ฟังอีกมุม เจ้าบ่าวโต้เทงานแต่ง แค่อยากเลื่อน เจอพิษโควิด ติดปัญหาเรื่องสินสอด

ฟังอีกมุม เจ้าบ่าวโต้เทงานแต่ง แค่อยากเลื่อน เจอพิษโควิด ติดปัญหาเรื่องสินสอด

ฟังอีกมุม เจ้าบ่าวโต้เทงานแต่ง แค่อยากเลื่อน เจอพิษโควิด ติดปัญหาเรื่องสินสอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฝ่ายชายโต้ ไม่ได้เทงานแต่ง แต่บอกเลื่อนงานเพราะสถานการณ์โควิด แต่ฝ่ายหญิงจัดการเองหมด โดยไม่ปรึกษา

จากกรณีคู่บ่าวสาวกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ เตรียมงานทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่กลับถูกเทงานแต่งฟ้าผ่า ครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวขอยกเลิกงานแต่ง ด้วยเหตุผลไม่มีเงินสินสอด ขณะที่ตัวเจ้าสาวติดต่อเจ้าบ่าวไม่ได้ ทำให้คิดสั้นฆ่าตัวตาย จนเป็นกระแสดราม่าในสื่อโซเชียล ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา 

ล่าสุด วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ไปพบ นายกฤษฎา หรือ เกม อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า ตนเองกับฝ่ายหญิงได้คบหากันมาเป็นระยะเวลาประมาณ 9 ปี ตลอดเวลาที่คบกัน ตนเองได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะให้ทำอะไรไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ที่บ้าน ตนเองไม่เคยทำ

ตนเองตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา แก้ไขตัวเองในทุกๆ เรื่อง ปรับเปลี่ยนตัวเองจน จนในบางครั้งตนเองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากไปไหนทำอะไร หรือแม้กระทั่งมากินข้าวกับครอบครัว ก็ไม่ค่อยจะได้มา ต้องอยู่กับฝ่ายหญิงตลอดเวลา เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ต้องคุยโทรศัพท์ด้วยตลอดเวลา

และหากถามในเรื่องว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีคนอื่นหรือเปล่านั้น เราทั้งคู่ไม่ได้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไปมีคนอื่น ฝ่ายหญิงมีความจริงจังกับตนเองมาก มีความตั้งใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น ฝ่ายหญิงได้พูดเรื่องที่จะแต่งงานมาโดยตลอด เพราะฝ่ายหญิงได้พูดว่า เลข 7 เป็นเลขอาถรรพ์ กลัวจะเลิกกัน จึงอยากจะแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันจึงขอให้พ่อแม่ฝ่ายชายมาสู่ขอ อยากมีครอบครัว อยากอยู่ด้วยกัน

ซึ่งตนเองก็รู้ว่าครอบครัวที่บ้านยังไม่พร้อม ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันและโควิด-19 ที่กำลังระบาดทำให้ที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ตนเองจึงไม่ได้นำเรื่องที่ฝ่ายหญิง เร่งรัดเรื่องงานแต่งงานมาคุยกับพ่อแม่ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ไม่สบายใจ

เรื่องทั้งหมดนั้นตนเองได้เก็บไว้ฝ่ายเดียว และได้ตอบกลับฝ่ายหญิงไปว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง ได้หาเหตุผลต่างๆ เพื่อเลื่อนการสู่ขอออกไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีงานประจำ ทำงานที่ร้านกับพ่อ เงินที่ใช้จ่ายก็ยังเป็นเงินกงสี ไม่ได้มีเงินเดือน

กระทั่งล่าสุดคือฝ่ายหญิงบอกว่าถ้ายังไม่มาสู่ขอก็จะเลิก และมีการทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรง และสุดท้ายตนเองก็ยอมและได้มาคุยกับพ่อแม่ และได้มีการตกลงเรื่องสินสอดกัน หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงได้ก็ได้จัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง การหาฤกษ์แต่งงาน และจองจัดเตรียมงานทุกอย่าง ซึ่งในตอนนั้นตนเองคิดว่าคงจะสามารถหาเงินสินสอดมาได้

แต่พอในช่วงนี้ เศรษฐกิจย่ำแย่ และตนเองก็รู้ดีว่าพ่อแม่ไม่พร้อม แต่อีกใจหนึ่งตนเองก็สงสารฝ่ายหญิงเพราะฝ่ายหญิงได้เตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆ ไว้แล้ว โดยเมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงานนั้น ทางพ่อและแม่ได้ขอเลื่อนงานแต่งงานไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีค่าสินสอด

รวมไปถึงตอนนี้อยู่ในช่วงโรคโควิดระบาด แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วก็จะจัดการเลี้ยง งานแต่งงานให้เหมือนเดิม แต่ทางฝ่ายหญิงได้มาปรึกษาพูดคุยกับตนเองว่า ขอให้ไปจดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 14 พ.ย. และเอาสินสอดมามอบให้ตนเอง และไปถ่ายรูปเก็บไว้

โดยจะมีการไปถ่ายภาพกันในสตูดิโอแห่งหนึ่ง และจะมีการนำเอาเงินสินสอดมาวาง และเอาทะเบียนสมรสมาถ่ายภาพที่สตูดิโอ โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่เตรียมการทั้งหมด ในตอนนั้นตนเองรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิง และคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หรืองานแต่งงานใดๆ ทั้งสิ้น

โดยตนเองคิดว่าจะจบปัญหาทั้งหมดโดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าตนจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงได้กินยาฆ่าตัวตาย และโทรให้กู้ภัยมารับเพื่อพาไปหาหมอ ซึ่งตนเองเมื่อทราบก็ได้รีบไปที่โรงพยาบาลทันที่ และทางแม่ของฝ่ายหญิงได้บอกกับตนเองว่า ถ้าไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเพียงเท่านี้เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกของตนเองได้

หลังจากนั้นในวันที่ 12 พ.ย. ตนเองก็ได้คิดจะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาต่างๆ และไม่อยากรับรู้เรื่องทั้งหมด โดยการขับรถออกจากบ้านไปนอนที่ชายทะเล เพื่อให้คลื่นซัดและจมน้ำ และสุดท้ายคลื่นก็ซัดไปอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่ง จนได้ไปอาศัยอยู่ที่วัดจนถึงวันที่ 15 พ.ย. จนพี่สาวตนเองไปตามหาจนเจอ เพราะตนเองได้เอารถไปจอดไว้บริเวณชายทะเล

นายกฤษฎา หรือ เกม ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะหลังๆ มา ตนเองไม่เคยได้จับมือถือเลย ฝ่ายผู้หญิงจะเป็นคนถือและคอยโพสต์โน้นนั่นนี่อยู่ตลอด และบางครั้งมีญาติๆ เข้ามาคอมเมนต์หยอกล้อ ก็จะโดนด่าตอบไป ทำให้หลายคนแปลกใจเพราะนิสัยตนไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว และมารู้ความจริง ก็หลายๆ เรื่องประดังออกมา ซึ่งทุกคนก็ดีใจที่ตนเองได้เป็นอิสระ ส่วนเรื่องจะแจ้งความก็ว่ากันไปในอนาคต

ด้าน นางสาวรุ่งนภา แม่ของนายกฤษฎา หรือ เกม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แม่และพ่อรับรู้ว่าทั้งคู่คบกัน ไม่เคยขัดใจอะไรลูก ตามใจลูก ไม่ว่าลูกจะทำอะไร  และจากภายนอกที่เห็น ก็เห็นว่าทั้งคู่ก็รักกันดี  ทั้งคู่คบกันนั้นตนก็ไม่เคยเข้าไปวุ่นวายอะไรกับลูก

ในช่วงที่น้องเกมเข้ามาคุยเรื่องที่จะให้ไปสู่ขอฝ่ายหญิงนั้น ตนเองก็ขอผลัดลูกไปหลายๆ ครั้งเพราะ พ่อกับแม่ยังไม่พร้อม ซึ่งน้องเกมก็เข้าใจเพราะน้องเกมทำงานที่บ้านก็จะรู้เรื่องงาน เรื่องการเงินของที่บ้านเป็นอย่างดี และตนเองได้บอกไปว่าถ้าทุกอย่างพร้อม สินสอดพร้อมก็จะไปสู่ขอ และจัดการเรื่องแต่งงาน แต่ไม่เคยห้ามไม่ให้คบกัน

ล่าสุด นั้นทางน้องเกมได้มาบอกตนเองว่าให้ไปพูด ไปคุยกับทางฝ่ายหญิง เพราะฝ่ายหญิงเรียกไม่แพง เพราะทางแม่ฝ่ายหญิงได้บอกกับน้องเกมว่าแล้วแต่ฝ่ายชายจะให้ เพราะรู้ว่าทางครอบครัวเราอยู่กันยังไง สภาพครอบครัวเป็นยังไง ก็เลยตัดสินใจไปพูดคุยกับฝ่ายหญิง

เมื่อไปพบทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นจำนวนเงินและทองเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งตนเองก็ได้ต่อรองในส่วนของสินสอดเพราะเป็นจำนวนเงินที่มาก เพราะทางครอบครัวเราก็หาเช้ากินค่ำ ทางฝ่ายหญิงก็ได้ลดให้

และเมื่อกลับมาจากที่ไปคุยกับฝ่ายหญิง ตนเองและสามีก็ได้บอกกับลูกว่า ว่าช่วงนี้เป็นช่วงโควิดจัดงานอะไรไม่ได้ รายได้ก็ไม่ค่อยดี ขอผลัดลูกไปสักปีหน้า และค่อยจัดงานใหญ่ทีเดียว แค่ขอเลื่อนไม่ได้ยกเลิกงาน และในส่วนที่จะไปจดทะเบียนกันนั้น ทางพ่อและแม่ไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้มาปรึกษาหรือบอกกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น ว่าจะทำอะไร

แต่ในช่วงที่ไปถ่ายพรีเวดดิ้งนั้น น้องเกมก็ได้มาเล่าให้แม่ฟัง โดยตนเองก็ได้เตือนลูกไปว่า ทำอะไรให้ประหยัดๆ อะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปทำ เพราะเงินทองไม่มี และในส่วนเรื่องงานแต่งงานนั้น พ่อกับแม่ขอเลื่อนไปก่อนเพราะยังเงินสินสอดยังไม่ครบ และในช่วงนี้เป็นช่วงโควิดการจัดงานในช่วงนี้ก็ลำบาก

และทางน้องเกมคงไปบอกฝ่ายหญิง และฝ่ายหญิงได้ลงเฟซบุ๊กว่า"ขอเลื่อนงานแต่งงานนะคะ" เมื่อพ่อและแม่เห็นก็สบายใจเพราะลูกเข้าใจ แต่เรื่องที่จะจดทะเบียนกันเอาสินสอดไปให้นั้น ทางน้องเกมไม่ได้มาคุยมาปรึกษา จนมารู้เมื่อแม่ทางฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่าตนเองเรื่องการเลื่อนงานแต่งงาน

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองได้คุยกับลูกว่าจะเอายังไงต่อ น้องเกมได้บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ แต่ตนเองก็ได้สังเกตดูลูกมาโดยตลอดเห็นว่าลูกหน้าตาไม่ยิ้มแย้ม ไม่ค่อยพูดคุย ก็รู้ว่าลูกคงมีความทุกข์มากแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง

และในวันที่ 12 พ.ย. ที่น้องหายไป ทางบ้านได้ตามหา วันที่ไปเจอน้องเกมนั้น ตัวน้องได้บอกว่าสิ่งที่ตนเองทำไปการคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้น ไม่ได้ทำไปเพราะประชดพ่อและแม่ แต่แค่เพียงต้องการจบปัญหาทั้งหมดที่ตัวเอง เรื่องราวทั้งหมดไม่อยากให้พ่อและแม่รับรู้เรื่องไม่ดี

ในขณะที่ นางสาวสุพัตรา พี่สาวของนายกฤษฎา หรือ เกม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยรู้เรื่องการเลื่อนงานแต่งงาน มาก่อนจนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. แม่ได้โทรมาบอกว่าน้องชายหายไป ตนเองจึงได้มาอยู่กับแม่ และในคืนนั้นน้องชายก็ไม่ได้กลับบ้าน

ซึ่งในวันนั้นทางฝ่ายหญิงได้โทรหาตนเอง และตนเองได้สอบถามไปว่าบอกได้มั้ยว่าที่อยู่ที่ไปอยู่ด้วยกันนั้นอยู่ตรงไหน เพราะตนเองก็กลัวว่าน้องชายจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะก่อนหน้านี้น้องชายได้พูดเป็นลางกับแม่อยู่ตลอดว่า ไม่รู้จะอยู่ถึงวันแต่งงานหรือเปล่า ตนเองต้องการหาน้องชายให้เจอเพราะทุกคนที่บ้านเป็นห่วง

หลังจากนั้นก็ได้ลงเฟซบุ๊ก ประกาศหาน้องชายจนเจอ หลังจากนั้นทางฝ่ายหญิงได้โทรมาและถามว่าจะเอายังไงและเจอเกมหรือยัง ซึ่งตนเองได้บอกว่าขอคุยกับทางเกมก่อน ซึ่งในระหว่างนั้น ทางฝ่ายหญิงได้เสนอว่าถ้าทางฝ่ายชายจบ ฝ่ายหญิงก็จบ เพราะแม่ฝ่ายหญิงได้บอกว่าอยากให้ลูกสาวตนเองมีชีวิตใหม่

และตนเองได้โทรไปคุยกับแม่ว่าเกมว่ายังไง เพราะทางฝ่ายหญิงได้บอกมาแบบนี้ ซึ่งทางเกมก็ได้บอกว่าจบ และสิ่งที่เราพูดคุยกันในครอบครัว คือทางฝ่ายหญิงโทรมาว่าพ่อของฝ่ายหญิงไม่ยอมและจะไปแจ้งความ จะคุยกันที่โรงพักอย่างเดียว ซึ่งจากที่นัดกันก็ได้เลื่อนมาโดยตลอดและยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook