ตลาดวัสดุเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว ''แกรนด์โฮมมาร์ท''ปลื้มลูกค้าช็อป
แห่ช็อปซื้อของแต่งบ้าน เผยแม้ยอดขายหน้าร้านตก 20 %แต่รายได้ยังเกือบ 3 พันล้านมั่นใจไตรมาส 2 ปีหน้าแจ่ม ทั้งทุ่มงบ 100 ล้านบาทปรับโฉม 4 สาขารับการแข่งขัน
นางมาลี ทยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายโครงการ บริษัท
แกรนด์ โฮม มาร์ท จำกัด เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ถึงทิศทางของตลาดขายวัสดุตกแต่งบ้านว่าเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น นับตั้งแต่
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการบ้านจัดสรร สถาปนิก
ที่ต้องใช้วัสดุในการตกแต่งบ้านเริ่มเข้ามาสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งในโครงการบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ที่จำนวนยูนิตไม่มาก
โดยโครงการที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวได้แก่ บ้านจัดสรรที่มีจำนวน 20-30 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 1-2 ล้านบาทหรือคอนโดมิเนียมราคาล้านกว่าบาท เริ่มมียอดการสั่งซื้อสินค้า โดยเฉพาะโครงการ
ในแถบชานเมือง อย่างปากน้ำ สมุทรปราการ รังสิต ปทุมธานี เป็นต้น ซึ่งต่างจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งทุกอย่างยังดูนิ่ง ๆ
จากสัญญาณดังกล่าว เชื่อว่าปลายปีนี้เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัว แต่ยังเห็นภาพไม่ชัดเจนนักซึ่งเมื่อเทียบกับครึ่งปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนก็น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้าและปลายปี 2553 เนื่องจากงบประมาณต่าง ๆ ที่รัฐบาลอัดฉีดจะเริ่มเห็นผลชัด และจะยิ่งดีขึ้นในปี 2554
นางมาลี กล่าวว่า สำหรับยอดขายของบริษัทปีนี้นั้น แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่คือตลาดขายปลีกหน้าร้าน ซึ่งเป็นการขายรายย่อยถึงผู้บริโภคหน้าร้านโดยตรง สำหรับปีนี้คาดว่าจะลดลง
ในราว 20 % ส่วนตลาดที่ขายเป็นโครงการขนาดใหญ่นั้นแต่ละเดือนยอดขายยังทรง ๆ และบางเดือนยอดขายก็สูงกว่าปีที่แล้ว
ทั้งนี้แบ่งสัดส่วนออกได้ 40 %เป็นตลาดขายหน้าร้าน ส่วนอีก 60 %เป็นการขายในลักษณะเป็นโครงการต่าง ๆ ซึ่งการขายปลีกนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายจึงได้จัดรายการส่งเสริมการขาย ในลักษณะของวันเดย์ เซลส์ ซึ่งทำมาแล้ว 2 สาขาคือ สาขารัตนาธิเบศร์และรามอินทรา ได้รับความสนใจจากลูกค้า เพราะเป็นการนำสินค้าวัสดุก่อสร้างต่าง ๆมาลดราคา โดยร่วมมือกับผู้ผลิตที่ปกติจะให้ส่วนลดแก่บริษัท แต่เรานำไปจัดเป็นโปรโมชันเพื่อตอบแทนผู้บริโภคขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นการฉลองในโอกาสปรับโฉมใหม่ของร้านด้วย
ปีที่แล้วยอดขายเราทำได้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2 พันกว่าล้านบาท
แต่ปีนี้ตั้งไว้ในราว 2 พันกว่าล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ทุ่มงบประมาณอีก 100 ล้านบาทในการปรับปรุง สาขาทั้งหมดที่มีอยู่ 4 สาขา คือ งามวงศ์วาน รัตนาธิเบศร์ รามอินทรา และศรีนครินทร์
ให้ทันสมัย มีการจัดตกแต่ง และแบ่งแยกวัสดุตกแต่ง ตลอดจนถึงการจัดวางสินค้าใหม่ให้สะดุดตามากยิ่งขึ้น อีกทั้งจากการแข่งขันมีสูงจึงจำเป็นต้องปรับปรุงให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้