โผสีกากีฉาวโฉ่! ผกก.-สวญ.บุกสภาร้องเรียน

โผสีกากีฉาวโฉ่! ผกก.-สวญ.บุกสภาร้องเรียน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
โดนเด้งข้ามห้วยคิวต่อไปฟันภ.1,4

ศึกสีกากีระอุหนัก ผกก.-สวญ.สังกัด บช.ภ.1 กับสันติบาล บุกสภาฯ โร่ร้องกมธ.ตำรวจ ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรมทั้งที่ผลงานดี ไม่เคยถูกร้องเรียน กลับถูกเตะข้ามห้วยกระเด็นไปอยู่นอกหน่วย ปูดชื่อ เสี่ย ส.ปากน้ำ กับ ป๋า ว. หรือ บ. นายหน้าซื้อขายเก้าอี้ภาค 1-2 ด้าน กมธ.ตำรวจ ฟันธง บช.ภ.2 โยกย้ายไม่เป็นธรรม ตั้ง นิพิฏฐ์ สอบต่อก่อนโยน มาร์ค ดำเนินการ ด้าน กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ยันโยกย้ายเป็นธรรม โต้กลับลูกน้องถูกร้องเรียน-ประเมินได้รองบ๊วย อภิสิทธิ์ เผยตำรวจภูธรภาค 1 กับ 4 เจอปัญหาเดียวกับภาค 2 มอบ วสิษฐ สอบสวน ลั่นไม่เคยมีปัญหากับใคร เทพเทือก ยันการเมืองไม่แทรกแซงตำรวจ เตรียมซักในที่ประชุม ก.ตร.12 ก.พ. หึ่งเตรียมขอตำแหน่ง สบ10 ให้ อัศวิน ขวัญเมือง แต่งตัวเป็น นายใหญ่ปทุมวัน

ภายหลัง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไม่มีกำหนด จากปัญหาการร้องเรียนซื้อขายตำแหน่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ รอง ผบก.-สารวัตร ในพื้นที่ บช.ภ.2 โดยให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาการ ผบช.ภ.2 แทน

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่งย้ายพล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 มาช่วยราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นการตรวจพบความไม่ถูกต้องของคำสั่งโยกย้าย และเป็นคำสั่ง มิชอบ จึงเป็นเรื่องของ รรท.ผบ.ตร. ที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง เท่าที่ทราบผู้มีอำนาจต่าง ๆ ที่ต้องลงชื่อ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ในส่วนของภาคอื่น ๆ ตนยังไม่เห็นว่ามีคำสั่งลักษณะนี้ มีแต่เรื่องร้องเรียน และคณะกรรมการฯ ที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานนั้น กำลังดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจะมีทั้งการตรวจสอบใน บช.ภ.2, 1 และ 4 ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของ บช.ภ.1 และ 4 นั้นปัญหาคล้ายคลึงกับ บช.ภ.2 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าพฤติกรรมมีทั้งเหมือนและต่าง แต่ความหนักเบาอาจจะต่างกันอยู่บ้าง เท่าที่ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.วสิษฐ ได้รับการยืนยันว่าในส่วนของ บช.ภ.2 น่าจะเสร็จได้เร็ว แต่บังเอิญทราบว่ามีการไปตรวจพบความไม่ถูกต้องของคำสั่งด้วย

เมื่อถามว่าผลการสอบสวนของ คณะกรรมการชุด พล.ต.อ.วสิษฐ จะมีผลเทียบเท่ากับกรรมการชุดของ นพ.บรรลุ ศิริพานิช หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามเงื่อนไข และขั้นตอนของกฎหมายตำรวจ เมื่อถามว่าถ้าพบว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องการจัดการจะทำเช่นเดียวกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูรายงานของคณะกรรมการก่อน ต่อข้อถามว่าแสดงว่าเป็นไปได้ที่การแต่งตั้งตำรวจครั้งนี้อาจจะ มีการรื้อทั้งระบบ นายกฯ กล่าวว่าเวลานี้ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น เรามอบหมายให้ทาง สตช. ตรวจสอบในกรณีที่มีการร้องเรียนมา แต่ไม่ได้หนักหน่วงมาก เมื่อถามย้ำว่าให้ตำรวจสอบสวนกันเองจะได้ผลอย่างนั้นหรือ นายกฯ กล่าวว่า เราดูและแยกแยะแล้วว่าส่วนไหนน่าจะยังใช้ระบบภายในของ สตช.ได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรเพราะตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีปัญหากับตำรวจมาตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับใคร

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท. ผบ.ตร.มีคำสั่งเด้ง พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 โดยแต่งตั้ง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปรักษาราชการแทน และสั่งรื้อโผแต่งตั้งโยกย้ายใหม่ให้เสร็จก่อนวันที่ 16 ก.พ.นี้ว่า เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ตามปกติของตำรวจ เมื่อถามว่า ดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่ามีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของตำรวจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ไปทำอะไร ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง ถ้าการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์กติกา ผบ.ตร. ดำเนินการได้ ในการประชุม ก.ตร. วันศุกร์ที่ 12 ก.พ.จะถามในที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เท่าที่ทราบเรื่องนี้มีการร้องเรียนไปถึงนายกฯ ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาสูงสุด จึงมีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งรู้เรื่องของตำรวจเป็นอย่างดี ถือว่ามีความเหมาะสม

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณากรอบหลักเกณฑ์การโยกย้ายข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดับรองผู้บังคับการ-สารวัตรทั่วประเทศ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ประธานกมธ.ตำรวจ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า แม้จะมีการย้าย พล.ต.ท. เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 ไปช่วยราชการที่สตช.แล้วก็ตาม แต่ตนและกมธ.ตำรวจ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบข่าวการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายข้าราชการตำรวจต่อไป เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามายัง กมธ.ซึ่งมีพยานหลักฐานบางส่วนในเบื้องต้นแล้ว ยังมีผู้ร้องเรียนเข้ามาอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และภาค 4 เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยืนยันวีข้อมูลและพยานหลักฐานในมือ ก็จะยังไม่ด่วนสรุป นายเฉลิมชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับการและสารวัตรเข้ามาร้องเรียน กมธ.ตำรวจ กรณี แต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม มี พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ พรมสวัสดิ์กุล ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุม ธานี และพ.ต.ท.เศรษฐกรณ์ ชัยวีระวงศ์ สวญ.สภ.สวนพริกไทย จ.ปทุมธานี พ.ต.ท. กิตติพงศ์ อุบลบาน สวญ.สภ.คลองสิบสอง จ.ปทุมธานี และ พ.ต.ต.ณัฎฐ์พัชร โฆษิตเลิศ สารวัตรกองกำกับการตำรวจสันติบาล 2

พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ เปิดเผยว่า ตนมีผลงานผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาของ บช.ภ.1 เป็นโรงพักของประชาชน ผ่านกฎเหล็กของตำรวจ และอยู่ในตำแหน่งเกิน 2 ปี มีผลงานไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวน ไม่เคยถูกร้องเรียน แต่ปรากฏว่าคนที่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์วิ่งเต้นจนได้ดิบได้ดี แต่คนที่ผ่านเกณฑ์กลับต้องอยู่ที่เดิม เมื่อปรับทุกข์ก็มี นายตำรวจกว่า 20 คนจะมาร้องเรียน แต่ถึง เวลาจริงกลับทยอยมาไม่กี่คน เพราะกลัวถูกย้าย หรือถูกเล่นงานภายหลัง แต่สำหรับตนเมื่อเปิดหน้าแล้วไม่กลัว คงต้องขอพึ่งกมธ.ตำรวจ และสื่อมวลชน

ด้าน พ.ต.ท.เศรษฐกรณ์ กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจภูธรภาค 1 ที่ไม่เป็นไปตามกติกาไปยังนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงแล้ว โดยในวันเดียวกันนี้ตนมายื่นเรื่องดังกล่าวต่อกมธ.ตำรวจ เพราะกรณีของตนถูกย้ายไม่เป็นธรรม โดยถูกย้ายข้ามภาคไปเป็น รอง ผกก.ป.สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี บช.ภ.4 ทั้ง ๆ ที่โรงพักของตน ผ่านหลักเกณฑ์โรงพักเพื่อประชาชน และผ่านหลักเกณฑ์กลุ่มอาวุโส 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในส่วนของ บช.ภ.1 มีนายตำรวจที่โดนเช่นเดียวกับตนมากถึง 20-30 คน แต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาร้องเรียนเพราะหวั่นเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย และกลัวถูกกลั่นแกล้งในหน้าที่การงาน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัว ไม่กังวลว่าจะขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา แต่ที่ออกมาเพราะอยากให้สังคมรับรู้ถึงความไม่ถูกต้องในการโยกย้ายครั้งนี้

พ.ต.ท.กิตติพงศ์ กล่าวว่า ตนถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.รัตน บุรี จ.สุรินทร์ โดยผู้บังคับบัญชาให้เหตุผลว่าการประกวดโรงพักเพื่อประชาชนของ บช.ภ.1 โรงพักของตนส่งเป็นรายสุดท้าย แต่ก็เห็นว่ามีบางส่วนไม่ได้ส่งประกวด แต่กลับได้รับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ดี จึงเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ จึงถามผู้บังคับบัญชาว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรในการตัดสิน

ขณะที่ พ.ต.ต.ณัฎฐ์พัชร กล่าวว่า ตนมีผลงานปรากฏเป็นคดีใหญ่ ๆ เกี่ยวกับความมั่นคงหลายคดี แต่กลับถูกผู้บังคับบัญชาสั่งย้ายไปเป็นสารวัตรฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จ.ชุมพร อ้างว่าถูกตั้งกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับความผิดอาญาร้ายแรง ฐานจับกุมชาวอินเดียมาเรียกค่าไถ่ และมีคดีร้องเรียนอยู่ที่กองปราบปราม ทั้งที่กรณีดัง กล่าว ตนเป็นผู้ไปจับกุมและช่วยเหลือเหยื่อ ออกมาได้ ในส่วนผลงานของตนยังมีคดีการจับชาวฟิลิปปินส์ที่ปลอมแปลงธนบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามูลค่า 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจับกุมโจรขโมยเพชรชาวอินเดียที่เข้ามาก่อคดีต่าง ๆ ในประเทศไทยร่วม 2 ปี มูลค่าความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท จึงขอถามว่าคนทำงานอาจมีผิดพลาดบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และตนไม่ใช่โจร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเพื่อบ้านเมือง มีผลงานปรากฏแต่กลับถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม จึงต้องมาถามหาหลักธรรมาภิบาลของผู้บังคับบัญชา ถึงหลักเกณฑ์การพิจารณา จึงต้องมายื่นเรื่องร้องต่อกรรมาธิการการตำรวจ ให้ตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลของ กมธ.ตำรวจ ที่เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจให้ สตช.ในส่วนที่ เกี่ยวกับ บช.ภ.1 พบว่าต้องมีการวิ่งเต้นผ่าน เสี่ย ล.ปากน้ำ ส่วน บช.ภ.2 มีการวิ่งเต้นผ่าน ป๋า ว. หรือ บ.

ภายหลังการประชุมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธาน กมธ.ตำรวจ ออกมาเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รอง ผบช.สำนักกำลังพล และ พล.ต.ต. โชติกร สิมันตร ผบก.กองทะเบียนกำลังพล เข้าชี้แจง ได้ข้อสรุปว่า 1.การออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจภูธรภาค 2 ไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และระเบียบ ก.ตร. 2.กรรมาธิการขอเอกสารผู้ที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งครั้งนี้กับทาง สตช. เพื่อนำมาประกอบว่าผิดเงื่อนไขการโยกย้ายหรือไม่อย่างไร 3.ให้ สตช.ยึดระเบียบหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายของ ก.ตร. โดยเคร่งครัด และ 4.กรรมาธิการฯ มีมติตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบ กรณีการโยกย้ายตำแหน่งไม่เป็นธรรม และกรณีการซื้อขายตำแหน่ง โดยมีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานอนุกรรมาธิการฯ

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า กรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด และจะส่งข้อสรุปโดยตรงต่อนายกฯ เพื่อให้นายกฯ ดำเนินการต่อไป ส่วนกรอบระยะเวลาการทำงานกรรมาธิการฯ จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 16 ก.พ.นี้ ก่อนคำสั่งโยกย้ายจะมีผลตามกฎหมาย เมื่อถามว่าหากเจอตอในการสอบสวน ทางกรรมา ธิการฯ จะดำเนินการอย่างไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า แอตอ ก็ต้องดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด เมื่อถามว่าหากพบว่าเรื่องนี้มีคนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่าเรื่องนี้นายกฯ พูดชัดเจนแล้วว่า ขอให้มีพยานหลักฐาน จะดำเนินการกับทุกคนไม่ว่าเป็นใคร รวมทั้งจะเสนอรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้กับนายกฯ โดยจะไม่มีการตัดตอนก่อน เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะ ไม่มีการรับลูกกันเอง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ผมคิดว่าประวัติผมไม่เคยเสียหาย

ด้าน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า การแต่งตั้งตำรวจของ บช.ภ.1 ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ มีการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างเป็นธรรม ไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด กรณีของ พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ ก็มีปัญหาถูกร้องเรียน ส่วน พ.ต.ท.เศรษฐกรณ์ ได้รับการประเมินโรงพักอยู่ในที่รองบ๊วย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.ก.ตร. ทำหนังสือเวียนเชิญประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 1/2553 ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ เวลา 12.00 น. ที่ห้อง ประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำหรับวาระการประชุม ก.ตร.ที่น่าสนใจได้แก่ เรื่องที่คณะ กรรมการ ป.ป.ช.ขอมติ และความเห็นของคณะอนุกรรมการ ก.ตร. และ ก.ตร. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2552 (การขยายระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ) และเรื่องที่ 7 การกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) โดยกำหนดให้ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) ด้านการปราบปราม และด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ซึ่งเดิมเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวให้เป็นตำแหน่งถาวร

สำหรับการขอกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) นั้น คาดว่าจะเปิดให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งล่าสุด พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ. ตร.ส่งไปดูแลการแต่งตั้งโยกย้ายใน บช.ภ.2 แทน พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ภ.2 จึงคาดกันว่าหาก พล.ต.ท.อัศวิน ได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.จะมีโอกาสได้รับพิจารณาให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป เพราะที่ผ่านมา พล.ต.ท. อัศวิน ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบคดีสำคัญ ๆ ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อัศวิน จะเกษียณอายุราชการในปี 2554 จึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของ กรมปทุมวัน ดังกล่าวส่วนเรื่องที่คณะ กรรมการ ป.ป.ช.ขอมติ และความเห็นของคณะอนุกรรมการ ก.ตร.และ ก.ตร. นั้นเป็นเรื่องที่ ก.ตร.ต้องรับรองมติผลการประชุม ครั้งที่ผ่านมา กรณีเกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาให้การอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ อดีต ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กรณีสลายการชุมนุม ฟังขึ้น ให้รับกลับเข้ารับราชการตำรวจ

ต่อมาเวลา 19.00 น. ที่บ้านพิษณุโลก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสอบสวนการ ซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจที่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน ประกอบ ด้วยนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเดชอุดม ไกรฤกษ์ นายกสภาทนายความ นางสุจิตรา บุณยรัตนพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายถาวร พาณิชพันธุ์ รองอัยการสูงสุด พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกฯ เข้าร่วมประชุม กระทั่งเวลา 20.00 น. นายกฯ ออกจากห้องประชุมมาคนเดียว พร้อมกับเปิดเผยว่า วันนี้มาประชุมทำความเข้าใจกับคณะกรรมการ ซึ่งกรรมการชุดนี้จะต้องสอบสวนเรื่องดังกล่าว ในหน่วย บช.ภ.1, 2, 4 และ 6 เริ่มต้น จากภาค 2 ก่อน เท่าที่คุยคิดว่า 7 วันน่าจะเสร็จ ส่วนที่เหลืออาจจะไม่ทันวันที่ 16 ก.พ. เพราะเพิ่งได้รับข้อมูล แต่ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็จะเสนอความเห็นมา อย่างไรก็ตามเรื่องร้องเรียนเช่นนี้ คงไม่เหมาะที่ตำรวจจะตรวจสอบภายในกันเอง ซึ่งกรรมการยอมรับว่าหนักใจ แต่จะทำให้ดีที่สุด.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook