ถกสมช.ให้นครบาลดูกทม.จัดชุดเฝ้าคนVIP

ถกสมช.ให้นครบาลดูกทม.จัดชุดเฝ้าคนVIP

ถกสมช.ให้นครบาลดูกทม.จัดชุดเฝ้าคนVIP
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ประชุมคณะทำงานฝ่ายความมั่นคงฯ มอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพดูแลกรุงเทพมหานคร พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์เพิ่ม ขณะที่มีมติห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจ พกพาอาวุธเด็ดขาด

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เปิดเผย ผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายความมั่นคงว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์ด้วยความกังวลว่า ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดอุปสรรค โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดกำลังตั้งจุดตรวจค้นอาวุธ พร้อมกับจัดชุดลาดตระเวนสถานที่ราชการสำคัญ รวมทั้ง ให้ขอกำลังพลเรือน และทหาร เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ขณะเดียวกัน จัดกำลังดูแลเจ้าหน้าที่บุคคลสำคัญให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่พึงประสงค์ ส่วนต่างจังหวัดนั้น มอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 5 พร้อมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ. รมน. และผู้ว่าราชการจังหวัด จัดทำแผนที่ป้องกันสถานที่ราชการ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติไม่ให้เจ้าหน้าที่พกพาอาวุธ โดยจะให้มีเพียงโล่ และกระบองเท่านั้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวอีกว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. จะเสนอให้นายกฯ ในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ โดยมีคนเป็นประธาน ขณะเดียวกัน จะมีการจัดตั้งคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย เพื่อติดตามพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งหากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือชุมนุมที่ผิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีทันที

พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า ที่ประชุมเห็นชอบมีมติเสนอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน แต่งตั้งให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง หรือ คตม. เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงานด้านข้อมูลข่าวสาร ด้านการดำเนินงานความมั่นคง ให้สอดคล้องกันในการป้องกันและป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง พร้อมทั้ง ได้จัดเตรียมแผนงานไว้รองรับออกเป็น 8 แผน เช่น ในส่วน กอ.รมน. จะดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการปลุกระดมในสถานศึกษา ขณะเดียวกัน ในเวลา 19.00 น. ของ วันนี้ กอ.รมน. ภาค 1 เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 200 นาย ร่วมปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจ ในการตั้งด่านจุดตรวจร่วมบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ขณะที่ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกําเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังคงใช้กฎหมายตามปกติ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหลัก เนื่องจาก จะไม่มีการประกาศใช้กฎหมายพ.ร.บ.ความมั่นคง พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่จะออกปฏิบัติงานและเฝ้าระวังสถานที่สำคัญเป็นพิเศษ อาทิ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา บ้านพักประธานองคมนตรี ศาลฎีกา สวนจิตรลดา เป็นต้น

ด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อติดตามและดูความเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศจะชุมนุมทั่วประเทศว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้ทุกกองบัญชาการทั่วประเทศดูแลการชุมนุมอย่างเคร่งครัด ให้สมกับสภาพแวดล้อมแต่ละพื้นที่ ที่มีการชุมนุม ทั้งนี้ ในส่วนของสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในส่วนของการตัดสินคดียึดทรัพย์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.พ. หลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดใน 2 จุดที่ผ่านมานั้น ได้สั่งให้มีการตั้งจุดตรวจ และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจกำชับให้หน่วยงานด้านการข่าวสืบสวน และเร่งรัดในการหาข่าวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการอารักขาบุคคลสำคัญด้วย ทั้งนี้ จะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็น

ส่วน เหตุลอบวางระเบิดใน 2 จุด ข้างศาลฎีกา และในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพาณิชย์พระนครนั้น เชื่อว่า เหตุการณ์น่าจะเกิดจากมือที่ 3 ที่หวังสร้างสถานการณ์ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝ่ายใด เพราะมีหลายฝ่าย ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้วางกำลังอย่างดีแล้ว แต่คนร้ายได้อาศัยช่องโหว่ ซึ่งได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งสืบสวนหาผู้ก่อเหตุแล้ว

รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับรองมติของการประชุมก.ตร.ครั้งก่อน ที่เห็นว่า อุทธรณ์ 3 นายพล ฟังขึ้น จากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. และ พล.ต.ต. เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก. จ.อุดรธานี ที่ถูกคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงโทษทางวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ จากกรณีสลายการชุมนุม โดยหลังจากนี้ จะรอให้ ก.ตร. ส่งผลมาให้พิจารณา ก่อนจะมีความเห็นว่า สมควรเห็นชอบตามคำอุทธรณ์ของ 3 นายพลตำรวจ ให้กลับเข้ารับราชการหรือไม่

อย่างไรก็ตาม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า ไม่รู้สึกหนักใจ ที่มีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้น ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้จะเป็นเพียงรักษาการ ก็ไม่รู้สึกน้อยใจ เพราะเห็นว่า มีหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook