กมธ.งบฯข้องใจกรณ์ นัดประชุมพิเศษหลังปิดกล่องฒ53แล้ว คาดหวังเพิ่มงบฯให้สภา ระบุคุณต้องช่วยผมบ้าง

กมธ.งบฯข้องใจกรณ์ นัดประชุมพิเศษหลังปิดกล่องฒ53แล้ว คาดหวังเพิ่มงบฯให้สภา ระบุคุณต้องช่วยผมบ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่อาคารชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานีว่า ยังต้องจับตาราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด แต่แนวที่รัฐบาลวางมาทำให้เรามีกำลังที่จะเข้าไปดูแลแทรกแซงได้พอสมควร ที่เริ่มต้นไปแล้วคือลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2 บาทต่อลิตร ถ้ามีความจำเป็นจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม รัฐบาลก็จะทำ และจะไม่ทำให้ลุกลามบานปลายไปสู่การเพิ่มต้นทุนด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการขนส่ง เรื่องการเดินทาง และเรื่องของแพง

ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรค พท. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 แถลงว่า กมธ.พิจารณาการจัดสรรงบประมาณเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยงบฯปี 2553 อยุ่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท มีเกณฑ์พิจารณาคือ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2552 เพื่อดูประสิทธิภาพการใช้จ่าย พบว่า หน่วยงานที่เบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2552 มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ ศาล จำนวน 100 % ส่วนหน่วยงานที่เบิกจ่ายล่าช้าไม่เป็นไปตามเป้าหมายแผนงาน ขาดประสิทธิภาพ คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เป็นต้น

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า หลังปรับลดและเพิ่มแล้ว กระทรวงที่ได้รับการจัดสรรมากที่สุดคือ กระทรวงศึกษาธิการ 3.46 แสนล้านบาท รองลงมาคือกระทรวงการคลัง 2.15 แสนล้านบาท ส่วนกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรน้อยที่สุดคือ กระทรวงพลังงาน คือ1.8 พันล้านบาท ส่วนกระทรวงที่ถูกปรับลดมากที่สุดือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับลด 1.5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ดี กมธ.หลายคนสงสัยว่า เมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว ทำไมนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกมธ. จึงนัดประชุมด่วนนัดพิเศษอีกในวันที่ 24 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา โดยแจ้งทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปกติไม่มีการทำกันแบบนี้เพราะปิดกล่องไปแล้ว ใครจะมาขอแปรญัตติเพิ่มยังไม่สามารถทำได้ และยังไม่แจ้งวาระการประชุมด้วย จึงขอให้ช่วยติดตามตรวจสอบ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดประชุมกมธ.นัดพิเศษดังกล่าว ระบุเพียงว่า พิจารณาตรวจรายงานของกมธ. ทำให้ กมธ.หลายคน ตั้งข้อสังเกตว่า การเรียกประชุมดังกล่าว อาจเป็นการขอเปิดกล่องเพื่อปรับหรือเอาอะไรใส่เข้าไปอีก เนื่องจากได้ยินการสนทนาระหว่างคนที่ใหญ่ที่สุดในสภากับคนที่ใหญ่ที่สุดในรัฐบาลว่า ผมช่วยคุณมามากแล้ว คุณต้องช่วยผมบ้าง

นอกจากนี้ กมธ.บางคนยังเชื่อว่า จะมีการขอเพิ่มเติมงบของสภาเข้ามาราว 5 พันล้านบาท และเมื่อตรวจสอบวาระการประชุมสภาในสัปดาห์นี้ วันที่ 26 - 27 สิงหาคม จากเว็บไซต์ของสภา พบว่า ยังไม่มีการบรรจุวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ที่กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำหนดว่า จะให้สภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณวาระ 2 และ 3 ในวันดังกล่าว

ด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยขณะเยือนนครต้าเหลียน สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 25 สิงหาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมขออนุมัติงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็ง ในการจัดทีมจรยุทธ์เพือวิจัยและจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการส่งออกเฉพาะกิจ 1 ปี ในประเทศจีน 2-3 แห่ง โดยเฉพาะมณฑลแถบภาคอีสานของจีน เช่น ชิงเต๋า เหลียวหนิง เฮอหลงเจียง ซึ่งเป็นตลาดที่มีการขยายตัวสูงปีละ 10% ประชากรมีรายได้สูงกว่าหมื่นเหรียญสหรัฐฯต่อคนต่อปี

การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกไปจีนอาจติดลบบ้าง เพราะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าหลังเศรษฐกิจดีขึ้น อีกทั้งไทยผลักดันการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าครึ่งปีหลังจีนจะนำเข้าสินค้าไทยมากขึ้น นายอลงกรณ์ กล่าว

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์และอธิบดีทุกกรม เร่งจัดทำแผนของบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง ระยะ 2 ที่ให้ยื่นขออนุมัติครม.ภายใน 14 วัน โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้รับอนุมัติงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งเพียง 7.9 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างแบรนด์ไทย เป็นงบประมาณที่น้อยมากและไม่เพียงพอกับการดูแลด้านการส่งออกที่ทำรายได้เข้าประเทศถึงปีละกว่า 6 ล้านล้านบาท รวมทั้งต้องดูแลค่าครองชีพภายในประเทศด้วย ส่วนตัวเลขงบประมาณจะเป็นเท่าไหร่คงต้องประชุมอีกครั้ง เพื่อพิจารณาแผนงานงแต่ละหน่วยงาน คาดว่ากระทรวงพาณิชย์น่าจะได้รับงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งเพิ่มขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook