โยมพ่อเล่าประวัติ พระสำนักสงฆ์โลงแก้ว เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เคยหลงป่าไปเจอผีบังบด

โยมพ่อเล่าประวัติ พระสำนักสงฆ์โลงแก้ว เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เคยหลงป่าไปเจอผีบังบด

โยมพ่อเล่าประวัติ พระสำนักสงฆ์โลงแก้ว เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เคยหลงป่าไปเจอผีบังบด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โยมพ่อเล่าประวัติ พระอาจารย์สำนักสงฆ์โลงแก้วที่กำลังเป็นข่าว เรียนจบวนศาสตร์ ทำงานที่ห้วยขาแข้ง เคยหลงป่า 3 วัน 3 คืน ไปเจอผีบังบด

กรณีนายสันติ อายุ 33 ปี ร้องให้หมอปลาช่วยเหลือ หลังแม่ อายุ 49 ปี ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ซำป่าหัน ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี แล้วนำเงิน 3 แสนบาท ให้พระเจ้าสำนักสงฆ์สร้างโลงแก้ว เพราะบรรลุธรรมแล้ว จะเตรียมระสังขาร วันที่ 30 ตุลาคม 2564 ซึ่งจะนำร่างไปใส่โลงแล้ว เพื่อมุ่งสู่นิพพาน ร่างจะไม่เปื่อยเน่า ร่างกายจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งน้องสาวก็มีความคิดเหมือนแม่ และเตรียมละสังขารในวันที่ 18 มีนาคม ซึ่งเป็นวันเกิด ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี สั่งให้นายอำเภอกู่แก้ว และส่วนเกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์เพี้ยนอย่างละเอียดตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่สำนักสงฆ์ซำป่าหัน ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี พระอาจารย์สุนิตร อินทะคุโต อายุ 40 ปี พร้อมด้วยญาติโยม และ ลูกศิษย์ 4-5 คน อยู่ในสำนักสงฆ์ตามปกติ ส่วนศาลาที่ไว้โลงแก้ว ยังไม่มีการก่อสร้างต่อ เมื่อพระอาจารย์สุนิตรพบนักข่าวก็แสดงอาการไม่พอใจ  พร้อมกับเปิดเผยว่า รู้สึกไม่สบายใจการนำเสนอข่าวที่ผิดเพี้ยน ถ้าจะให้กลับไปอยู่ที่วัดต้นสังกัดที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ตนเห็นว่าคณะสงฆ์ที่มาพบก็ไม่ให้ความกระจ่าง ว่าตนผิดตรงไหนก็ต้องแจ้งให้ตนทราบ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็มาทำแบบนี้ รู้สึกสังเวชกับการทำข่าว และการที่บอกว่ามาช่วยเหลือเกื้อกูล มันเหมือนมาทำร้ายมากกว่า ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ปรากฏ คำพูดของตนก็ผิดเพี้ยนไปหมดเลย

ส่วนนายประสิทธิ์ พันธุ์พรม อายุ 60 ปี พ่อพระอาจารย์สุนิตร เปิดเผยว่า พระสุนิตร เรียนจบวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง 6 ปี  ส่วนสาเหตุการลาออกมาบวชนั้น คิดว่าลูกเคยหลงป่า 3 วัน 3 คืน แล้วไปพบกับผีบังบด พระสุนิตร เล่าให้ตนฟังว่า กลุ่มลาดตระเวนรักษาป่า จะมีกลุ่มละ 6 คน ส่วนกลุ่มพระสุนิตร มี 3 คน ซึ่งกลุ่ม 6 คนไปลาดตระเวนก่อน เมื่อไปถึงแหล่งน้ำที่สัตว์ป่าจะลงมากิน แล้วพบโขลงช้างก็จะถูกช้างไล่ทำร้าย ต่างวิ่งหนีแตกกระเจิงเพื่อเอาตัวรอด เมื่อรอดชีวิตออกมาได้ก็จะขอลาออกกันไป

นายประสิทธิ์ เปิดเผยต่อว่า วันต่อมาถึงเวรกลุ่มพระสุนิตรกับเพื่อน 3 คน เข้าไปลาดตระเวน ก็พบกับช้างที่ถูกกลุ่มลาดตระเวนก่อนหน้ายิงปืนไล่ ได้เข้ามาไล่ทำร้ายกลุ่มพระสุนิตร ทำให้ต่างวิ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในโขดหินจนปลอดภัย แต่หาทางกลับไม่ได้ 3 วัน 3 คืน จนมืดค่ำพระสุนิตรจึงนำดอกไม้มาไหว้ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาขอให้เปิดทางกลับไปยังที่พัก เมื่อไหว้เสร็จก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสาวชาวบ้านจำนวนหลายคนพูดคุยและเดินกันมา คิดว่าเป็นกลุ่มคนจะกลับบ้าน จึงเดินไปดักทางบอกหลงทาง กลุ่มผู้หญิงจึงพากลับบ้านด้วย ซึ่งมีบ้าน 10 กว่าหลัง เป็นหมู่บ้านเลื่อนลอย ชายผู้นำหมู่บ้านบอกว่าพวกตนหลงป่าตื่นเช้าจะพาไปส่ง พอรุ่งเช้าก็พามาส่งที่ปากทาง พอหันกลับไปดูก็ไม่เห็นพวกมาส่งอีกเลย จึงคิดว่าคนพวกนั้นเป็นผีบังบด

เมื่อรอดชีวิตจากการหลงป่ามาได้ ลูกชายก็ศึกษาเรื่องธรรม ทำงานครบ 6 ปีก็ลาออก กลับมาบ้านมาบอกพ่อแม่ว่าจะบวช ทีแรกคิดว่าลูกจะบวช 1 พรรษา แล้วสึกออกมารับราชการ หวังให้ลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะตนเป็นเพียงชาวนา จึงพาไปบวชที่วัดอนาลโยภูค้อ ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี จากนั้นก็ไม่ยอมสึกอีกเลย และยังไม่มีครอบครัว ตนอยากให้ลูกลาสึก จึงบอกกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันว่า ถ้าใครทำให้พระสึกได้ จะไปขอเป็นสะใภ้ ที่ย้ายมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ซำป่าหันแห่งนี้ได้ 2 ปี เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ เพื่อจะได้ดูแลพ่อแม่ 

พ่อพระสุนิตร

นายประสิทธิ์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนเรื่องการโลงแก้ว ตนก็ได้รู้จักและเห็นผู้หญิงคนดังกล่าว มาปฏิบัติธรรมได้ 3 เดือน เป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี มีศักดิ์ศรี อัธยาศัยดี มีฐานะ เป็นคนมีสติ มานอนที่สำนักสงฆ์กับเพื่อน 4-5 คน  รวมทั้งแม่ชี 2 คน พอมีข่าวออกไป รู้สึกว่าข่าวเพี้ยน ลักษณะใส่ร้ายลูก ทำให้ไม่พอใจ ขอให้นำเสนอข่าวตรงไปตรงมา อย่าไปหนักฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในอนาคตตนไม่อยากให้พระสึกออกมา อยากให้ออกจากสำนักสงฆ์แห่งนี้   ฝากถึงหมอปลาว่า อย่าใส่ความ ให้สืบดูทั้งสองทาง เหมือนคำที่ว่า “จะเคี้ยวอะไร ให้เคี้ยวละเอียด อย่าเพิ่งกลืน เดี๋ยวมันติดคอ”  หรือ “ไปให้สุด ขุดให้ถึง ถ้าไม่มีน้ำ ถึงหยุด “  อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน

ส่วนนายบรรจง อายุ 51 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านซำป่าหัน ต.บ้านจีต อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี  ซึ่งเป็นชาวบ้าน เปิดเผยว่า ปกติชาวบ้านก็จะใส่บาตรกับพระประจำหมู่บ้านอยู่แล้ว แต่กิจนิมนต์จะไม่นิมนต์พระอาจารย์มาที่บ้าน ซึ่งพระอาจารย์จะบิณฑบาตในหมู่บ้าน และชาวบ้านก็นับถือ เพราะเป็นพระอยู่แล้ว แต่ตนและชาวบ้านไม่ได้ไปคลุกคลีกับพระในสำนักสงฆ์ เพราะหมู่บ้านก็มีวัดอยู่แล้ว  แต่พระที่สำนักสงฆ์ก็ไม่เคยเข้าไปเคารพเจ้าอาวาสที่วัดในหมู่บ้าน ตนไม่เคยไปร่วมกิจกรรม แต่ญาติพี่น้องและชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสำนักสงฆ์นับถือศรัทธาเข้าไปร่วมกิจกรรม ไม่เคยรู้ว่าสำนักสงฆ์ทำโลงแก้ว พอมีข่าวจึงได้รู้  ตนก็เคยได้ยินคำสอนของพระอาจารย์สุนิตรอยู่เหมือนกัน เมื่อฟังแล้วคิดว่ามันไม่เข้าหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา หากใครจิตอ่อนก็อาจคล้อยตามไปเรื่อยๆ ก็มีชาวบ้านที่ไปแบบนั้นอยู่ ซึ่งลักษณะคำสอนนั้นเป็นแบบสุ่มเสี่ยง และมาจากลัทธิอื่น

โดยเมื่อวานพ่อของพระก็มาพูดอยู่ที่นี้ว่า มันไม่ใช่แล้วแบบนี้ ที่จะมาบรรลุอรหันต์เอง รู้ในเรื่องอนาคตกำหนดอนาคตอะไรแบบนี้ ส่วนบางคนที่ไปหลงใหลในคำสอนของพระ เพราะจะเป็นในพวกจิตอ่อนๆ เป็นส่วนมาก บางคนก็รับข่าวสารจากทางเดียวไม่ยอมมาฟังจากพระทางอื่นเอาไว้ด้วย ตนเลยมองว่าชาวบ้านที่เป็นแบบนี้อาจจะมีความเชื่อส่วนบุคคล ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกเคยเห็นแต่ในข่าวทางอื่น ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับที่บ้านของตน แต่ก็มีความคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่จะมาตายในวันที่ 30 ตุลาคม นี้ แต่ชาวบ้านกลัวว่ากระแสข่าวถ้าไม่ตายก็กลัวจะฆ่าตัวตายแทน ชาวกลัวว่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งคงต้องปล่อยให้สำนักพุทธศาสนา และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาจัดการ และให้เอากฎหมายเข้าช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้

นายรักศักดิ์ เทียนไชย นายอำเภอกู่แก้ว จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตอนนี้ให้ทางเจ้าคณะอำเภอกู่แก้ว เป็นผู้ดำเนินการจะมีการผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ ซึ่งทราบว่า พระอาจารย์สุนิตร อินทะคุตโต ต้นสังกัด อยู่ที่วัดใน อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี โดยได้ประสานไปแล้ว ทางเจ้าคณะอำเภอวังสามหมอ มารับตัวกลับไปที่วัดต้นสังกัด อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการในการสอบวินัย เข้าข่ายผิดหรือไม่

ส่วนสำนักสงฆ์ซำป่าหัน ไม่ได้มีการขึ้นจดลงทะเบียนเอาไว้ เป็นเพียงแค่ ที่พักสงฆ์เท่านั้น ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. ของชาวบ้านทำกิน เป็นการครอบครองของราษฎร แต่ได้มีการยกให้ทำสำนักสงฆ์ขึ้นมา ซึ่งไม่ถูกต้อง หากมติคณะสงฆ์ ของอำเภอกู่แก้ว ให้คณะสงฆ์อำเภอวังสามหมอ มารับพระรูปนี้กลับไปวัดต้นสังกัด แล้วสำนักสงฆ์ซำป่าหัน ก็จะโดนปิดเอาไว้ก่อน เพราะไม่มีพระสงฆ์อยู่ที่นี่ หากชาวบ้านจะมาใช้พื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรมก็ทำได้ ในตอนนี้ พระอาจารย์สุนิตร อินทะคุตโต ยังอยู่ในสำนักสงฆ์ซำป่าหัน ยังไม่ไปไหน 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook