เด้งผอ.ร.ร.กีฬากทม.เมินผู้ปกครองร้องลูกโดนรุ่นพี่รุมตื้บ

เด้งผอ.ร.ร.กีฬากทม.เมินผู้ปกครองร้องลูกโดนรุ่นพี่รุมตื้บ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากกรณีที่นายแสง (นามสมมติ) อายุ 34 ปี พา ด.ช.เค (นามสมมติ) อายุ 13 ปี และ ด.ช.นัน (นามสมมติ) อายุ 13 ปีนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร เข้าร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) กรณีถูกรุ่นพี่ชั้น ม.ปลายกว่า 30 คนรุมทำร้ายภายในห้องพักนักกีฬาจนได้รับบาดเจ็บ และเมื่อร้องเรียนต่อผอ.โรงเรียนเรื่องก็เงียบไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามที่เสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางไปที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร เพื่อพบและพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กที่ถูกรุ่นพี่ทำร้าย โดยนางทยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เรื่องที่เกิดขึ้ตทางคณะผู้บริหารไม่ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานครแต่อย่างใด เพิ่งจะทราบหลังจากผู้ปกครองเข้าร้องเรียนต่อทางมูลนิธิปวีณาฯ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมกับเด็กที่ถูกทำร้ายให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยมอบหมายให้นายภาณุภณ ไตรศรี ผอ.กองนันทนาการ เป็นประธานสอบ ซึ่งจะได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งรุ่นน้องที่บาดเจ็บ รุ่นพี่ที่ทำร้ายน้อง ผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งอาจารย์มาสอบสวน และให้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน โดยในระหว่างนี้ได้ออกคำสั่งให้นายณรงค์ สุขประกอบ หัวหน้าศูนย์ฝึกกีฬาเยาวชน (โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร) มาช่วยราชการที่สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) แล้ว ซึ่งหากผลการสอบข้อเท็จจริงออกมาแล้วพบว่านายณรงค์ผิดจริง ก็จะได้ดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป นางทยา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร เพราะเด็กนักเรียนอยู่ในความดูแลของ กทม.ขณะที่ผู้บริหารกลับไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ซึ่งจากการสอบถามและพูดคุยกับทางผู้ปกครองของน้องที่ถูกทำร้าย ทราบว่าน้องมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มีความหวาดกลัวและไม่ยอมไปเรียนหนังสือและไปซ้อมกีฬา ซึ่งตนจะได้ประสาน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม.ให้ส่งนักจิตวิทยาบำบัด เข้าไปบำบัดดูแลและพูดคุยกับน้องแล้ว และหากน้องต้องการที่จะย้ายโรงเรียน กทม.พร้อมที่จะโอนย้ายน้องไปที่โรงเรียนวัดทองสัมฤทธิ์ เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนกีฬาอีกแห่ง นางทยา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องนั้น จากการสอบถามพบว่ามีรุ่นพี่ยอมรับสารภาพว่าทำร้ายรุ่นน้องจริงรวม 13 คน ซึ่งตนอยากที่จะให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและไกล่เกลี่ยกันเองในเบื้องต้นก่อน เพราะรุ่นพี่ที่ทำร้ายรุ่นน้องเป็นเด็กชั้น ม.6 ซึ่งใกล้จะจบการศึกษาแล้ว จึงไม่อยากดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการตัดอนาคตของเด็กๆ ซึ่งหากรุ่นพี่ยอมรับสารภาพ รวมทั้งมีการขอโทษและยอมชดใช้ค่าเสียหายก็ถือเป็นทางออกที่ดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook