนายพนิช ออกมาระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จะไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้าประเทศยูเออีว่า สิ่งที่นายพนิชพูดนั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น ตนขอเรียกร้องให้นายพนิช อย่าทำตัวให้เสื่อมเกียรติกระทรวงการต่างประเทศ และเลิกทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ได้แล้ว เนื่องจากยูเออีไม่เคยมีปัญหาใด ๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในวันที่ 19 มี.ค. นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะขอพิสูจน์ด้วยการเดินทางเข้าประเทศยูเออี

นายนพดล ระบุว่า การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เดินทางไปประเทศมอนเตเนโกรนั้น เพื่อเดินทางไปดูการซ่อมแซมโรงแรมที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งภายในวันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะ นำรูปภาพโรงแรมนี้ลงในเว็บของท่าน ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในโรงแรมดังกล่าวจะเป็น ประโยชน์ต่อแรงงานไทย ส่วนความคืบหน้าการยื่นหลักฐานใหม่ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อขออุทธรณ์ในคดียึดทรัพย์ว่า ทีมทนายกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่าจะทันตามกรอบระยะเวลา 30 วัน

* จุฬาฯซัดแอ๊บขาวย้อมสี

ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในการเสวนาเรื่อง เส้นทางการเมืองไทยกับวิกฤตความชอบธรรม โดย ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า พวก ที่อ้างสันติวิธี หรือที่บางคนเรียกว่า แอ๊บขาว ตนเรียกว่า พวกสีตกหรือขาวเนียน ตอนนี้มีเยอะมาก สิ่งที่เห็นคือ เหลือง น้ำเงิน พยายามเป็นขาว แล้วมาสอนสันติวิธี อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิด ไปไกลกว่าเรื่อง 2 มาตรฐานแล้ว พวกขาวเนียนชอบอ้างสานเสวนา แต่ไม่บอกว่าสานเสวนามีจุดมุ่งหมาย อะไร พวกขาวเนียนพยายามผลักดันสังคมให้อยู่ในตรรกะว่าใครรุนแรงก่อนแพ้ ความจริง คุณไม่มีหน้าที่จับผิดว่าใครรุนแรงก่อน แต่สันติวิธีต้องเตือนว่าใครรุนแรงมาต้องอดกลั้นให้ได้ ทั้งนี้จะใช้เครื่องมืออะไรให้เข้าใจการเมืองไทยปัจจุบัน เมื่อยังยอมรับว่าปฏิวัติ ทำได้แล้วจะพูดเรื่องประชาธิปไตยทำไม

รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ทางออกที่มีการเสนอให้ยุบสภานั้น ตนมองว่า ถึงจุดนี้ให้เสื้อแดงกลับไปโดยไม่ได้อะไรนั้นเป็นไปได้ยาก ปัญหาคือการยุบสภาไม่ใช่เรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ตามลำพัง อำนาจเบื้องหลังจะยอมหรือไม่ให้ยุบสภา ยิ่งถ้าเลือกตั้งใหม่ มีการแก้กฎหมาย ล้างอำนาจ นี่คือสิ่งที่เขากลัว บทบาทของ ส.ส.น่าจะเข้ามา ช่วย อย่าง ส.ส.เพื่อไทย 183 คน ถ้ายื่นใบลาออกสภาก็อยู่ไม่ได้ ส่วนที่กลัวกันว่า ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ จะมีการคืนเงิน คืนอำนาจให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เราอย่ามองข้ามอำนาจประชาสังคมที่ทัดทานอำนาจในสภา การคืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณย่อมเป็นเรื่องยาก

* สรรพากรอายัดภาษีขายหุ้น

นายวินัย วิทวัชการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 46,300 ล้านบาท จากที่อายัดไว้ 76,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรได้เข้าไปสั่งอายัดทรัพย์สินหลายรายการที่เป็นชื่อของนายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่ค้างจ่ายภาษีจากการขายหุ้น บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น รายละ 5,700 ล้าน บาทเอาไว้เพิ่มเติมแล้ว ทั้งในส่วนของหุ้นและที่ดิน ในชื่อบุคคลทั้งสองมูลค่า 1,000 ล้านบาท

นายวินัย กล่าวอีกว่า การอายัดทรัพย์ เพิ่มเติมดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อให้ครอบคลุมหนี้ภาษี และภาระดอกเบี้ยที่บุคคลทั้งสองต้องจ่ายให้แก่กรมสรรพากร รวมเป็นวงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท เชื่อว่าทรัพย์สินที่อายัดไว้ทั้งหมด จะเพียงพอ ที่จะนำมาชำระภาษีค้างจ่าย ขณะนี้กรมสรรพากรยังอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป โดยต้องรอคณะกรรมการซึ่งปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครอง เช่น อัยการ ป.ป.ช. พิจารณาว่าจะดึงเงินบัญชีเงินฝากใดบ้าง

* หุ้นพุ่งดี๊ด๊าไม่สะท้านม็อบ

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนียังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องจากวานก่อน ตามกระแสเงินต่างชาติที่ทะลักเข้าไทย หลังสถานการณ์การเมืองไทยยังไม่มีเหตุรุนแรง โดยดัชนีดีดตัวขึ้นทันทีที่เปิดตลาดและยืนในแดนเขียวได้ทั้งวัน ซึ่งระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 767.81 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 757.15 จุด จนมาปิดตลาดที่ 765.54 จุด พุ่งขึ้น 13.34 จุด หรือ 1.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขายคึกคัก 33,676.78 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากวันที่ 7 ต.ค. 52 อยู่ที่ 33,994.44 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีปิดถือว่าสูงสุดในรอบ 20 เดือน จากวันที่ 2 ก.ค. 51 ที่ ปิดระดับ 760.01 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 3,026.06 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 5,444.40 ล้านบาท

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรม การผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า จากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อยอดขายของห้างเทสโก้ โลตัส พอสมควร สังเกตได้จากยอดขายที่ลดลงไปเฉลี่ยรวมทุกสาขาที่ประมาณ 10% ขณะที่สาขาที่อยู่ใกล้สถานที่ชุมนุมประมาณ 6-7 สาขามียอดขายลดลงมากกว่า 10% เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนยอดขายจะลดลงแต่หากมองในด้านของการจับจ่ายซื้อสินค้ายังไม่พบว่าผู้บริโภคมีการกักตุนซื้อสินค้า ซึ่งบริษัทก็หวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook