เอ็น.ซี.ฯ เร่งปล่อยสต๊อก บ้านค้างมูลค่าร่วม 5,000 ล.

เอ็น.ซี.ฯ เร่งปล่อยสต๊อก บ้านค้างมูลค่าร่วม 5,000 ล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เอ็น.ซี.เร่งปล่อยสต๊อกบ้านค้างมูลค่า 4,000-5,000 ล้าน ก่อนหาที่ดินใหม่และเอาที่ดินในมือ 800 ไร่มาพัฒนาโครงการต่อ มั่นใจปีนี้ยอดขายทะลุ 1,000 ล้าน หลังครึ่งปีแรกยอดโต 5% เทงบ 30 ล้านทำตลาดกระตุ้นยอด

น.พ.สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาอยู่ประมาณ 800 ไร่ ในย่านลำลูกกา รังสิต และพัทยา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะพัฒนา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่มีความชัดเจนมากนัก แต่ก็รอจังหวะที่พัฒนาโครงการออกมารองรับกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงขณะนี้ก็มองหาที่ดินเพื่อเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ด้วย ส่วนแผนในครึ่งปีหลังบริษัทจะเร่งขายสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้ต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้

โครงการใหม่ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในการหาที่ดินใหม่ ซึ่งยังไม่สรุปออกมา ส่วนโครงการของเราสต๊อกกำลังจะหมดลง คาดว่าในปลายไตรมาสที่ 3 นี้น่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ได้ โดยดูสภาพตลาดเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้กระแสเงินสดเริ่มเป็นบวกแล้ว เพราะตลาดเริ่มกลับมาดีขึ้น ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกบริษัทก็ทำกำไรได้ 47 ล้านบาท ตลอดทั้งปีน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะขาดทุนจากรายได้ต่ำและมีค่าใช้จ่ายสูง น.พ.สมเชาว์ กล่าวและว่า

สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 1,200-1,300 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้กว่า 600-700 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่วนโครงการที่คาดว่าจะปิดการขายได้ในปีนี้ น่าจะเป็นโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ พรีเมียร์ พาร์ค 7 และ 8 โครงการบ้านฟ้า กรีนพาร์ครอยัล พุทธมณฑล

น.พ.สมเชาว์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทได้จัดแคมเปญ เอ็นซี ควิก พลัส ออกมากระตุ้นตลาดด้วย อาทิ การมอบรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป การมอบแพ็กเกจท่องเที่ยวมัลดีฟส์ สำหรับผู้ที่โอนบ้านเร็วที่สุด และการมอบของตกแต่งบ้านสำหรับผู้ที่โอนบ้านภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น โดยปีนี้ได้ใช้งบประมาณการทำตลาดและโฆษณาประมาณ 30 ล้านบาท

สิ่งที่กังวลใจในช่วงปลายปี คือ เรื่องการเมือง และราคาน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าคงขึ้นราคาไม่เยอะ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าขึ้นเยอะคนจะลดการใช้ ราคาก็คงลดลงมา เรื่องการเมืองน่ากังวลใจมากกว่า ส่วนดอกเบี้ยมีแนวโน้มขึ้น แต่คงไม่เยอะ และคงไม่ต่ำกว่านี้ ถ้าขึ้นเยอะคนก็ไม่มีเงินจะซื้อ ซึ่งกลไกตลาดจะเป็นตัวควบคุมเอง ส่วนการแข่งขันก็ยังจะสูงเหมือนเดิม เพราะผู้ประกอบการต้องหาโปรโมชัน ทำตลาดมากขึ้น แต่ก็ไม่ลดราคากันมาก ซึ่งเราเองก็เพิ่มช่องทางและวิธีการทำตลาดมากขึ้น เช่น เรื่องการออกบูธ การเทเลมาร์เก็ตติ้ง การหาโปรโมชัน การใช้สื่อออนไลน์ การส่งเอสเอ็มเอส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook