โอกาสอีคอมเมิร์ซไทย
นั่นเป็นข้อสรุปจากการวิจัยของทีดีอาร์ไอ หรือ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยโดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของไทยนั้น ส่วนใหญ่มาจากอีอ๊อคชั่น หรือการประมูลงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีมูลค่าถึง 193,478 ล้านบาทหรือประมาณ 45% นอกนั้นก็จะเป็นเรื่องของสาขาคอมพิวเตอร์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอินเทอร์เน็ต ยานยนต์และชิ้นส่วน สิ่งพิมพ์ เครื่องใช้สำนักงาน ซึ่งรวมกันแล้วทั้งหมดทำให้มูลค่าการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย อยู่ที่ 427,480 ล้านบาท
ซึ่งกิจกรรมทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยก็จะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ซึ่งอยู่ที่ 56% และ 27% ตามำดับ ส่วนการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 10% และ 8% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก
จากงานสำรวจวิจัยของ ดร.สมเกียรติ ทำให้ทราบว่าปัญหาเรื่องการดำเนินการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้นมาจากโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีของไทยไม่ทันสมัยและระบบการชำระเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตและผ่านธนาคารมีค่าใช้จ่ายสูง โดยมีสัดส่วน 30% เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล 21.0% ความปลอดภัยในการชำระเงิน 20% ความไม่มั่นใจของลูกค้า 14% บุคลากรขาดความรู้ 10%
ผลจากการวิเคราะห์ด้วยสมการถดถอย โดยแบบจำลองที่มีตัวแปรที่ต้องการอธิบาย 6 คำถาม เช่น การใช้เว็บ ไซต์ การรับสั่งซื้อสินค้า การรับชำระและการชำระสินค้า และการใช้อีดีไอซึ่งเป็นอุปกรณ์แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ และตัวแปรที่ใช้อธิบาย 11 คำตอบ เช่น ขนาดของกิจการ ทักษะด้านไอซีที สถานที่ตั้งผู้ประกอบการ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยมีการสำรวจจากจำนวนัวอย่าง 7,000-9,000 สถานประกอบการ หลังจากการคำนวณเชิงสถิติ แล้วพบว่า
บริษัทขนาดใหญ่ และมีพนักงานจำนวนมาก มีการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ากิจการขนาดเล็ก เช่น ห้างหุ้นส่วนกิจการในภูมิภาคมีการทำธุรกรรม น้อยกว่ากรุงเทพฯ กิจการต่างชาติมีการทำธุรกรรม สูงกว่ากิจการไทยแท้ และพนักงานที่จบไอทีสูง จะมีการใช้อินเทอร์เน็ตสูง
จึงสรุปได้ว่า ยังมีโอกาสทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อีกมาก ควรมีการส่งเสริมกิจการขนาดเล็ก และกิจการในภูมิภาค ควรส่งเสริมเรื่องบรอดแบนด์และเปิดเสรีโทรคมนาคม ส่งเสริมการร่วมทุนกับต่างชาติ การเร่งออกกฎระเบียบรองรับธุร กรรมอิเล็กทรอนิกส์