รวบพ่อเลี้ยงข่มขืน ด.ญ. 11 ปี ซ้ำแม่แท้ๆ พาลูกหนี ไม่พาไปตรวจร่างกาย

รวบพ่อเลี้ยงข่มขืน ด.ญ. 11 ปี ซ้ำแม่แท้ๆ พาลูกหนี ไม่พาไปตรวจร่างกาย

รวบพ่อเลี้ยงข่มขืน ด.ญ. 11 ปี  ซ้ำแม่แท้ๆ พาลูกหนี ไม่พาไปตรวจร่างกาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบพ่อเลี้ยงข่มขืนเด็กหญิงวัย 11 ปี  แม่แท้ๆพาลูกหนีไม่พาไปตรวจร่างกาย อ้างกลัวถูกสามีตามทำร้าย 

วันที่ 1 มกราคม 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พร้อมชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. NGO และ ตร.บช.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุมพ่อเลี้ยงข่มขืนกระทำชำเราลูกเลี้ยงอายุ 11 ปี และแม่แท้ๆ ที่ช่วยเหลือพาหลบหนี โดยจับกุมได้ที่จุดชมวิวภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 26 ธันวาคม 2564 โดยนายคนึง อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ได้มารับด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ที่บ้านของ พ่อแท้ๆ ของด.ญ.บี โดยอ้างว่าจะพาไปซื้อขนม ซึ่งปกติพ่อเลี้ยงและแม่ของเด็กจะมารับด.ญ.บี เป็นประจำเดือนละ 1-2 ครั้ง ในวันดังกล่าวพ่อเลี้ยงได้พามาส่งในเวลา 16.00 น. แต่เด็กหญิงมีอาการผิดปกติ ทางญาติจึงติดต่อให้แม่มาดูแลลูก ก่อนที่ช่วงเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ได้มารับลูกไป อ้างว่าจะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีก ส่งผลให้เด็กหญิงไม่ได้รับการตรวจร่องรอยการถูกล่วงละเมิดแต่อย่างใด ต่อมาพ่อแท้ๆ ของเด็ก ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีกับนายคนึง (พ่อเลี้ยง) และอดีตภรรยา

ภายหลังชุดสืบสวน สภ. พระนครศรีอยุธยา ขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองได้โดยนายคนึง ถูกออกหมายจับในความผิดฐาน "พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำต่อเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี” ส่วนน.ส.ซี ถูกออกหมายจับในความผิดฐาน“ พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งกระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อมิให้ถูกจับกุม”

พ.ต.อ.ชัยยะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จุดเกิดเหตุจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณบ้าน เนื่องจากระยะเวลาที่เด็กหายไป 3-4 ชั่วโมง และตัวเด็กให้การว่ามีลักษณะเป็นพงหญ้างข้างทาง โดยตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุให้แน่ชัด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี


ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการชันสูตรบาดแผล ด.ญ.บี พบร่องรอยการถูกกระทำชำเราจริง โดยขณะนี้เด็กได้ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พระนครศรีอยุธยา
เบื้องต้นนายคนึง ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าพาตัวเด็กไปจริง แต่ไม่ได้ข่มขืน ซึ่งตำรวจยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา เนื่องจากมั่นใจในพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะสามารถเอาผิดผู้ต้องหา และแม่ของเด็กได้ และจากการตรวจสอบประวัตินายคนึง เคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ เพิ่งพ้นโทษมาได้ปีเศษ

ด้าน น.ส.ซี แม่ของเด็กให้การรับสารภาพว่า ที่พาลูกหนี เพราะถูกข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ขณะที่สหวิชาชีพ เปิดเผยว่า สภาพจิตใจของแม่เด็ก ยังอยู่ในอาการตกใจ หวาดกลัว ส่วนเด็กหญิง มีสภาพจิตใจดีขึ้น ยังอยู่ในความดูแลของ พม. ซึ่งเด็กพร้อมให้ญาติไปเยี่ยมได้ ส่วนการคืนเด็กกลับครอบครัว ต้องมีการประเมินร่างกาย จิตใจ ทั้งนี้ต้องใช้เวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเด็กด้วย ส่วนแม่เด็กหลังจากรับโทษแล้ว คาดว่าจะไม่สามารถเข้ามาดูแลเด็กได้อีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook