ทริสปรับมุมมอง''RCL''เป็นลบ จับตาตั๋วสัญญาใช้เงินครบดีล

ทริสปรับมุมมอง''RCL''เป็นลบ จับตาตั๋วสัญญาใช้เงินครบดีล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร อาร์ ซี แอล ที่ BBB+ และเปลี่ยนแนวโน้มเป็นลบ เหตุผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดจากธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ชะลอตัว เกาะติดตั๋วสัญญาใช้เงินครบดีลมกราคมปีหน้า

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) (RCL)คงเดิมที่ระดับ BBB+ ในขณะเดียวกันก็ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น Negative หรือ ลบ จาก Stable หรือ คงที่ เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าประมาณการจากผลของภาวะธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือ

นอกจากนี้แนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และอุปทานส่วนเกินของเรือที่มีจำนวนมากยังเป็นปัจจัยกดดันต่อความสามารถในการสร้างผลกำไรและสภาพคล่องของบริษัทในระยะสั้นและระยะปานกลางด้วย

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวยังคงสะท้อนถึงคณะผู้บริหารของบริษัทที่มีความสามารถและประสบการณ์ ตลอดจนสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาคอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในเรื่องขนาดของกองเรือ ความถี่ในการให้บริการ และอายุเฉลี่ยของกองเรือที่ยังต่ำ

อันดับเครดิตจะได้รับผลกระทบในทางลบหากบริษัทไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อการจ่ายคืนตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะครบกำหนดในเดือนมกราคม 2553 ได้ภายในเดือนตุลาคม 2552 นี้ ทิรส ระบุ

ในขณะเดียวกันแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับมาเป็น Stable หรือ คงที่ หากบริษัทประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนพร้อมกับมีอัตราส่วนกำไรอยู่ในระดับที่น่าพอใจและสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเพื่อใช้ในการจ่ายคืนหนี้และการลงทุน

ทริสเรทติ้งรายงานว่าRCLเป็นผู้ประกอบการกองเรือสินค้าขนาดเล็ก หรือเรือฟีดเดอร์ (Feeder Business) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนในท้องถิ่นของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งสูงที่สุดในตลาดเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทยทั้งนี้เป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ 30 รายที่มีกองเรือขนาดใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปริมาณการค้าที่ลดลงส่งผลให้บริษัทต้องลดระวางบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ลงโดยการคืนเรือเช่าแก่ผู้ให้เช่าซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ของกองเรือ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 บริษัทมีระวางบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 52,128 ตู้ (TEU) โดยมีเรือของตนเองจำนวน 34 ลำ และมีเรือเช่าระวาง 7 ลำ โดยที่ความจุระวางในการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทลดลงประมาณ 8% จาก ณ สิ้นปี 2551

ด้านภาระหนี้ของRCL เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 33.7% ในปี 2550 เป็น 44.7% ในปี 2551 และ 44.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 เนื่องจากบริษัทมีการกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการซื้อเรือใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook