"พระมหาไพรวัลย์" เกลี้ยกล่อมหญิงอ้างเป็นอรหันต์ ไม่ให้ละสังขาร ไม่ฟังแถมสั่งสอนพระกลับ!

"พระมหาไพรวัลย์" เกลี้ยกล่อมหญิงอ้างเป็นอรหันต์ ไม่ให้ละสังขาร ไม่ฟังแถมสั่งสอนพระกลับ!

"พระมหาไพรวัลย์" เกลี้ยกล่อมหญิงอ้างเป็นอรหันต์ ไม่ให้ละสังขาร ไม่ฟังแถมสั่งสอนพระกลับ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พระมหาไพรวัลย์" สุดเป็นห่วง หญิงคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์เตรียมตัวละสังขาร พยายามยกพุทธประวัติมาสอน อีกฝ่ายไม่ฟังแถมสอนพระกลับว่ายังไม่ถึงแก่น

จากกรณีที่ นายสันติ อายุ 33 ปี เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว รวมทั้ง นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กรณีที่แม่ของตนอายุ 49 ปี มีความเชื่อในพิธีกรรมทางศาสนาเกี่ยวกับการละสังขาร ซึ่งได้รับการปลูกฝังมาจากพระสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง คิดว่าตัวเองมีดวงจิต 2 ดวง ประทับอยู่ในร่าง เชื่อว่าจะละสังขารในวันที่ 30 ตุลาคม 2564 โดยจะจบกิจที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งทางวัดมีการสร้างโลงแก้วรอไว้แล้ว นอกจากนี้ยังชวนลูกสาวอายุ 19 ละสังขารตามไปด้วยในช่วงเดือนมีนาคม 2565

ล่าสุด (28 ต.ค.64) หมอปลา ได้นิมนต์ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้ไลฟ์ผ่านเพจ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ขณะที่พยายามจะพูดคุยกับหญิงวัย 49 ปี รายนี้ โดยพระมหาไพรวัลย์ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการละสังขารของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล และขอให้หญิงรายนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ใช้ชีวิตเพื่อเป็นความสวยงามของตัวเอง ของลูกสาว หรือของใครก็ตามที่จะได้ประโยชน์จากการฟังธรรม

"สมัยพุทธกาล ตอนที่พระอานนท์รู้ว่าพระพุทธเจ้าจะละสังขารก็เสียใจมาก พยายามทูลขอให้พระพุทเจ้าอยู่ต่อ พระพุทธเจ้าที่ท่านปลงสังขาร เพราะท่านเห็นแล้วว่าร่างกายสังขารท่านไม่เอื้อ พระพุทธเจ้าเป็นคนมีโรค เป็นปักขันทิกาพาธ (ถ่ายเป็นโลหิต) ก็เห็นว่าอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าจะดำรงขันธ์ให้อยู่ก็อยู่ท่าน ท่านบอกท่านอยู่ได้ถึง 120 ปี ถ้าท่านจะอยู่ แต่ท่านเห็นว่าศาสนาของท่านแพร่หลาย จึงได้มอบศาสนาของท่านให้พระอานนท์ พระมหากัสสปะ อยู่และทำประโยชน์ต่อไปอีก"

"อาตมาอยากจะขอให้แม่อยู่ต่อไปอีก ใช้ชีวิตเพื่อความสวยงาม เพื่อความงดงามต่อไปอีก ถ้ามันมีเหตุปัจจัยให้อยู่ได้ อยู่เพื่อเป็นความสวยงามของตัวแม่เอง ของลูกสาวแม่ หรือใครก็ตามถ้าได้ฟังธรรมจากแม่ คุยกับแม่ แม่อย่าไปบังคับธาตุขันธ์แม่ ให้ธาตุขันธ์แม่มันทำงานของมัน ถ้าอยู่ต่อได้ก็อยู่ต่อเถอะแม่ แล้วจะเป็นกุศล"

ด้านหญิงรายดังกล่าวพยายามโต้แย้ง พระมหาไพรวัลย์ ระบุว่า ถ้าไม่ตายค่อยว่ากันใหม่ แต่ทุกคนก็ต้องตายเมื่อมันถึงวาระเวลา เกิดมาตั้งแต่แรกเกิดก็ตายได้ ตายตั้งแต่อยู่ในท้องก็ตายได้ เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมนุษย์นี้ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะเห็นความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะพิจารณาอสุภะอยู่เรื่อยๆ เนืองๆ ใช่ไหม พร้อมพูดในเชิงว่าพระมหาไพรวัลย์ ยังดูไม่ออกเพราะยังไม่ถึงแก่นแท้ ถ้าถึงแก่นแท้จริงจะดูออกนะ 

พระมหาไพรวัลย์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เชื่อว่าเค้าปักใจคิดแบบนั้นไปแล้ว พระได้ใส่ Mindset วิธีคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมผิดๆ ไปแล้ว อยากให้ติดตามไม่ให้คลาดสายตา ถ้าตอนนี้เขาอยากจะผ่อนคลายอะไรก็ให้เขาทำ เขาพูดเหมือนเขามั่นใจว่าถึงเวลาที่จะละสังขารแล้ว เพราะเขาบอกว่าเขากำหนดจิตเขาได้ เหมือนว่าเขาเห็นตัวเขาว่าเป็นพระอริยะบุคคลไปแล้ว ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้นไม่มีทางเป็นได้เลย อันนี้น่าจะเป็นสัญญาวิปลาส คิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์

พระมหาไพรวัลย์ ระบุอีกว่า น่าเป็นห่วงมาก หลังๆ จะมีแบบนี้เยอะที่ปฏิบัติธรรมแล้วเห็นตัวเองเป็นพระอริยะ ก็จะมีการคิดแบบแปลกๆ เช่นเห็นนู่นเห็นนี่ สื่อข้างในตัว มีจิต 2-3 จิต รู้วัน รู้อนาคตล่วงหน้า รู้วันที่จะตาย ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาไม่มีอย่างนี้ พร้อมบอกลูกชายให้ช่วยดูแลแม่อย่างใกล้ชิด อย่าให้คลาดสายตา อุปกรณ์ที่ทำอันตรายร่างกายตัวเองได้ให้เก็บให้หมด

"ความน่าเป็นห่วงของการปฏิบัติธรรมในยุคนี้ ก็คือแบบนี้ ปฏิบัติแล้วไปไหนไม่รู้ ปฏิบัติแล้วจิตหลุดไม่อยู่กับเนื้อกับตัว น่ากลัวเพราะเค้าเชื่อแบบสุดใจไปแล้ว เค้าไม่ฟัง เคสนี้เค้ามีลูกสาวเค้าที่เชื่อ ถ้าลูกเค้าเชื่อก็จบแล้วเราจะไปทำอะไรได้ เคสอื่นๆ ถ้าลูกเค้าไม่โอเคก็ช่วยได้ แต่เคสนี้ลูกสาวเค้าเห็นด้วยกับแม่เค้า เราฟังเค้าพูดอย่างเดียวเพราะอยากรู้วิธีคิดเค้า"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook