ชี้กอร์ปศักดิ์ทิ้ง สพช.เอาตัวรอด

ชี้กอร์ปศักดิ์ทิ้ง สพช.เอาตัวรอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผลสอบ ปชป.ไม่พบทำผิดประโภชฌ์ลาออกอีกราย ตร.ยึดวิทยุแดงเชียงใหม่

เพื่อไทย กัดไม่ปล่อยโกงโครงการชุมชนพอเพียง ตามจิก กอร์ปศักดิ์ ทิ้งเก้าอี้บอร์ด สพช.เพื่อเอาตัวรอด แฉเกมสับขาหลอกให้สังคมสับสน แต่อำนาจสั่งการยังอยู่ในกำมือ ด้านมือมืดส่งเอกสารแฉสัมพันธ์ลับผู้บริหารโครงการกับ 2 สาวผู้ถือหุ้นบริษัทที่ได้รับเลือก นายกฯประกาศกลางสภาไม่ปกป้องหรือตัดตอนคนผิด ด้าน ประโภชฌ์ ความรู้สึกช้าเพิ่งประกาศลาออก อ้างเพื่อความโปร่งใส ขณะที่ทีมสอบของประชาธิปัตย์ออกแนวมวยล้มต้มคนดู บอกพิรุธเพียบแต่ไม่พบคนผิด ยัน 2 ส.ข.ของพรรคแค่พฤติกรรมไม่เหมาะสมเท่านั้น โยนบาปให้เจ้าหน้าที่ สพช.รับไป ด้านเชียงใหม่ปะทะเดือด หลังตำรวจเปิดปฏิบัติการปิดประตูตีแมวคนเสื้อแดง ส่งกำลังยึดเครื่องส่งและเสาอากาศ

กอร์ปศักดิ์ลาออกแค่สับขาหลอก

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน หรือโครงการชุมชนพอเพียงว่า การตัดสินใจลาออกหลังจากที่พบการทุจริต พรรคมองว่าเป็นการเอาตัวรอดให้หลุดพ้นจากกระแสสังคมเท่านั้น เปรียบเป็นเกมฟุตบอลที่นายกอร์ปศักดิ์กำลังสับขาหลอกให้สังคมสับสนก่อนที่จะส่งลูกให้คนอื่นเล่นต่อ หรือไม่รอจังหวะกระชากบอลยิงประตู

การลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด สพช. ไม่มีผลอะไรต่อการดำเนินการของ สพช. เนื่องจากนายกอร์ปศักดิ์ยังดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการอำนวยการโครงการอยู่ ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ เป็นผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งตัวเองให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว และอนุกรรมการชุดนี้มีหน้าที่อนุมัติโครง การและเกี่ยวข้องกับงบฯจำนวน 21,000 ล้านบาท ก่อนที่จะชงเรื่องต่อไปยังประธานบอร์ด สพช. ให้อนุมัติต่อ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

เชื่อตั้งมีชัยแค่เป็นหุ่นเชิด

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายกอร์ปศักดิ์แต่งตั้งนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพช. มีอำนาจแต่งตั้งรอง ผอ.อีก 6 คน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ นายประโภชฌ์ สภาวสุ น้องชายนายกอร์ปศักดิ์ และไม่ได้มอบหมายอำนาจหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้กับรอง ผอ.ทั้ง 6 คน แต่กลับแต่งตั้งกลุ่มภารกิจที่ทำหน้าที่ดังกล่าวแทน 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มภารกิจดำเนินการสรุปผลและการพิจารณาโครงการ และ 2.กลุ่มภารกิจการบริหารจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบฯ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้มีนายประโภชฌ์เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าการบริหารจัด การงบฯ คนในตระกูลสภาวสุมีอำนาจเต็มในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติทั้งสิ้น

ขอฝากไปถามนายกอร์ปศักดิ์ด้วยว่า ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด สพช. หมายรวมถึงการลาออกจากตำแหน่งประธานอนุกรรมการอำนวยการด้วยหรือไม่ เพราะแม้ว่าขณะนี้จะมีการแต่งตั้งนายมีชัย วีระไวทยะ ให้มาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด สพช.แทน แต่ก็เหมือนกับการโยกฝ่ายบุ๋นที่ทำงานด้านวิชาการมาดำรงตำแหน่งแทน ทั้งที่อำนาจสิทธิขาดการอนุมัติโครงการยังอยู่ที่นายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานอนุกรรมการเหมือนเดิม น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวและว่า พรรคกังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อการตรวจสอบการทุจริตในโครงการดังกล่าว ตราบใด ที่นายกอร์ปศักดิ์ยังทำหน้าที่รองนายกฯที่กำกับดูแล สพช. ดังนั้นนายกอร์ปศักดิ์ควรที่จะลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯด้วย

แฉข้อมูลสัมพันธ์ลับเพื่อตัดตอน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้งบฯ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการชุมชนพอเพียง เพราะยังมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ถ้านายมีชัยเก่งจริงก็ต้องปลดนายสุมิทและนายประโภชฌ์ ออกจากตำแหน่งบริหารใน สพช. ด้วย ส่วนข่าวนายกอร์ปศักดิ์ปกป้องนายประโภชฌ์ในระหว่างการหารือกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ว่าน้องชายไม่รู้เรื่องและอาจจะถูกหลอก พรรคขอเรียกร้องให้มีการปลดนายประโภชฌ์ออกจากตำแหน่งรอง ผอ.สพช. เพราะคนที่ถูกหลอกได้ง่ายอย่างนี้ไม่ควรที่จะมามีหน้าที่รับผิดชอบกับงบฯ 21,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามส่งเอกสารลับถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงวันที่ 13 ส.ค. เนื้อหาระบุถึงความสัมพันธ์ลับของนายสุมิทกับสุภาพสตรี 2 รายในตระกูลหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว แต่พรรคตั้งข้อสังเกตว่าเอกสาร ดังกล่าวน่าจะถูกส่งมาจากฝ่ายรัฐบาล เพื่อต้องการตัดตอนความผิดให้อยู่ที่นายสุมิท

มาร์คประกันไม่ตัดตอน

วันเดียวกันในการประชุมสภา มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้งบประมาณในโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน ทั้งประเด็นการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเรื่องการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ 3 คน และการแต่งตั้งอดีตผู้สมัคร ส.ส. ชัยนาท พรรคประชาธิปัตย์ ที่สอบตกเข้ามาปฏิบัติงานใน สพช.มีตำแหน่งมีเงินเดือน เพื่อให้มารับผิดชอบตามที่มีผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์กำชับว่าอย่าให้เดือดร้อนถึงพรรคหรือไม่ และไม่ค่อยเห็นนายกฯ เอาจริงเอาจังที่จะหาตัวคนผิดมาลงโทษ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า รัฐบาลติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ตอนที่มีการพาดพิงนักการเมืองท้องถิ่นก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ขอให้มั่นใจได้ว่าเรื่องนี้ตนทำต่อเนื่องแน่ไม่มีการปกป้องตัดตอนใคร ตนจะไม่ยอมให้มีการทุจริตไม่เพิกเฉยจะทำให้เห็นชัดเจนเด็ดขาด

กอร์ปศักดิ์เผยมีคนแอบอ้างชื่อ

ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงยอมรับว่า การจัดซื้อสินค้าในโครงการฯของชุมชน กทม.มีปัญหา และยอมรับว่าโครงการฯนี้นำชื่อตนไปแอบอ้าง และเบิกงบฯจัดซื้อได้จริง โดยเฉพาะที่ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว

นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงของพรรค เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนว่า จะสรุปผลการตรวจสอบส่งให้นายอภิสิทธิ์ในวันที่ 21 ส.ค.โดยไม่ได้ชี้มูลว่ามีใครทำผิดกฎหมาย แต่ได้ตั้งข้อ สังเกตถึงความไม่โปร่งใส เช่น การอนุมัติให้ ชุมชนซื้อสินค้าทั้งที่ไม่มีบริษัทคู่แข่ง หรือขั้นตอนการเบิกเงินทางบริษัทที่ขายสินค้ารู้ข้อมูลภาย ในของ สพช.ได้อย่างไร โดยเฉพาะรู้ว่า สพช. อนุมัติเงินให้กับชุมชนแล้วและบอกให้ทางชุมชน ไปเบิกเงินด้วย จึงน่าจะบ่งบอกว่ามีอะไรใน สพช.

ผลสอบเป็นมวยล้มต้มคนดู

ประธานคณะกรรมการตรวจสอบฯ กล่าวอีกว่า สำหรับ 2 ส.ข.ของพรคที่มีข่าวว่าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น คณะกรรมการฯ สรุปว่าบุคคลทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องจริง แต่ไม่ถึงกับมีความผิดทางอาญาคือกฎหมายเอาผิดไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน แม้ฝ่ายค้านจะมีการเปิดเผยซีดีว่า ส.ข. ของพรรคเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็เป็นเพียงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น

สำหรับกรณีของนายประโภชฌ์นั้น นายเจริญกล่าวว่า คณะกรรมการเรียกมาซักถามแล้ว พบว่านายประโภชฌ์ไม่ค่อยรู้เรื่องดังกล่าวและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ขณะที่นายกอร์ป ศักดิ์ คณะกรรมการฯ ก็ไม่ได้สอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.และ สตง.ต้องเป็นผู้สอบ เมื่อถามว่า ผลสอบออกมาอย่างนี้อาจถูกวิจารณ์ว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู นายเจริญกล่าวว่า เราก็ตรวจสอบได้เท่านี้ ถ้าฝ่ายค้านมีหลักฐานเราก็พร้อมให้ความร่วมมือในการร่วมกันตรวจสอบ

ความรู้สึกช้าประโภชฌ์ลาออก

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประโภชฌ์ สภาวสุ รอง ผอ.สพช. ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารมาแจกจ่ายที่ห้องสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเนื้อหาระบุว่าการลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับโครงสร้างทั้งระบบของโครงการชุมชน พอเพียง เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้

นายประโภชฌ์ยังระบุในเอกสารด้วยว่า เข้ามาทำงานนี้ด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นว่าจะทำงานให้กับชุมชนได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อโครงการนี้เป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาในการให้ความรู้แก่ชุมชน จึงจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อมีการตรวจสอบโครงการพบว่ามีปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติ และมีผู้แสวงหาประโยชน์กันอยู่มาก เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและคล่องตัว จึงขอลาออกจากการทำหน้าที่ในครั้งนี้

วุฒิฯจี้สละเก้าอี้รองนายกฯ

นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการติดตามงบประมาณของโครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน กล่าวถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ลาออกจากประธานโครงการชุมชนพอเพียงว่า เป็นการแสดงความรับผิดชอบแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่นายกอร์ปศักดิ์ จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว การลาออกจากตำแหน่งประธาน สพช. ไม่น่าเพียงพอ ควรจะลา ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ด้วยเนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบโครงการโดยตรง

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรค ประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า มีข้อร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีน บุรี ถึงความผิดปกติในโครงการชุมชนพอเพียง หลายชุมชนไม่ได้สินค้าตามที่ได้เสนอไป แต่กลับได้ตู้น้ำหยอดเหรียญมาแทน เบื้องต้นพบว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเทศบาลตำบลเมืองเก่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะสาวไปให้ถึงที่มาของบริษัทเอกชนที่นำสินค้ามาร่วมโครงการ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากมีคนใน สพช.

ชี้เจตนาดีเสนอ ก.ม.นิรโทษ

ส่วนการเมืองอื่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมว่า คงยัง ไม่สามารถนำเข้าสู่สภาได้ เพราะต้องพูดคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ร่างกฎหมายนี้คนเสื้อ เหลืองและเสื้อแดงก็ไม่ยอมรับจึงคงเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวเป็นเจตนาดีที่พรรคภูมิใจไทยต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้น

นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าสภาน่าจะดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ก่อน หากจะให้มีการพิจารณาพร้อมไปกับกฎหมายนิรโทษกรรมก็ต้องดูว่ามีการสอดรับกันหรือไม่ หากเห็นว่าใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ก็อาจจะพิจารณา พร้อมกันได้ การเสนอกฎหมายดังกล่าวเป็นเจตนาที่ดีเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศ

ลุงจิ้นยันเจตนาดีเพื่อชาติ

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดในการชุมนุมทางการเมืองว่า เชื่อว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง เนื้อหาสาระภายในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ อย่างไรก็ตามพรรคเคยเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติมาแล้ว ซึ่งมีเนื้อหานิรโทษกรรมครอบคลุมตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. ซึ่งถือเป็นต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาจนถึงขณะนี้ หากพรรคภูมิใจไทยต้องการให้เกิดความสมานฉันท์จริง ต้องใช้แนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เนื่องจากเป็นการหลอมรวมความคิดของ ส.ส. และส.ว.

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาด ไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า พรรคทำไปเพื่อให้คนในชาติเกิดความสมานฉันท์ หากไม่ได้การตอบรับก็ไม่เป็นไร ขอยืนยันว่าเจตนาของพรรคคือต้องการนิรโทษให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของผู้แทนที่จะอภิปรายในสภา เมื่อถามว่า ถ้ากระทรวง ยุติธรรมยกฎีกาของคนเสื้อแดงไม่เข้าข่ายตามกฎหมายจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย นายชวรัตน์กล่าวว่า ถ้าไม่เข้าข่ายต้องมีการเสนอกันใหม่ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ ตนมองว่าเป็นการสร้างความวุ่นวายให้สังคม เพราะ เหตุนี้พรรคจึงต้อง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาเพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข

เสื้อแดงปรับแผนล้มรัฐบาล

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช.แถลงว่า ในวันที่ 21 ส.ค.กลุ่ม นปช.จะประชุมร่วมกันเพื่อวางแนวทางในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์และโค่นล้มกลุ่มอำมาตย์ โดยจะมีแนวทางการล่าชื่อถอดถอนนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ การต่อต้านการถวายฎีกาที่เป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน ชาวไทย การแทรกแซงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพฤติกรรมส่วนตัวในการรับของขวัญเป็นงาช้างราคาเกิน 3 พันบาท

เราจะทำตามกฎหมายทุกอย่าง ด้วยการล่ารายชื่อถอดถอน แม้ว่ากฎหมายจะระบุไว้แค่ 2 หมื่นรายชื่อ แต่เราจะทำให้ได้เกินกว่า 10 ล้าน ชื่อ เพื่อแสดงให้นายอภิสิทธิ์เห็นว่าประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศนี้เขาไม่เอาคุณ และเราเองก็ไม่ได้หวังผลในชั้นวุฒิสภา เพราะส.ว. สรรหาก็มีกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และชื่อที่จะได้จะไม่มั่วเหมือนชื่อของกระทรวงมหาดไทยแน่นอน นายจตุพรกล่าว

ตร.ปิดประตูตีแมวเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 นาย ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่ ได้เข้าปิดล้อมโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลส ซึงเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 และยังเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 92.5 วิทยุคนเสื้อแดงเชียงใหม่ เพื่อตรวจค้นภายในโรงแรม ทำให้เจ้าหน้าที่ห้องส่งต้องออกอากาศเรียกระดม คนเสื้อแดงจนมารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมกว่า 500 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแล้วก็มีการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บางคนถึงกับร้องไห้ต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดเครื่องส่งวิทยุและเสาอากาศ ตามความผิดมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนที่จะถอนตัวกลับ

อดิศัย ไปอเมริกาผ่าตัด

สำหรับการติดตามตัวนายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีกล้ายางที่ถูกศาลออกหมายจับ กรณีหนีศาลไม่ไปฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น แหล่งข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ส.ค. นายอดิศัย ได้ทำหนังสือถึงศาลเพื่อเดินทางไปรักษาโรคเส้นประสาททับกระดูกสันหลังที่ประเทศสหรัฐแล้ว

นายอดิศัยป่วยเป็นโรคดังกล่าวจริง และเป็นมาระยะหนึ่งแล้วทำให้เดินไม่ได้ แม้แต่จะขึ้นลงจากรถก็เจ็บไปหมด เคยผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยังไม่หาย จึงได้เดินทางไปรักษาที่ประเทศสหรัฐเพราะแพทย์ได้นัดผ่าตัดในวันที่ 24 ส.ค. ขนาดงานศพมารดาก็ไม่ได้ไปร่วมงานเพราะเดินไม่ไหว การเดินทางไปสหรัฐก็เป็นการนัดล่วงหน้าไม่ได้ต้องการหนีศาล แหล่งข่าวกล่าว

มาร์ครับลงโทษแม้วลำบาก

วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อเปิดงานธรรมศาสตร์วิชาการ 52 มี กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 20 คน รอเขย่าตีนตบไล่ โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การแก้ปัญหาประเทศจะไม่มีวันสำเร็จได้หากขาดการร่วมแรงร่วมใจจากประชาชน ขณะนี้ปัญหาบ้านเมืองมีมาก แต่ตนยังไม่มีความคิดที่จะปรับ ครม. แต่ก็มีประเมินการทำงานอยู่ตลอดเวลาคิดว่าเมื่อไรที่มีความจำเป็นหรือเหมาะสมก็จะดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นมีนักเรียนได้เขียนคำถามว่า ในอนาคต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมามีอิทธิพลและมีบทบาทอีกหรือไม่ แล้วเมื่อไรจะดำเนินการลงโทษและอย่างไร ซึ่งนายกฯกล่าวว่า นักการเมืองทุกคนมีจุดดีจุดเลว ถ้าประชาชนเห็นว่าสิ่งที่อดีตนายกฯทำเป็นประโยชน์ หรือเป็นปัญหากับบ้านเมืองก็ต้องตัดสินใจว่าจะให้ประเทศชาติเดินหน้าอย่างไร ส่วนการติดตามตัวมาดำเนินคดียอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะบางประเทศไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

นักวิชาการชี้เข้ากลียุค

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า มีนักเรียนเขียนคำถามด้วยว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะเป็นสีเดียวกัน นายกฯกล่าวว่า ตนไม่คิดอย่างนั้น ไม่มีการเมืองหรือความคิดเห็นของคนประเทศไหนที่เหมือนกันได้ แต่ขออย่าให้ฆ่าฟันกัน ความสวยงามคือการมีหลายสีแต่อยู่ร่วมกันในสังคมได้

จากนั้นนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในจุดกลียุค ซึ่งเป็นปางดุร้ายของพระอุมา ให้คิดดูว่าเวลาผู้หญิงโกรธจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อถึงจุดที่เป็นจลาจล กลียุคไม่ได้หมายถึงมันจะมืดไปทั้งหมด หากแต่เป็นจุดจบเพื่อเกิดสิ่งใหม่ที่มีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า

แนะ 4 แนวทางแก้ปัญหา

นายชาญวิทย์กล่าวต่อว่า ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงวัฏจักรนี้ตนมี 4 ข้อเสนอ คือ 1.สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าและชนชั้นสูง 2.ต้องปฏิรูปแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ให้ประโยชน์กับคนทุกกลุ่มไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 3.ต้องทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุดและสถาบันกลางสำหรับคนทุกกลุ่มทุกคณะไม่ให้ใครนำไปอ้างได้ และ 4.ให้ทหารพลเรือนและตุลาการปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง หากทุกฝ่ายไม่สามารถนำ 4 แนวทางมาใช้ได้ เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่สามารถผ่านพ้นกลียุคนี้ไปได้

ด้านนายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เดิมเราเคยเจอเพียงขบวนการนักศึกษา หรือมวลชนจัดตั้ง แต่ปัจจุบันเรากำลังเจอกับขบวนการทางการเมือง 2 ขบวน คือ เหลืองทั้งสนามบินกับแดงทั้งแผ่นดิน ที่สุดโต่งไปคนละด้าน สีเหลืองเป็นประชาธิปไตยแต่ไม่เสรีแบบ 70-30 หรือสีแดงที่เสรีแต่ไม่เป็นประชาธิปไตยแบบทักษิณ จึงจำเป็นต้องมีการเมืองใหม่ขึ้นมารองรับ พรรคการเมืองของประชาชนไม่ใช่พรรคการเมืองของ ส.ส.

กองทัพยันไม่มีปฏิวัติ

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า วันนี้ประเทศรอบบ้านเดินหน้าไปมาก แต่เรามามีปัญหาการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพียงแค่แนวคิดไม่ตรงกัน ทุกคนเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่สามารถเดินไปอย่างแท้จริง แต่ที่มาโต้แย้งทำให้เราเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ต้องมาแก้ปัญหาการเมืองมากกว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

กองทัพนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ก็โดนว่าออกมาพูดก็โดนว่า จึงเป็นเรื่องยากที่จะวางตัวว่าอยู่ในสถานะใด จึงต้องอดทน ความสัมพันธ์ระหว่าง กองทัพและรัฐบาลตอนนี้โอเค รมว.กลาโหมก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เรื่องปฏิวัติยืนยันว่าไม่มีแน่นอนปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook